ไม้อัด Plywood

1. ไม้อัดคืออะไร?

ไม้อัด(Plywood) คือ วัสดุไม้แปรรูปที่ผลิตจากการนำ แผ่นไม้บาง ๆ หรือ “แผ่นวีเนียร์ (Veneer)” มาซ้อนกันหลายชั้น แต่ละชั้นจะวางสลับทิศทางของเสี้ยนไม้ (Cross Grain) เพื่อเพิ่มความแข็งแรงและลดการบิดงอ จากนั้นอัดด้วยแรงดันและกาวคุณภาพสูงภายใต้อุณหภูมิที่ควบคุมอย่างแม่นยำ จนได้แผ่นไม้ที่มีความแน่น คงรูปดี และผิวเรียบสม่ำเสมอ

ไม้อัดจึงเป็นวัสดุที่ผสมผสานระหว่าง “ความแข็งแรงของไม้จริง” และ “ความเสถียรของเทคโนโลยีการอัดไม้” เข้าด้วยกัน ทำให้มีคุณสมบัติที่ทั้งทนทานและใช้งานง่าย โดยมีขนาดมาตรฐาน 122 x 244 เซนติเมตร (หรือ 4 x 8 ฟุต) และความหนาหลากหลายตั้งแต่ 3 มม. ถึง 25 มม.

ด้วยโครงสร้างที่เบาแต่แข็งแรง ไม้อัดจึงถูกนำมาใช้ในงานหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น เฟอร์นิเจอร์ บิวต์อิน ผนัง ฝ้าเพดาน พื้น หรือแบบหล่อคอนกรีตในงานก่อสร้าง อีกทั้งยังสามารถปิดผิวตกแต่งเพิ่มเติมได้หลายแบบ เช่น ลามิเนต เมลามีน หรือวีเนียร์ไม้จริง ช่วยให้งานไม้ดูสวยงามเหมือนไม้แท้ในราคาที่คุ้มค่ากว่า

2. ไม้อัดมีกี่ประเภท? (และเหมาะกับงานแบบไหน?)

ไม้อัด ในปัจจุบันมีหลายประเภทให้เลือกใช้งาน โดยแต่ละชนิดถูกออกแบบมาให้เหมาะกับวัตถุประสงค์ที่แตกต่างกัน เช่น ความสวยงาม, ความแข็งแรง, ความทนทานต่อความชื้น หรือความสะอาดปลอดภัยในงานภายในบ้าน สามารถดูความแตกต่าง และ เกรดของไม้อัดอย่างละเอียดได้ที่นี่แต่ในบทความนี้เราจะมาจำแนก ไม้อัด หลัก ๆ ได้ดังนี้:

2.1 ไม้อัดยาง (Rubberwood Plywood)

ไม้อัดยางพารา ผลิตจากไม้ยางพาราทั้งแผ่น แข็งแรง ตัดง่าย เจาะง่าย และมีความหนาแน่นที่พอเหมาะ เหมาะกับงานเฟอร์นิเจอร์ทั่วไป เช่น โครงตู้ โต๊ะ ชั้นวางของ ตู้บิวต์อิน รวมถึงงาน DIY และตกแต่งภายในที่ต้องการความคุ้มค่า ราคาประหยัด
ไม้อัดยางพารา เหมาะกับ: เฟอร์นิเจอร์ทั่วไป, โครงตู้, งานปิดผิว, บิวต์อิน ไม้อัดยางมีหลายเกรดควรศึกษาให้ดีก่อนเลือกซื้อ ใครที่ยังไม่รู้ว่า ไม้อัดมีหลายราคา สามารถเข้ามาอ่านต่อได้ที่นี่เลย

2.2 ไม้อัดวีเนียร์ลายตรง / ลายภูเขา (Veneer Plywood: Straight Grain / Crown Cut)

