เปรียบเทียบ ไม้MDF VS ไม้HMR เลือกใช้งานให้เหมาะสม
เมื่อพูดถึงการเลือกวัสดุสำหรับ เฟอร์นิเจอร์ งานบิ้วอิน หรืองานตกแต่งภายใน หลายคนอาจเคยได้ยินชื่อ ไม้MDFกับไม้HMR แต่เคยสงสัยไหมว่า ทั้งสองแบบนี้ต่างกันอย่างไร? และ ควรเลือกใช้งานแบบไหนให้เหมาะกับโปรเจคของคุณ?
ไม้ MDF เป็นวัสดุที่ได้รับความนิยมสูงในอุตสาหกรรมเฟอร์นิเจอร์ด้วยราคาที่ย่อมเยา และพื้นผิวที่เรียบเนียนเหมาะกับการพ่นสี ในขณะที่ ไม้ HMR ถูกพัฒนาให้มีคุณสมบัติที่ทนความชื้นได้ดีกว่า ทำให้เหมาะกับการใช้งานที่ต้องเจอกับน้ำและความชื้น
บทความนี้จะพาคุณมาทำความเข้าใจ ความแตกต่างระหว่าง ไม้MDFกับไม้HMR ทั้งในด้านวัสดุ การใช้งาน ข้อดี-ข้อเสีย และคำแนะนำในการดูแลรักษา เพื่อให้คุณสามารถตัดสินใจเลือกวัสดุที่ตอบโจทย์ได้มากที่สุด!
ตารางสรุป เปรียบเทียบ ไม้MDF VS ไม้HMR เลือกใช้งานให้เหมาะสม
คุณสมบัติ | ไม้ MDF | ไม้ HMR |
วัสดุ | เศษไม้ยางพารา/ไม้ยูคาลิปตัส + กาว UF/MF Resin | เศษไม้ยางพารา/ไม้ยูคาลิปตัส + กาว Moisture Resistant Resin |
ความแข็งแรง | ปานกลาง | แข็งแรงกว่า MDF |
การทนความชื้น | ไม่ทนความชื้น อาจบวมเมื่อโดนน้ำ | ทนความชื้นได้ดี แต่ไม่ควรแช่น้ำ |
น้ำหนัก | เบากว่า HMR | หนักกว่า MDF |
ความสามารถในการเซาะร่อง | ทำได้ดี ใช้กับ CNC ได้ | ทำได้ดี ใช้กับ CNC ได้ |
การพ่นสีและปิดผิว | รองรับพ่นสี/ลามิเนต/เมลามีน/วีเนียร์ | รองรับพ่นสี/ลามิเนต/เมลามีน/วีเนียร์ |
ราคา | ราคาถูกกว่า HMR | แพงกว่า MDF ประมาณ 20-30% |
เหมาะกับพื้นที่ | เฟอร์นิเจอร์ทั่วไป, ตู้, ชั้นวาง, งานตกแต่งภายใน, งาน DIY | งานบิ้วอิน, ตู้ครัว, ตู้ห้องน้ำ, หน้าบานตู้, งานที่ต้องการทนชื้นและแข็งแรง |
หมายเหตุ : สังเกตุได้ง่ายๆในการเลือกใช้ไม้ทั้ง 2 ประเภท ไม้ MDF จะเป็นสีน้ำตาล ส่วนไม้ HMR จะเป็นสีเขียว

ไม้ MDF คืออะไร? ไม้ HMR คืออะไร? ทำความรู้จักวัสดุงานไม้แปรรูปยอดนิยม
ไม้ MDF คืออะไร?
