พื้นไม้คอมพาวด์
โครงสร้าง พื้นไม้คอมพาวด์
โครงสร้าง
พื้นไม้คอมพาวด์
Sustainable Wood
Oak Veneer 3.5 mm
5G Click lock system
100%
Made In
Europe
3 Layer Solid Wood
Core-board
Maximum Solid Wood Length 4 m.
Oak Veneer 3.5 mm.
ผิวหน้าไม้แท้ Oak หนา 3.5 มม. ให้สัมผัสลายไม้ธรรมชาติ และสามารถขัดทำสีใหม่ได้หลายครั้ง
5G Click lock system
ติดตั้งง่าย รวดเร็ว ไม่ต้องใช้กาว พร้อมระบบล็อกแน่นหนา ลดสาร Formaldehyde ที่เกิดจากกาว
100% Made In Europe
ผลิตและนำเข้าจากยุโรปทั้งหมด รับรองคุณภาพตามมาตรฐานสากลทุกขั้นตอน
3 Layer Solid Wood
Core-board
โครงสร้างไม้จริง 3 ชั้นสลับเสี้ยน เพิ่มความเสถียร ลดการโก่งหรือบิดตัวของไม้
Maximum Solid Wood Length 4 m.
แผ่นพื้นไม้มีความยาวตั้งแต่ 2.2 เมตร จนไปถึง 4 เมตร ให้ลุคหรู เหมาะกับงานดีไซน์ระดับไฮเอนด์
-
SOLD OUT พื้นไม้คอมพาวด์ Boen Oak Warm Cotton 111-1
-
SOLD OUT พื้นไม้คอมพาวด์ Boen Oak Smoked Marcato 110-1
-
SOLD OUT พื้นไม้คอมพาวด์ Boen Oak Sand 109
-
SOLD OUT พื้นไม้คอมพาวด์ Boen Oak Pearl 108
-
SOLD OUT พื้นไม้คอมพาวด์ Boen Oak Grey Harmony 107
-
SOLD OUT พื้นไม้คอมพาวด์ Boen Oak Arizona 106
-
SOLD OUT พื้นไม้คอมพาวด์ Boen Oak Andante White LN 105
-
SOLD OUT พื้นไม้คอมพาวด์ Boen Oak Smoked 104
-
SOLD OUT พื้นไม้คอมพาวด์ Boen Oak Andante White LP 103
-
SOLD OUT พื้นไม้คอมพาวด์ Boen Oak Andante 102
-
SOLD OUT พื้นไม้คอมพาวด์ Boen Oak Toscana 101
Boen
Compound Wood
Showcase
ประสบการณ์งานไม้มากกว่า 50 ปี
ส่งมอบผลงาน ไปมากกว่า 10,000 ยูนิต
Boen ยกระดับพื้นไม้คอมพาวด์ให้พรีเมี่ยมกว่าเดิม
– ผลิตจากยุโรป 100%
– Boen มีประวัติยาวนานกว่า 384 ปี
– ปิดผิวไม้โอ๊คจริง หนาถึง 3.5มิล
– มาตราฐาน สูงสุดด้วยเทคโนโลยีจากยุโรป ดีต่อสุขภาพ และ สิ่งแวดล้อมอย่างแท้จริง
– เกรด E1/Low Formaldehyde / Blue Angel / Nordic Swan, Eco Institute, และ FloorScore
– ไม้จากป่าปลูกที่ได้รับการรับรอง FSC / Real Wood ที่ไม่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
1. พื้นไม้คอมพาวด์ (Compound Wood) คืออะไร
พื้นไม้คอมพาวด์ (Compound Wood Floor) คือวัสดุปูพื้นที่ผสมผสานระหว่าง “ความงามแบบธรรมชาติของไม้จริง” และ “เทคโนโลยีการผลิตสมัยใหม่” เพื่อให้ได้พื้นไม้ที่ทั้งสวย แข็งแรง และมีเสถียรภาพสูง
