พื้นไม้เอ็นจิเนียร์ (Engineered Wood) คืออะไร? ทำความรู้จัก พื้นไม้เอ็นจิเนียร์ วัสดุปูพื้นที่ให้สัมผัสเป็นไม้จริง แต่คุณสมบัติดีกว่า

พื้นไม้เอ็นจิเนียร์ (Engineered Wood) คืออะไร? ทำความรู้จัก พื้นไม้เอ็นจิเนียร์ วัสดุปูพื้นที่ให้สัมผัสเป็นไม้จริง แต่คุณสมบัติดีกว่า

Engineering Wood คืออะไร? ทำความรู้จัก พื้นไม้เอ็นจิเนียร์ วัสดุปูพื้นที่ให้สัมผัสเป็นไม้จริง แต่คุณสมบัติดีกว่า

                  พื้นไม้ เป็นองค์ประกอบสำคัญของบ้านและอาคารที่ส่งผลต่อทั้งความสวยงาม บรรยากาศ และความสะดวกสบายในการอยู่อาศัย ในปัจจุบัน พื้นไม้เอ็นจิเนียร์ (Engineering Wood) กลายเป็นตัวเลือกยอดนิยมที่ได้รับความสนใจจากเจ้าของบ้าน นักออกแบบ และผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ เนื่องจากสามารถมอบ ความรู้สึกของไม้ธรรมชาติ ได้อย่างสมบูรณ์แบบ พร้อมเสริม ความแข็งแรงและทนทาน ที่เหนือกว่าไม้จริงในหลายด้าน ด้วยโครงสร้างแบบหลายชั้น พื้นไม้เอ็นจิเนียร์สามารถลดปัญหาการขยายตัวและบิดงอจากความชื้นและอุณหภูมิได้ดีขึ้น ติดตั้งง่าย ดูแลรักษาสะดวก และยังมีเฉดสีและพื้นผิวให้เลือกหลากหลาย ทำให้เหมาะกับทุกสไตล์การตกแต่ง ไม่ว่าจะเป็นบ้านพักอาศัย คอนโด หรือพื้นที่เชิงพาณิชย์

1.พื้นไม้เอ็นจิเนียร์ (Engineered wood) คืออะไร

พื้นไม้เอ็นจิเนียร์ (Engineered Wood) คืออะไร พร้อมโครงสร้างภายในและประโยชน์ในการใช้งานจริง

2.โครงสร้างของ พื้นไม้เอ็นจิเนียร์ (Engineered wood)

โครงสร้างพื้นไม้เอ็นจิเนียร์ Engineered Wood แสดงชั้นวัสดุแต่ละชั้นอย่างชัดเจน

ภาพนี้แสดง โครงสร้าง พื้นไม้เอ็นจิเนียร์ ของแบรนด์ Imondi ซึ่งประกอบด้วย

-White Oak Veneer (3 mm)  : ผิวหน้า ทำมาจาก ไม้ไวท์โอ๊ค ซึ่งมีความแข็งแรงกว่า ไม้โอ็คปกติ และ หนาถึง 3 มิลลิเมตร จึงให้สัมผัสเป็น ไม้จริง แต่ แข็งแรงมากกว่า มากไปกว่านั้นยังทำให้ Imondi สามารถทำสีได้หลากหลาย และสีสันสวยงาม

-Muti-Layer Plywood (11 mm) : แกนกลาง ทำมาจากไม้อัดสลับชั้น สลับเสี้ยน เพื่อลดการขยายตัว และ เพิ่มความแข็งแรงของพื้นไม้

3. คุณสมบัติของ พื้นไม้เอ็นจิเนียร์ (Engineered wood)

1.ให้สัมผัสไม้จริง : ผิวหน้าทำจากไม้จริง 100% สัมผัสได้ถึงลายไม้และผิวสัมผัสที่อบอุ่นเป็นธรรมชาติ

2.ลวดลายไม้เฉพาะตัวเป็นธรรมชาติ : ทุกแผ่นมีลวดลายไม่ซ้ำกัน เพราะใช้ไม้จริงแต่ละชิ้นแบบไม่ทำซ้ำ

3.ขัดผิวหน้าและทำสีใหม่ได้ : รุ่นที่มีชั้น veneer หนา สามารถขัดและเปลี่ยนสีได้หลายครั้ง เหมือนไม้แท้

4.แข็งแรง ทนทาน โก่งตัวน้อย : โครงสร้างไม้อัดสลับเสี้ยนเพิ่มความเสถียร ทนต่อแรงกระแทกและการยืดหด

5.คุ้มค่า : ราคาย่อมเยากว่าไม้แท้แบบแผ่นตัน แต่ให้ภาพลักษณ์และความรู้สึกที่ใกล้เคียงกัน สามารถดูบทความ พื้นไม้เอ็นจิเนียร์ VS พื้นไม้จริง ได้ที่นี่เลย

4. ข้อควรระวัง ของ พื้นไม้เอ็นจิเนียร์ (Engineered Wood)