ใช้ไม้จริง เช่น ไม้สัก โอ๊ค แอช วอลนัท มาปิดผิวหน้า ทำให้ได้ลวดลายไม้ธรรมชาติ ดูหรูหราเหมือนไม้จริง โดยมีให้เลือกทั้ง
– ลายตรง (Straight Grain) ดูเรียบสงบ เหมาะกับงานโมเดิร์น
– ลายภูเขา (Crown Cut) ลายไม้ชัด เหมาะกับงานหรูคลาสสิก
– เหมาะกับ: หน้าบานตู้ ผนังตกแต่ง โต๊ะท็อปไม้จริง ตู้โชว์ หรือเคาน์เตอร์
– จุดเด่น:ให้ผิวไม้ธรรมชาติในราคาที่ประหยัดกว่าไม้จริงทั้งแผ่น สามารถเคลือบแลคเกอร์หรือทาสีใสโชว์ลายได้

2.3 ไม้อัด MDF (Medium Density Fiberboard)

ผลิตจาก เส้นใยไม้บดละเอียดผสมกาวสังเคราะห์ แล้วอัดด้วยแรงดันสูงจนได้แผ่นเรียบเนียน ไม่มีเสี้ยน
จุดเด่นคือผิวเนียนละเอียด เหมาะกับงานทาสี หรือ งาน CNC ที่ต้องการความคมของลวดลาย

– เหมาะกับ: หน้าบานเรียบ บานทาสี งานบิวต์อิน เฟอร์นิเจอร์โมเดิร์น
– ข้อควรระวัง: ไม่ทนน้ำ หากต้องใช้งานในที่ชื้น ควรเลือก รุ่น HMR แทน

2.4 ไม้อัด HMR (High Moisture Resistant Board)

ไม้HMR คือ การพัฒนาจาก ไม้อัด MDF ให้ทนชื้น มีความหนาแน่นสูงและผสมสารป้องกันความชื้นในเนื้อไม้ เหมาะกับพื้นที่ที่มีความชื้นปานกลาง เช่น ห้องครัว, ห้องน้ำ, ห้องซักรีด หรือจุดที่อาจโดนน้ำบ้างเล็กน้อย

ไม้อัด HMR เหมาะกับ: ตู้ล่างในห้องครัว, ตู้ห้องน้ำ, เฟอร์นิเจอร์ใกล้ผนังปูน, บานปิดพื้นที่เปียก

2.5 ไม้อัด Particle Board (พาร์ติเคิลบอร์ด)

ไม้อัด Particle Board ผลิตจากเศษไม้ชิ้นเล็ก ผสมกาวแล้วอัดเป็นแผ่น เหมาะกับงานที่ไม่ต้องการโชว์ขอบ เช่น ตู้เสื้อผ้า ชั้นวางของ โดยเฉพาะเมื่อนำไปปิดผิวเมลามีนหรือลามิเนต
ข้อดี: ราคาถูกมาก น้ำหนักเบา
ข้อควรระวัง: ไม่ทนน้ำ ไม่เหมาะกับพื้นที่ชื้น
ไม้อัด Particle Board เหมาะกับ: ตู้เสื้อผ้า, ตู้ครัวบิวต์อิน, ชั้นวางของ, เฟอร์นิเจอร์ภายในทั่วไป

2.6 ไม้อัดเคลือบขาว (Melamine-faced Board / White Laminated Plywood)

ไม้อัด หรือ MDF/HMR ที่ปิดผิวด้วยเมลามีนสีขาวเรียบ ทำให้พื้นผิวดูสะอาด ทนรอยขีดข่วน เช็ดทำความสะอาดง่าย ใช้งานได้โดยไม่ต้องปิดผิวเพิ่มเติม
เหมาะกับ: ตู้เสื้อผ้า, ตู้ลอยห้องครัว, ห้องเด็ก, ชิ้นงานสีอ่อนเรียบ

2.7 ไม้อัดยางดำ หรือ ไม้อัดฟิล์มดำ (Film Faced Plywood)

ไม้อัด ที่เคลือบผิวด้วยฟิล์ม Phenolic สีดำด้านหรือเงา มีคุณสมบัติกันน้ำและทนต่อการใช้งานหนัก นิยมใช้ในงานก่อสร้างเป็นแบบหล่อคอนกรีต (Formwork) และสามารถใช้งานซ้ำได้หลายรอบ
เหมาะกับ: งานก่อสร้าง, เทคาน เทพื้น, งานกลางแจ้ง, งานที่ต้องการทนน้ำ

3. ถ้าต้องการ ไม้อัด ที่ทนชื้นได้ควรใช้แบบไหนดี?