ในกระบวนการผลิต จะใช้ ไม้จริงแท้ทั้งชั้นนอกและชั้นใน โดยแกนกลางจะถูกออกแบบให้มีโครงสร้างไม้จริงวาง สลับเสี้ยนไม้ตามแนวขวาง (Cross-Lamination Structure) จำนวน 2–3 ชั้น เพื่อช่วยลดการยืดหดและการโก่งตัวจากการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิหรือความชื้น ซึ่งเป็นปัญหาหลักของพื้นไม้แท้แบบแผ่นเดียว
จากนั้นด้านบนจะปิดผิวด้วย แผ่นไม้จริงคุณภาพสูง (Veneer) ความหนาประมาณ 1–3.5 มม. ผ่านการขัดและเคลือบผิวด้วยเทคโนโลยี UV หรือ Lacquer Coating เพื่อให้คงสีธรรมชาติของไม้ได้นานยิ่งขึ้นโดยทั่วไป พื้นไม้คอมพาวด์มีความหนารวมระหว่าง 10–14 มม. แล้วแต่รุ่นและมาตรฐานของผู้ผลิต เช่น รุ่นพรีเมียมจากยุโรปมักใช้ไม้โอ๊ก (European Oak) หรือแอช (Ash) ซึ่งมีลายไม้ละเอียดและสวยงามเฉพาะตัว
2. พื้นไม้คอมพาวด์ ต่างจากพื้นไม้จริง และพื้นไม้เอ็นจิเนียร์ อย่างไร
เพื่อให้เข้าใจชัดเจน ลองเปรียบเทียบคุณสมบัติของทั้งสามประเภทดังนี้
ประเภทพื้นไม้ | โครงสร้าง | ข้อดี | ข้อจำกัด | เหมาะกับใคร |
---|---|---|---|---|
พื้นไม้จริง (Solid Wood) | ทำจากไม้จริงทั้งแผ่น ไม่มีการประกบชั้น | ให้สัมผัสและกลิ่นไม้ธรรมชาติแท้ แข็งแรง ทนทานสูง | ยืดหดตามอุณหภูมิและความชื้นสูง ราคาค่อนข้างแพง | บ้านหรูที่มีระบบควบคุมอุณหภูมิ/ความชื้น |
พื้นไม้เอ็นจิเนียร์ (Engineered Wood) | ชั้นบนเป็นไม้จริง ส่วนกลางเป็นไม้อัดหลายชั้น (Plywood) | เสถียรกว่าพื้นไม้จริง ราคาย่อมเยา | ชั้นไม้จริงด้านบนบาง (0.6–3 มม.) ขัดซ้ำได้จำกัด | บ้าน คอนโดที่ต้องการความรู้สึกไม้จริงในราคาคุ้มค่า |
พื้นไม้คอมพาวด์ (Compound Wood) | แกนกลางเป็นไม้จริงวางสลับเสี้ยน ปิดผิวด้วยไม้แท้ | แข็งแรง เสถียรสูง ได้ลายไม้แท้ทุกมิติ ขัดซ้ำได้หลายครั้ง | ราคาสูงกว่าพื้นเอ็นจิเนียร์เล็กน้อย | บ้านหรือโครงการที่ต้องการความหรูหรา ทนทานระยะยาว |
กล่าวอีกนัยหนึ่ง พื้นไม้คอมพาวด์คือ “ทางสายกลางระหว่างพื้นไม้แท้และพื้นเอ็นจิเนียร์” — คุณยังได้พื้นผิวสัมผัสจากไม้แท้เต็มรูปแบบ แต่ในขณะเดียวกันโครงสร้างก็ถูกออกแบบมาให้ ไม่โก่ง ไม่ยืด ไม่แอ่น เมื่อเจอความชื้นหรืออุณหภูมิเปลี่ยนแปลง
3. จุดเด่นของพื้นไม้คอมพาวด์ คืออะไร
พื้นไม้คอมพาวด์ได้รับความนิยมอย่างรวดเร็วในยุโรปและเอเชีย เนื่องจากมีคุณสมบัติที่เหนือกว่าพื้นไม้ทั่วไป ดังนี้
3.1 โครงสร้างหลายชั้นสลับเสี้ยนไม้
โครงสร้างภายในใช้การวางไม้ขวางเสี้ยนในแต่ละชั้น (Cross-Core Layering) ทำให้พื้นไม้มีความเสถียรสูง ลดการขยายตัวจากความชื้นได้มากกว่า 70% เมื่อเทียบกับพื้นไม้จริงแบบแผ่นเดียว