ไม้ MDF (Medium Density Fiberboard) คือแผ่นใยไม้อัดความหนาแน่นปานกลางที่ผลิตจากเศษไม้หรือเส้นใยไม้ที่ถูกบดละเอียด ผสมกับกาวเรซิน จากนั้นนำไปอัดด้วยความร้อนและแรงดันสูง จนได้เป็นแผ่นวัสดุที่มีความเรียบเนียนและเนื้อแน่นสม่ำเสมอ
วัสดุที่ใช้ผลิตไม้ MDF
ไม้ MDF ผลิตจาก ไม้ยางพารา ไม้ยูคาลิปตัส หรือไม้เนื้ออ่อนอื่นๆ โดยผ่านกระบวนการบดย่อยจนเป็นเส้นใยละเอียด ผสมกับ กาวยูเรียฟอร์มาลดีไฮด์ (UF Resin) หรือกาวเมลามีนฟอร์มาลดีไฮด์ (MF Resin) เพื่อเพิ่มความแข็งแรง จากนั้นนำไปอบและอัดเป็นแผ่นไม้ MDF ที่มีพื้นผิวเรียบพร้อมใช้งาน
คุณสมบัติของไม้ MDF
- พื้นผิวเรียบเนียน – เหมาะสำหรับพ่นสีและปิดผิวด้วยวัสดุต่างๆ
- เนื้อไม้แน่นและละเอียด – สามารถตัดแต่งได้ง่าย
- ราคาประหยัด – ถูกกว่าไม้จริงและวัสดุแปรรูปบางประเภท
- น้ำหนักเบา – เคลื่อนย้ายง่าย ติดตั้งสะดวก
- สามารถเซาะร่อง เจาะลายได้ – ใช้กับเครื่อง CNC ได้ดี
ข้อดีของไม้ MDF
- ต้นทุนต่ำ – ประหยัดงบประมาณเมื่อเทียบกับไม้จริง
- เหมาะกับงานตกแต่งภายใน – ใช้ทำเฟอร์นิเจอร์ โต๊ะ ตู้ ชั้นวางของ
- ง่ายต่อการขึ้นรูป – สามารถตัดแต่ง เซาะร่อง หรือฉลุลวดลายได้
- รองรับการพ่นสีและปิดผิวได้หลายรูปแบบ – ทำให้มีดีไซน์ที่หลากหลาย
ข้อเสียของไม้ MDF
- ไม่ทนความชื้นและน้ำ – อาจบวมเมื่อโดนน้ำโดยตรง
- รับน้ำหนักได้จำกัด – ไม่เหมาะกับการทำเฟอร์นิเจอร์ที่ต้องรับน้ำหนักมาก
- ไม่ทนปลวกและแมลง – ควรใช้สารเคลือบกันปลวกเพิ่มเติม
วิธีดูแลรักษาไม้ MDF ให้ใช้งานได้นานและคงทน
1. ป้องกันความชื้นและน้ำ ไม้ MDF ไม่ทนน้ำและความชื้น อาจเกิดการบวมและเสื่อมสภาพได้หากสัมผัสน้ำโดยตรง หลีกเลี่ยงการติดตั้งในพื้นที่เปียก เช่น ห้องน้ำ เคาน์เตอร์ครัว
2. ทำความสะอาดอย่างถูกวิธี ห้ามใช้ น้ำเปียกชุ่ม หรือสารเคมีที่มีฤทธิ์กัดกร่อน เพราะจะทำให้ MDF เสื่อมสภาพ ใช้ผ้าแห้งหรือผ้าหมาดๆ เช็ดฝุ่นเป็นประจำ
3. ป้องกันรอยขีดข่วน ไม้ MDF อาจเกิดรอยขีดข่วนได้ง่ายกว่าบางวัสดุ เช่น ไม้เนื้อแข็ง ปิดผิวด้วย ลามิเนต เมลามีน หรือวีเนียร์ เพื่อเพิ่มความทนทาน
4. ป้องกันปลวกและแมลง MDF ไม่สามารถต้านทานปลวกและแมลงได้ดีเท่าไม้จริง เลือกใช้ MDF ที่ผ่านกระบวนการกันปลวก (MDF เกรดพิเศษ) ทาน้ำยาป้องกันปลวกเป็นระยะ โดยเฉพาะบริเวณขอบและจุดเชื่อมต่อ
5. หลีกเลี่ยงความร้อนสูงและแสงแดดจัด ความร้อนสูงอาจทำให้สีและผิว MDF เสื่อมสภาพเร็วขึ้น หลีกเลี่ยงการตั้งเฟอร์นิเจอร์ MDF ใกล้ เตาไฟ เครื่องทำความร้อน หรือแดดจัด
6. ไม่ควรเจาะสกรูหรือขันน็อตซ้ำๆ MDF ไม่แข็งแรงเท่าไม้จริง หากขันสกรูซ้ำหลายครั้ง อาจทำให้หลวมและเสียหาย ใช้ พุกไม้ (Dowel) หรือกาวไม้ ช่วย
เหมาะกับการใช้งานแบบไหน ?