ไม้อัด แต่ละชนิดมีข้อดีข้อเสีย และวิธีใช้งานแตกต่างกัน ดูข้อดีข้อเสียของไม้อัดได้ที่นี่ ถ้างานของคุณอยู่ในพื้นที่ที่มีความชื้น เช่น ห้องน้ำ ห้องครัว หรือพื้นที่ที่มีโอกาสสัมผัสน้ำบ่อย:

• HMR (High Moisture Resistant) คือทางเลือกที่ดีที่สุดสำหรับงานภายในบ้าน

• ไม้อัดฟิล์มดำ (Film-faced Plywood) เหมาะสำหรับงานนอกอาคาร งานหล่อคอนกรีต หรือที่ต้องการทนน้ำจริงจัง

• ไม้อัดเคลือบขาวเกรดดี (ถ้าผิวเมลามีนคุณภาพสูง + ใช้โครงสร้างรองรับที่ดี) ก็ช่วยให้ทนน้ำและเช็ดทำความสะอาดได้ง่าย

4. ขนาด ไม้อัด มีกี่ขนาด?

ไม้อัด แต่ละขนาดมีพื้นที่ใช้งานต่างกัน ศึกษาพื้นที่ใช้งานไม้อัดอย่างละเอียดได้ที่นี่เลย ขนาดมาตรฐานของ ไม้อัด ทั่วไปในไทยคือ:

• 122 x 244 ซม. (หรือ 4 x 8 ฟุต)

ความหนาที่มีให้เลือก:

• 3 มม., 6 มม., 10 มม., 15 มม., 18 มม., 25 มม.
  ทั้งนี้บางชนิด (เช่น MDF, HMR) อาจมีขนาดพิเศษให้เลือกตามการใช้งาน เช่น หนา 9 มม., 12 มม., 20 มม. เป็นต้น

5.ไม้อัด มีคุณสมบัติ และข้อดีอะไรบ้าง

ไม้อัด (Plywood) ถือเป็นวัสดุไม้แปรรูปที่ได้รับความนิยมสูงที่สุดในงานไม้ทุกประเภท ทั้งงานเฟอร์นิเจอร์ งานบิวต์อิน งานตกแต่งภายใน ไปจนถึงงานโครงสร้าง เนื่องจากมีคุณสมบัติที่โดดเด่นเรื่อง “ความแข็งแรง ความเสถียร และความคุ้มค่า” เมื่อเทียบกับไม้จริงหรือวัสดุอื่นในกลุ่มเดียวกัน

5.1 โครงสร้างแข็งแรง ทนแรงดัดงอได้ดี

ไม้อัดถูกออกแบบให้แต่ละชั้นของแผ่นไม้ (วีเนียร์) วางสลับเสี้ยนไม้ไปมา ทำให้แผ่นไม้มีความสมดุลในทุกทิศทาง จึงไม่บิดงอหรือแตกหักง่ายแม้ใช้งานระยะยาว

5.2 รับแรงและน้ำหนักได้ดีเยี่ยม

โครงสร้างหลายชั้นช่วยกระจายน้ำหนักได้สม่ำเสมอ ไม้อัดจึงรองรับแรงกด แรงดัน และแรงดึงได้มากกว่าวัสดุแผ่นอื่น เช่น MDF หรือ Particle Board

5.3 น้ำหนักเบากว่าไม้จริง

แม้จะแข็งแรงแต่ไม้อัดมีน้ำหนักเบากว่าไม้แท้หลายเท่า ทำให้ง่ายต่อการขนย้าย ติดตั้ง และขึ้นรูปหน้างาน

5.4 ผิวเรียบและสม่ำเสมอ

แผ่นไม้อัดคุณภาพดีจะผ่านการขัดผิวเรียบ ทำให้เหมาะกับการทาสี ปิดผิวเมลามีน หรือลามิเนตโดยไม่ต้องเตรียมผิวมาก