3.2 ผิวหน้าไม้จริง (Real Wood Surface)
ใช้ไม้แท้จากสายพันธุ์คุณภาพสูง เช่น Oak, Ash, Maple หรือ Walnut ทำให้ลวดลายไม้มีความชัดและเป็นธรรมชาติ สัมผัสเท้าอุ่น ไม่แข็งกระด้างเหมือนพื้นสังเคราะห์
3.3 ระบบติดตั้ง Click Lock หรือ Tongue & Groove
ช่วยให้การติดตั้งง่าย รวดเร็ว ไม่ต้องใช้กาว สามารถใช้งานได้ทันทีหลังปูเสร็จ เหมาะกับทั้งงานรีโนเวทและงานโครงการใหม่
3.4 ปลอดสารระเหย (Low VOC)
พื้นไม้คอมพาวด์ระดับพรีเมียมผ่านการเคลือบด้วยสารสูตรปลอดภัย (เช่น UV Lacquer) ที่ปล่อยสารฟอร์มาลดีไฮด์ต่ำตามมาตรฐาน E1 หรือ EC1 Plus เพื่อความปลอดภัยต่อผู้อยู่อาศัย
3.5 ทนต่อการใช้งานจริง
สามารถรองรับการเดิน การลากเฟอร์นิเจอร์ หรือการใช้งานในพื้นที่ที่มีการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิ เช่น พื้นบ้านใกล้หน้าต่าง ห้องนั่งเล่น หรือคอนโดชั้นสูงที่โดนแดด
4.ข้อดีของพื้นไม้คอมพาวด์แบรนด์ Boen ที่เหนือกว่าพื้นไม้คอมพาวด์ทั่วไป
พื้นไม้คอมพาวด์จากแบรนด์ Boen ไม่ได้เป็นเพียงพื้นไม้ทั่วไป แต่คือการ “ยกระดับมาตรฐานของพื้นไม้จริงในรูปแบบคอมพาวด์” ที่ผสมผสานทั้งศาสตร์ของงานไม้และเทคโนโลยีจากยุโรปไว้อย่างลงตัว มอบความงาม ความแข็งแรง และความปลอดภัยในระดับที่เหนือกว่าแบรนด์ทั่วไปอย่างชัดเจน
4.1 ผลิตจากยุโรปแท้ 100%
Boen ผลิตและประกอบทุกขั้นตอนในยุโรป ตั้งแต่การคัดเลือกไม้ การอบแห้ง จนถึงการเคลือบผิว เพื่อให้ได้มาตรฐานเดียวกับที่ใช้ในอาคารระดับ Luxury ของยุโรปและสแกนดิเนเวีย แตกต่างจากพื้นไม้ทั่วไปที่อาจเพียงใช้ไม้ยุโรปแต่ผลิตในเอเชีย ทำให้คุณมั่นใจได้ใน “คุณภาพระดับสากลตั้งแต่ต้นทางถึงปลายทาง”
4.2 ประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 384 ปี สะท้อนความเชี่ยวชาญด้านงานไม้แท้
แบรนด์ Boen ก่อตั้งตั้งแต่ปี ค.ศ. 1641 และสืบทอดความเชี่ยวชาญด้านไม้ต่อเนื่องมาหลายศตวรรษ พัฒนาเทคโนโลยีไม้คอมพาวด์ให้มีความเสถียรและทนต่อสภาพอากาศได้ดีกว่าพื้นไม้ทั่วไปหลายเท่า ซึ่งพิสูจน์แล้วจากการใช้งานจริงในอาคารยุโรปนับล้านตารางเมตร
4.3 ปิดผิวด้วยไม้โอ๊คแท้ หนาถึง 3.5 มิลลิเมตร
พื้นไม้ Boen ใช้ไม้โอ๊คจริง (Real European Oak) ความหนา 3.5 มม. ซึ่งถือว่ามากกว่าพื้นคอมพาวด์ทั่วไปที่มักอยู่เพียง 1–2 มม. จึงสามารถขัดผิวซ้ำได้หลายครั้งโดยไม่ทำลายเนื้อไม้ และยังคงลวดลายธรรมชาติของไม้แท้ไว้อย่างงดงามยาวนาน
4.4 ผ่านมาตรฐานความปลอดภัยสูงสุดของยุโรป