4.1 ขัดพื้นใหม่ได้น้อยกว่าไม้จริง

  • หากชั้นไม้แท้ (Top Layer) มีความหนาน้อย อาจขัดพื้นใหม่ได้เพียง 1-2 ครั้ง
  • ไม้จริงสามารถขัดและทำสีใหม่ได้หลายครั้งกว่า

4.2 ไม่สามารถใช้ในพื้นที่เปียกชื้นมาก ๆ

  • แม้จะทนต่อความชื้นได้ดีกว่าไม้จริง แต่ไม่สามารถใช้งานในห้องน้ำ หรือพื้นที่ที่มีน้ำขังได้
  • ควรหลีกเลี่ยงการใช้ในพื้นที่ภายนอกอาคาร

4.3 คุณภาพขึ้นอยู่กับแบรนด์และกระบวนการผลิต

  • พื้นไม้เอ็นจิเนียร์จากแบรนด์ที่ไม่มีมาตรฐานอาจใช้แกนกลางที่ไม่แข็งแรง

4.4 มีอายุการใช้งานสั้นกว่าไม้จริงบางประเภท

  • ไม้จริงที่มีการดูแลดีสามารถใช้งานได้นานกว่า 50 ปีขึ้นไป
  • พื้นไม้เอ็นจิเนียร์มีอายุการใช้งานเฉลี่ยประมาณ 20-30 ปี

5.พื้นที่ที่เหมาะกับ พื้นไม้เอ็นจิเนียร์

พื้นไม้เอ็นจิเนียร์ (Engineered Wood Flooring) คือทางเลือกที่ลงตัวสำหรับบ้านที่ใส่ใจทั้งเรื่องดีไซน์และฟังก์ชัน ไม่ว่าจะเป็นห้องนั่งเล่นหรือห้องรับแขก พื้นไม้เอ็นจิเนียร์ ช่วยสร้างบรรยากาศอบอุ่น เรียบหรู และดูเป็นธรรมชาติอย่างมีระดับ ส่วนในห้องนอน พื้นไม้ชนิดนี้ให้สัมผัสที่นุ่มนวล ช่วยเสริมความผ่อนคลายให้การพักผ่อนเต็มอิ่มมากยิ่งขึ้น สำหรับห้องทำงานหรือห้องอ่านหนังสือ พื้นไม้เอ็นจิเนียร์ช่วยลดเสียงสะท้อน มอบความเงียบสงบเหมาะกับการจดจ่ออย่างมีสมาธิ พื้นที่โถงทางเดินภายในบ้านซึ่งต้องรองรับการเดินผ่านบ่อยครั้งก็อุ่นใจได้ ด้วยโครงสร้างหลายชั้นที่ออกแบบมาให้มีความแข็งแรง และหากเป็นพื้นที่ชั้นบนของบ้านหรือคอนโดมิเนียม พื้นไม้เอ็นจิเนียร์ ถือว่าตอบโจทย์ เพราะมีน้ำหนักเบากว่าพื้นไม้ Solid Wood แต่ยังคงไว้ซึ่งลุคหรูและความทนทานอย่างมืออาชีพในงานตกแต่งระดับพรีเมียม บทความ พื้นที่การใช้งานของพื้นไม้เอ็นจิเนียร์อย่างละเอียดคลิกที่นี่

6.พื้นที่ที่ไม่แนะนำให้ใช้พื้น Engineered Wood

แม้ พื้นไม้เอ็นจิเนียร์  ( Engineered Wood ) จะทนต่อความชื้นได้ดีกว่าไม้จริง แต่ก็ไม่เหมาะสำหรับพื้นที่ที่มีความชื้นสูงตลอดเวลา เช่น ห้องน้ำ ห้องซักรีด หรือพื้นที่ที่มีโอกาสเกิดน้ำซึมซ้ำ ๆ ลงบนพื้น เพราะอาจทำให้เกิดการบวมหรือเสียรูปได้ในระยะยาว รวมถึงพื้นที่กลางแจ้งอย่างระเบียงหรือชานบ้านที่ต้องเผชิญแดดฝนโดยตรง ซึ่งควรเลือกวัสดุที่ออกแบบมาสำหรับการใช้งานภายนอกโดยเฉพาะเพื่อความปลอดภัยและอายุการใช้งานที่ยาวนานกว่า

7. 5 ชนิดไม้ที่นิยมใช้ทำ Veneer ใน Engineered Woo

4 ชนิดไม้ยอดนิยมที่ใช้ทำชั้นผิววีเนียร์ของพื้นไม้เอ็นจิเนียร์ (Engineered Wood) ได้แก่ ไม้โอ๊ค ไม้เมเปิ้ล ไม้วอลนัท และไม้เชอร์รี่

1. ไม้ไวท์โอ๊ค (White Oak)

  • ลายไม้: ลายตรง สม่ำเสมอ ดูคลาสสิก
  • จุดเด่น: แข็งแรง ทนต่อการใช้งานหนัก ติดสีและเคลือบผิวได้สวยงาม เหมาะกับสไตล์โมเดิร์น-สแกนดิเนเวียน