5.5 ตัด เจาะ ประกอบง่าย

ด้วยเนื้อไม้ที่แน่นพอดี ไม้อัดจึงสามารถตัด เจาะ ไส และยิงสกรูได้แน่น โดยไม่แตกร้าวง่าย ช่างไม้และช่างบิวต์อินนิยมใช้เพราะทำงานสะดวกและจบงานเร็ว

5.6 มีหลายเกรด หลายความหนา

ตั้งแต่ 3 มม. จนถึง 25 มม. และมีให้เลือกทั้งเกรด A, B รวมถึงชนิดพิเศษ เช่น HMR, MDF หรือฟิล์มดำ รองรับการใช้งานตั้งแต่งานตกแต่งเบา ๆ จนถึงงานโครงสร้างหนัก

5.7 ทนต่อการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิและความชื้น

เนื่องจากผ่านกระบวนการอบแห้งก่อนอัดแผ่น ไม้อัดจึงมีการขยายตัวน้อย และสามารถใช้งานได้ดีในสภาพอากาศของประเทศไทย

5.8 เป็นวัสดุที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

ผลิตจากไม้ยางพาราหรือเศษไม้ในอุตสาหกรรม ไม่ต้องตัดไม้ใหญ่ทั้งต้น ช่วยลดการสูญเสียทรัพยากรธรรมชาติ และปัจจุบันยังมีไม้อัดที่ผ่านมาตรฐาน FSC (Forest Stewardship Council) อีกด้วย

6.ข้อควรระวังการใช้ไม้อัด

แม้ว่าไม้อัดจะเป็นวัสดุที่ได้รับความนิยมอย่างมากในงานเฟอร์นิเจอร์ งานตกแต่ง และงานก่อสร้าง ด้วยคุณสมบัติที่แข็งแรงและใช้งานง่าย แต่ก็มีข้อควรระวังสำคัญที่ผู้ใช้งานไม่ควรมองข้าม เพื่อยืดอายุการใช้งานและป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นในภายหลัง สิ่งแรกที่ควรระวังคือการนำไม้อัดไปใช้ในพื้นที่ที่มีความชื้นสูง เช่น ห้องครัวหรือห้องน้ำ หากไม่ได้เลือกชนิดที่กันน้ำโดยเฉพาะ เช่น ไม้อัด HMR หรือไม้อัดฟิล์มดำ แผ่นไม้อัดทั่วไปอาจบวม โก่ง หรือหลุดร่อนเมื่อโดนน้ำเป็นเวลานาน นอกจากนี้ ควรหลีกเลี่ยงการวางไม้อัดในบริเวณที่มีแสงแดดส่องแรง เพราะความร้อนอาจทำให้กาวยึดในเนื้อไม้เสื่อมสภาพและทำให้แผ่นหดหรือขยายตัวได้ ควรเคลือบผิวไม้ด้วยแลคเกอร์หรือน้ำยาเคลือบป้องกัน UV เพื่อเพิ่มความทนทานต่อสภาพอากาศ

อีกประเด็นที่มักถูกละเลยคือการติดตั้งบนพื้นหรือผนังที่ยังมีความชื้น เช่น พื้นปูนที่ยังไม่แห้งสนิท เพราะจะทำให้ไม้อัดดูดซึมความชื้นจากพื้นและเกิดการบวมในระยะยาว ควรรอให้โครงสร้างแห้งก่อนติดตั้งทุกครั้ง ส่วนการเลือกเกรดไม้อัดก็มีผลต่อความสวยงามของงาน โดยงานที่ต้องโชว์ผิว เช่น หน้าบานตู้หรือผนังตกแต่ง ควรใช้ ไม้อัดเกรด A หรือไม้อัดวีเนียร์ ไม่ควรใช้เกรด B หรือ C ที่มีรอยตาไม้หรือรอยต่อเด่นชัด นอกจากนี้ ไม้อัดที่ไม่ได้ผ่านการปิดผิวควร ขัด เคลือบ หรือทาน้ำยาป้องกันปลวกและเชื้อรา ก่อนใช้งาน เพื่อป้องกันความชื้นและเพิ่มอายุการใช้งานให้ยาวนานขึ้น