Boen ให้ความสำคัญกับสุขภาพของผู้ใช้งานและสิ่งแวดล้อม โดยทุกผลิตภัณฑ์ผ่านการรับรองจากหลากหลายองค์กรชั้นนำ เช่น
E1 / Low Formaldehyde: ปลอดสารฟอร์มาลดีไฮด์ในระดับปลอดภัย
Blue Angel / Nordic Swan / Eco Institute / FloorScore®: รับรองว่าพื้นไม่ปล่อยสารระเหย (VOC) ที่เป็นอันตราย
ซึ่งมาตรฐานเหล่านี้ถือเป็น “เกณฑ์สูงสุด” ของวงการพื้นไม้ในยุโรป และเป็นสิ่งที่พื้นคอมพาวด์ทั่วไปส่วนใหญ่ไม่สามารถทำได้ครบทุกรายการ
4.5 ใช้ไม้จากป่าปลูกที่ได้รับการรับรอง FSC® อย่างเป็นทางการ
Boen เป็นหนึ่งในไม่กี่แบรนด์ที่ใช้ไม้จากป่าปลูก (Sustainable Forest) ซึ่งได้รับการรับรองจาก FSC® – Forest Stewardship Council ว่าเป็นไม้ที่ปลูกและจัดการอย่างยั่งยืน ไม่ทำลายระบบนิเวศ และไม่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมในระยะยาว
4.6 โครงสร้างแน่นหนาด้วยเทคโนโลยี 3-Layer Compound Core
โครงสร้างไม้สามชั้นของ Boen ถูกออกแบบให้แกนกลางและชั้นล่างวางไม้ในแนวสลับเสี้ยน ช่วยลดแรงดันและการบิดงอของไม้เมื่ออุณหภูมิเปลี่ยน ช่วยให้พื้นมีความเสถียรสูงสุด เหมาะกับสภาพอากาศร้อนชื้นของประเทศไทยโดยเฉพาะ
5. พื้นไม้คอมพาวด์ เหมาะกับพื้นที่ หรือเจ้าของบ้านแบบไหน
พื้นไม้คอมพาวด์คือคำตอบสำหรับคนที่ต้องการความหรูหราและสัมผัสจากไม้แท้ แต่ไม่อยากรับภาระการดูแลรักษาแบบพื้นไม้จริง โดยเหมาะกับพื้นที่ดังนี้
บ้านพักอาศัยและคอนโดระดับพรีเมียม: ให้ความอบอุ่นหรูหราในทุกพื้นที่ เช่น ห้องนั่งเล่น ห้องนอน หรือโถงทางเดิน
โครงการรีโนเวท: ด้วยระบบ Click Lock ติดตั้งง่ายโดยไม่ต้องรื้อพื้นเดิม ช่วยประหยัดเวลาและลดฝุ่นจากการทำงาน
บ้านที่มีเด็กเล็กหรือผู้สูงอายุ: พื้นไม้คอมพาวด์มีแรงเสียดทานเหมาะสม เดินไม่ลื่น และรองรับแรงกระแทกได้ดี
ร้านค้า คาเฟ่ หรือโชว์รูม: ให้ภาพลักษณ์หรูหรา มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว และทนต่อการใช้งานเชิงพาณิชย์
สรุป: พื้นไม้คอมพาวด์คือวัสดุปูพื้นที่ตอบโจทย์ทั้ง “ความสวยแบบไม้แท้” และ “ความเสถียรในชีวิตจริง” เหมาะกับเจ้าของบ้านที่มองหาความคุ้มค่าในระยะยาว
6.โครงสร้างของพื้นไม้คอมพาวด์
หัวใจของพื้นไม้คอมพาวด์อยู่ที่ โครงสร้างหลายชั้นแบบสลับเสี้ยนไม้ (Cross Core Structure) ซึ่งช่วยให้พื้นมีความแข็งแรง เสถียร และลดการโก่งตัวหรือยืดหดเมื่ออุณหภูมิเปลี่ยน โดยทั่วไปโครงสร้างจะประกอบด้วย 3 ชั้นหลัก ได้แก่
6.1 ชั้นบนสุด (Top Layer) – ไม้จริง Veneer