2. ไม้สัก (Teak)

  • ลายไม้: ลายพริ้วธรรมชาติ มีน้ำมันในเนื้อไม้
  • จุดเด่น: ทนความชื้น ทนปลวกได้ดีตามธรรมชาติ มีความหรูหราในตัว เหมาะกับบ้านสไตล์วินเทจหรือทรอปิคอล

3. ไม้วอลนัท (Walnut)

  • ลายไม้: ลายโค้ง พริ้ว และมีมิติ
  • จุดเด่น: ให้ความรู้สึกหรูหรา ลุ่มลึก เหมาะกับบ้านหรือพื้นที่ที่ต้องการความพรีเมียมแบบร่วมสมัย

4. ไม้แอช (Ash)

  • ลายไม้: ลายตรงชัดเจน คล้ายโอ๊ค แต่สว่างกว่า
  • จุดเด่น: ให้ลุคอบอุ่น สว่าง โปร่ง เหมาะกับบ้านสไตล์มินิมอลหรือญี่ปุ่น

5. ไม้เรดโอ๊ค (Red Oak)

  • ลายไม้: ลายเปิดชัดเจน เส้นใยเด่น
  • จุดเด่น: ให้ความรู้สึกอบอุ่น เข้มขรึม นิยมใช้ในงานตกแต่งแบบอเมริกันคลาสสิกหรือลอฟต์

นอกจากจะมีวีเนียร์จากไม้แท้ให้เลือกหลากหลายพร้อมมีลายไม้อย่างเป็นเอกลักษณ์แล้ว ยังมี โทนสีของพื้นไม้เอ็นจิเนียร์ ที่ให้ทุกความต้องการและหลากสไตล์ คลิกที่นี่เลย! 

8.ขั้นตอนการติดตั้ง พื้นไม้เอ็นจิเนียร์

ขั้นตอนการติดตั้งพื้นไม้เอ็นจิเนียร์ในห้องอเนกประสงค์ ติดตั้งง่าย ได้พื้นสวยเรียบเนียน

Step 1: เตรียมพื้นผิว (Subfloor Preparation)

  • ตรวจสอบให้พื้นเดิมเรียบ สะอาด และแห้งสนิท
  • หากพื้นไม่เรียบ ควรปรับระดับด้วยปูนปรับระดับหรือแผ่นรอง

Step 2: ปูแผ่นรองพื้น (Underlay Installation)

  • ปูแผ่นรองพื้นชนิดโฟม/โฟมกันเสียง/กันชื้น ตามความเหมาะสม
  • สำคัญสำหรับการติดตั้งแบบลอยตัว (Floating Floor)

Step 3:ทากาวและติดตั้ง

  • ใช้เทคนิคทากาวก่อนติดตั้ง เพื่อให้พื้นไม้ยึดติดแน่น

Step 4: ตัดแต่งและปรับขอบ (Trimming & Edge Finishing)

  • ใช้เลื่อยตัดแต่งแผ่นปลายให้พอดีกับขนาดห้อง
  • ใส่บัวพื้นหรือขอบไม้ (Skirting/Quarter Round) เพื่อปิดรอยห่างระหว่างพื้นกับผนัง

5Step 5: ตรวจสอบและทำความสะอาด

  • ตรวจสอบความเรียบร้อยของรอยต่อ ความแน่นของแต่ละแผ่น
  • ทำความสะอาดด้วยผ้าแห้งหรือผ้าชุบน้ำหมาด ๆ ก่อนใช้งาน

พื้นไม้เอ็นจิเนียร์ คือ พื้นไม้ที่เจ้าของบ้านเลือกใช้ เป็นทางเลือกที่ชาญฉลาดสำหรับคนที่ชื่นชอบเสน่ห์ของไม้แท้ แต่ต้องการความทนทานและดูแลรักษาง่ายในแบบที่เหมาะกับบ้านสมัยใหม่ ด้วยโครงสร้างที่ถูกออกแบบมาอย่างมีระบบ  อีกทั้งยังมีหลากหลายลวดลาย สี และเกรดไม้ให้เลือก เพื่อตอบโจทย์ทุกสไตล์การตกแต่งภายใน ไม่ว่าคุณจะสร้างบ้านใหม่ รีโนเวทคอนโด หรือออกแบบโครงการบ้านระดับพรีเมียม พื้นไม้เอ็นจิเนียร์ ถือเป็นวัสดุปูพื้นที่คุ้มค่าและมีคุณภาพระดับสูง ทั้งในแง่ของฟังก์ชัน ความงาม และอายุการใช้งานระยะยาว หากคุณกำลังมองหาพื้นไม้ที่ “ให้ความรู้สึกเหมือนไม้จริง แต่เหนือกว่าในแง่ของการใช้งาน” พื้นไม้เอ็นจิเนียร์ คือคำตอบที่ลงตัวที่สุดในยุคนี้

ref : https://www.ukflooringdirect.co.uk/blogs/flooring-advice/what-is-engineered-flooring

Google Map
Line
Line
Google Map