สุดท้าย ควรเลือกใช้ สกรูและกาวที่เหมาะสมกับไม้อัด เพราะหากใช้สกรูยาวเกินไปหรือยิงแรงเกิน อาจทำให้แผ่นแตกได้ รวมถึงควรเก็บไม้อัดในที่แห้ง อากาศถ่ายเทดี และไม่โดนแดดหรือฝนโดยตรง หากซ้อนหลายแผ่นควรเว้นช่องระบายอากาศเพื่อป้องกันการโก่งงอ และที่สำคัญที่สุดคือควรเลือกไม้อัดจากผู้จัดจำหน่ายที่เชื่อถือได้ เช่น วิวัฒน์ชัยค้าไม้ (VK Wood) ซึ่งคัดสรรไม้อัดเกรดโรงงานมาตรฐาน E1 ปลอดสารฟอร์มาลดีไฮด์ และเหมาะกับงานทุกประเภท เพื่อให้คุณมั่นใจได้ในความแข็งแรง ปลอดภัย และความสวยงามที่ยั่งยืนในทุกโปรเจกต์

7.เปรียบเทียบไม้อัดแต่ละชนิด

ปัจจุบัน “ไม้อัด” มีหลายประเภทให้เลือกใช้งาน ตั้งแต่ไม้อัดยางสำหรับงานเฟอร์นิเจอร์ทั่วไป ไปจนถึงไม้อัดฟิล์มดำสำหรับงานก่อสร้างหนัก แต่ละชนิดมีคุณสมบัติเด่นและข้อจำกัดที่แตกต่างกัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของความแข็งแรง ความทนชื้น ความสวยงามของผิวไม้ หรือราคาต่อแผ่น การเข้าใจความแตกต่างระหว่างไม้อัดแต่ละแบบจะช่วยให้เลือกใช้วัสดุได้อย่างเหมาะสมกับงานมากที่สุด ทั้งในแง่ของ “ฟังก์ชัน” และ “ความคุ้มค่าในระยะยาว”

7.1 ตารางเปรียบเทียบไม้อัดแต่ละชนิด

ไม้อัดแต่ละชนิดมีจุดเด่นเฉพาะตัว หากต้องการความคุ้มค่าและใช้งานทั่วไป ไม้อัดยาง คือทางเลือกยอดนิยม แต่ถ้าเน้นความสวยงามของลายไม้ ควรเลือก ไม้อัดวีเนียร์ ส่วนพื้นที่ที่มีความชื้น เช่น ครัวหรือห้องน้ำ ควรเลือก ไม้อัด HMR เพื่อป้องกันการบวมเสียรูป สำหรับงานก่อสร้างหรือภายนอกที่ต้องการความทนทานสูงสุด ไม้อัดฟิล์มดำ คือคำตอบที่เหมาะที่สุด การเลือกไม้อัดให้ตรงงานไม่เพียงช่วยประหยัดงบประมาณ แต่ยังช่วยให้งานมีอายุการใช้งานยาวนานและได้มาตรฐานมากขึ้น

8.ทำไมต้องเลือก ไม้อัด จากวิวัฒน์ชัยค้าไม้?

• สินค้าเยอะ ครบทุกประเภท: ตั้งแต่ ไม้อัดยาง  ไม้อัด วีเนียร์ MDF HMR ไปจนถึง ไม้อัดฟิล์มดำ

• คัดเกรดไม้แท้: ไม่ผสมวัสดุหลอก ไม่แอ่น ไม่ผุ ใช้ไม้จริงเต็มแผ่นเท่านั้น

• มีให้เลือกหลายความหนา หลายราคา: ทั้งงานเฟอร์ฯ ประหยัด ไปจนถึงงานโครงการหรู

• สต็อกพร้อมจัดส่ง: มีสินค้าพร้อมหน้าร้านที่บางโพ ส่งได้ทั้งแบบชิ้นและจำนวนมาก

• คำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญ: ทีมงานเข้าใจวัสดุไม้อย่างแท้จริง แนะนำแบบตรงจุด

หมายเหตุ : อ่านรีวิว และ คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับไม้อัด วิวัฒน์ชัย ไม้อัดบางโพ ต่อได้ที่นี่เลย