เป็นไม้แท้ 100% เช่น ไม้โอ๊ค (Oak), แอช (Ash), เมเปิ้ล (Maple) หรือวอลนัท (Walnut) ความหนา 1–3.5 มม. ผ่านการเคลือบ UV Lacquer หรือ Oil Finish เพื่อป้องกันรอยขีดข่วนและให้ผิวสัมผัสธรรมชาติ
6.2 ชั้นกลาง (Core Layer) – ไม้จริงวางสลับเสี้ยน
แกนกลางคือจุดเด่นที่ทำให้พื้นไม้คอมพาวด์มีเสถียรภาพสูง โดยใช้ไม้จริงวางสลับแนวเสี้ยนกัน 2–3 ชั้น ช่วยกระจายแรงและลดการบิดงอเมื่ออุณหภูมิหรือความชื้นเปลี่ยน
6.3 ชั้นล่างสุด (Bottom Layer) – ไม้ฐานรองรับ
มักทำจากไม้จริงชนิดเดียวกับชั้นกลาง หรือไม้เนื้อแข็งที่ช่วยเพิ่มความสมดุลให้โครงสร้างทั้งหมด ทำให้พื้นไม่งอและคงรูปแม้ใช้ในพื้นที่ขนาดใหญ่
คุณสมบัติเด่นของโครงสร้างนี้คือ “ความสมดุลสามทิศทาง (Tri-Layer Balance)” ซึ่งทำให้พื้นไม้คอมพาวด์ทนต่อแรงดันจากอุณหภูมิและความชื้นได้ดี เหมาะกับสภาพอากาศร้อนชื้นของประเทศไทย
7.ข้อเสีย และ ข้อควรระวังของพื้นไม้คอมพาวด์
แม้พื้นไม้คอมพาวด์จะมีจุดเด่นเรื่องความสวยงามและความเสถียรสูง แต่ก็มีข้อจำกัดที่ควรระวัง โดยเฉพาะการใช้งานในพื้นที่เปียกชื้น เช่น ห้องน้ำ หรือพื้นที่นอกอาคาร เพราะอาจทำให้ไม้บวมหรือชั้นกาวอ่อนตัวได้หากสัมผัสน้ำเป็นเวลานาน อีกทั้งราคาค่อนข้างสูงกว่าพื้นไม้เอ็นจิเนียร์ทั่วไป เนื่องจากใช้ไม้จริงในทุกชั้นของโครงสร้าง และจำเป็นต้องให้ช่างผู้เชี่ยวชาญติดตั้งเพื่อความแนบสนิทของรอยต่อ นอกจากนี้ การดูแลควรหลีกเลี่ยงการใช้น้ำมากเกินไป และไม่ขัดผิวไม้บ่อยเกินความจำเป็น เพื่อคงความสวยงามและอายุการใช้งานของพื้นให้ยาวนานที่สุด
8.วิธีดูแลรักษาพื้นไม้คอมพาวด์
พื้นไม้คอมพาวด์เป็นวัสดุที่แข็งแรงและทนทาน แต่การดูแลอย่างถูกวิธีย่อมช่วยยืดอายุการใช้งานและคงความสวยของไม้ให้นานยิ่งขึ้น ควรทำความสะอาดเป็นประจำด้วยผ้าไมโครไฟเบอร์หมาด ๆ หลีกเลี่ยงการใช้น้ำมากหรือน้ำยาที่มีส่วนผสมของแอมโมเนียและแอลกอฮอล์เข้มข้น เพราะอาจทำลายผิวเคลือบ ควรป้องกันรอยขีดข่วนด้วยการใช้แผ่นรองใต้ขาเฟอร์นิเจอร์และไม่ลากของหนักบนพื้น รักษาความชื้นภายในห้องให้อยู่ระหว่าง 40–60% เพื่อป้องกันไม้หดหรือบวม และควรหลีกเลี่ยงแสงแดดโดยตรงที่อาจทำให้สีไม้ซีด หากพื้นเริ่มมีรอยหรือหมอง ควรให้ช่างผู้เชี่ยวชาญขัดผิวบาง ๆ และเคลือบซ้ำด้วยน้ำยาเคลือบชนิดเดียวกับของเดิม เพื่อคงความเงางามและสัมผัสธรรมชาติของไม้แท้ไว้ได้อย่างยาวนาน
9. วิธีติดตั้งพื้นไม้คอมพาวด์
การติดตั้งพื้นไม้คอมพาวด์ถือเป็นขั้นตอนสำคัญที่ส่งผลโดยตรงต่ออายุการใช้งานและความสวยงามของพื้น โดยสามารถติดตั้งได้หลายวิธี ขึ้นอยู่กับประเภทของระบบล็อกและสภาพพื้นที่