- เฟอร์นิเจอร์ภายใน เช่น ตู้ โต๊ะ เตียง ชั้นวางของ
- งานบิ้วอิน เช่น ตู้เสื้อผ้า ตู้โชว์ ตู้ทีวี
- งานตกแต่งภายใน เช่น ผนังตกแต่ง บัวพื้น วงกบประตู
- งาน DIY งานศิลปะ และงานตกแต่งบ้าน
ไม้ HMR คืออะไร?
ไม้ HMR (High Moisture Resistance Board) เป็นวัสดุแปรรูปจากไม้ประเภท แผ่นใยไม้อัดความหนาแน่นปานกลางที่มีคุณสมบัติทนความชื้นสูง โดยพัฒนามาจาก ไม้ MDF (Medium Density Fiberboard) แต่มีการเติมสารกันชื้นเข้าไปในกระบวนการผลิต ทำให้สามารถต้านทานความชื้นได้ดีกว่าไม้ MDF
ไม้ HMR ทำมาจากอะไร?
วัสดุหลักที่ใช้ในการผลิต ไม้ HMR ได้แก่:
- เส้นใยไม้บดละเอียด (Wood Fibers) – มักใช้ไม้ยางพารา ไม้ยูคาลิปตัส หรือไม้เนื้ออ่อน
- กาวเรซินชนิดพิเศษ (Moisture Resistant Resin) – เพิ่มความแข็งแรงและทนความชื้น
- สารกันชื้น (Moisture Resistant Additives) – ป้องกันการดูดซับน้ำและลดการบวมของเนื้อไม้
ไม้ HMR มีลักษณะคล้ายกับไม้ MDF แต่เนื้อไม้จะมีสีเขียวอ่อน ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของวัสดุที่ผ่านการเติมสารกันชื้น
คุณสมบัติของไม้ HMR
- ทนความชื้นสูง – ป้องกันการบวมและเสื่อมสภาพจากน้ำได้ดีกว่า MDF
- มีพื้นผิวเรียบเนียน – รองรับการพ่นสีหรือปิดผิววัสดุต่างๆ เช่น ลามิเนต เมลามีน
- แข็งแรงกว่า MDF – สามารถรับน้ำหนักได้มากขึ้น
- สามารถเซาะร่อง ฉลุลวดลายได้ – ใช้งานกับเครื่อง CNC ได้ดี
- มีน้ำหนักปานกลาง – ไม่หนักเกินไป ทำให้ติดตั้งง่าย
ข้อดีของไม้ HMR
1. ทนความชื้นได้ดีกว่า MDF
- สามารถใช้ใน ห้องครัว ห้องน้ำ หรือพื้นที่ที่มีความชื้นสูง ได้
- ไม่บวมง่ายเหมือนไม้ MDF เมื่อสัมผัสกับน้ำ
2. แข็งแรงและรับน้ำหนักได้มากกว่า MDF
- มีความหนาแน่นมากขึ้น ทำให้สามารถรองรับเฟอร์นิเจอร์ที่ต้องใช้แรงกดได้ดีขึ้น
3. พ่นสีและปิดผิวได้หลากหลาย
- สามารถ พ่นสี ปิดผิวลามิเนต วีเนียร์ หรือเมลามีน ได้เหมือน MDF
- เหมาะกับการตกแต่งเฟอร์นิเจอร์แบบเรียบหรู
4. ทนปลวกและเชื้อราได้ดีขึ้น
- เนื่องจากมีสารกันชื้น ทำให้โอกาสเกิดเชื้อราน้อยลงเมื่อเทียบกับ MDF
5. ใช้งานได้หลากหลาย