- ตรวจเช็กพื้นฐาน : พื้นต้องเรียบ สะอาด ปราศจากฝุ่นและความชื้น หากพื้นเดิมไม่เรียบ ควรเทปรับระดับ (Self-leveling) ก่อนติดตั้ง เพื่อป้องกันเสียงและการโก่ง
- ปูแผ่นรองพื้น (Underlay) : แผ่นรองพื้นช่วยลดเสียง ฝุ่น และความชื้นจากพื้นคอนกรีต รวมถึงเพิ่มความนุ่มและความยืดหยุ่นในการเดิน
- ระบบติดตั้ง Click Lock : พื้นไม้คอมพาวด์รุ่นใหม่ เช่นของ Boen ใช้ระบบ X-press Click System ที่ช่วยให้ติดตั้งง่าย รวดเร็ว และไม่ต้องใช้กาว สามารถรื้อและติดตั้งใหม่ได้โดยไม่ทำลายพื้น
- การเว้นร่องขอบ (Expansion Gap) : ควรเว้นช่องว่างประมาณ 10–12 มม. รอบขอบห้อง เพื่อให้พื้นไม้สามารถขยายตัวตามอุณหภูมิได้อย่างอิสระโดยไม่โก่งตัว
- ตรวจสอบแนวและรอยต่อใช้ค้อนยางเคาะให้แน่นทุกแผ่น ตรวจสอบแนวให้ตรงและรอยต่อเรียบเสมอกัน เพื่อให้ได้ลุคเรียบหรูสวยงาม
- ติดตั้งบัวพื้นและเก็บงาน : หลังจากติดตั้งเสร็จ ควรติดตั้งบัวพื้นรอบขอบห้องเพื่อปิดรอยต่อและเพิ่มความเรียบร้อย รวมถึงป้องกันความชื้นจากผนัง
สรุป: การติดตั้งพื้นไม้คอมพาวด์ที่ถูกต้องไม่เพียงช่วยยืดอายุการใช้งาน แต่ยังคงความงามและความสมบูรณ์ของพื้นได้ยาวนานหลายสิบปี
พื้นไม้คอมพาวด์คือพื้นไม้จริงที่ผ่านการประกบชั้นไม้สลับเสี้ยน 2–3 ชั้น เพื่อลดการยืดหดหรือโก่งตัวตามธรรมชาติ และปิดผิวด้วยไม้แท้คุณภาพสูง ให้ลายไม้สวยเหมือนไม้จริงทั้งแผ่น
มีความสวยเหมือนไม้แท้แต่เสถียรกว่า ติดตั้งง่าย เดินสบาย ทนต่อความชื้นและการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิได้ดี เหมาะกับบ้านและคอนโดระดับพรีเมียม
ไม่เหมาะกับพื้นที่เปียกชื้น เช่น ห้องน้ำหรือภายนอกอาคาร และราคาสูงกว่าพื้นไม้เอ็นจิเนียร์ทั่วไป รวมถึงต้องติดตั้งโดยช่างผู้เชี่ยวชาญเพื่อความเรียบแนบสนิท
ราคาพื้นไม้คอมพาวด์โดยทั่วไปเริ่มต้นประมาณ 2,000–4,000 บาท/ตร.ม. ขึ้นอยู่กับชนิดของไม้ ความหนา และแบรนด์ที่เลือกใช้งาน
ปัจจุบัน พื้นไม้คอมพาวด์มีอยู่หลายยี่ห้อ อย่างไรก็ตาม ก็มีจุดเด่นที่แตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับการใช้งาน หากผู้ใช้ต้องการพื้นไม้คอมพาวด์ระดับพรีเมี่ยม ให้ความสำคัญทั้งเรื่องมาตราฐานระดับโลก ทั้งในด้านของสินค้า สุขภาพ และ สิ่งแวดล้อม แบรนด์ Boen จาก Vk Floor ก็จะตอบดจทย์
พื้นไม้คอมพาวด์ใช้ไม้จริงในทุกชั้นของโครงสร้าง ขณะที่พื้นไม้เอ็นจิเนียร์มีแกนกลางเป็นไม้อัดหรือ MDF ทำให้พื้นไม้คอมพาวด์มีความแข็งแรงและความเสถียรมากกว่า