- เหมาะสำหรับ เฟอร์นิเจอร์บิ้วอิน ตู้ลอย หน้าบานตู้ เคาน์เตอร์ครัว
ข้อเสียของไม้ HMR
1. ไม่สามารถโดนน้ำโดยตรงหรือแช่น้ำได้
- แม้จะทนความชื้นได้ดี แต่ หากแช่น้ำเป็นเวลานาน อาจทำให้เกิดการบวมได้
- ไม่สามารถใช้เป็นวัสดุภายนอกอาคารได้
2. ราคาแพงกว่าไม้ MDF
- มีราคาสูงกว่าไม้ MDF ประมาณ 20-30%
3. ตัดแต่งยากกว่า MDF เล็กน้อย
- เนื่องจากมีความหนาแน่นสูงกว่า อาจต้องใช้เครื่องมือที่แข็งแรงขึ้นในการตัดและเซาะร่อง
4. น้ำหนักมากกว่า MDF
- อาจทำให้ติดตั้งลำบากกว่านิดหน่อยเมื่อเทียบกับ MDF
การดูแลรักษาไม้ HMR
1. ป้องกันน้ำและความชื้นโดยตรง
- แม้ไม้ HMR จะทนความชื้นได้ดี แต่ไม่ควรแช่น้ำเป็นเวลานาน
- ควร ปิดผิวด้วยลามิเนต หรือเคลือบสารกันน้ำเพิ่มเติม เพื่อยืดอายุการใช้งาน
2. ทำความสะอาดอย่างถูกต้อง
- ใช้ ผ้าหมาดเช็ดทำความสะอาด และหลีกเลี่ยงการใช้น้ำยาที่มีฤทธิ์กัดกร่อน
- หลีกเลี่ยง น้ำยาที่มีแอลกอฮอล์หรือแอมโมเนีย เพราะอาจทำให้ผิวเสื่อมสภาพ
3. ป้องกันรอยขีดข่วนและแรงกระแทก
- ใช้ แผ่นรองกันรอย บนโต๊ะหรือเฟอร์นิเจอร์ที่ต้องรองรับของหนัก
- หลีกเลี่ยงการใช้ของมีคมขูดขีดผิวไม้
4. ป้องกันปลวกและเชื้อรา
- ถึงแม้ว่าไม้ HMR จะมีสารกันชื้น แต่ ควรใช้สารเคลือบกันปลวกเพิ่มเติม
- หลีกเลี่ยงการติดตั้งในที่อับชื้นเป็นเวลานาน
5. หลีกเลี่ยงแสงแดดและความร้อนสูง
- ไม่ควรวางไม้ HMR ใกล้แหล่งความร้อน เช่น เตาไฟ เพราะอาจทำให้เกิดการเสียรูปได้
เหมาะกับการใช้งานแบบไหน ?
- งานที่ต้องการวัสดุ ทนชื้นและแข็งแรงกว่า MDF
- งานที่ต้องการ การพ่นสีหรือปิดผิวแบบพรีเมียม
ไม้MDFกับไม้HMR เป็นวัสดุที่ได้รับความนิยมในงานเฟอร์นิเจอร์และบิ้วอิน ซึ่งแต่ละประเภทมีจุดเด่นที่แตกต่างกัน ไม้ MDF เหมาะกับงานที่ไม่ต้องเจอกับความชื้น เช่น ตู้ โต๊ะ ชั้นวางของ หรือผนังตกแต่ง เนื่องจากมีราคาย่อมเยา พื้นผิวเรียบเนียน และสามารถพ่นสีหรือปิดผิวได้หลากหลาย ส่วนไม้ HMR ถูกพัฒนาให้ทนความชื้นได้ดีกว่า เหมาะสำหรับใช้ในพื้นที่ที่มีโอกาสสัมผัสน้ำหรือความชื้น เช่น ตู้ครัว ตู้ห้องน้ำ หรือเฟอร์นิเจอร์บิ้วอินที่ต้องการความแข็งแรงมากขึ้น แม้ว่าจะมีราคาสูงกว่าแต่ก็คุ้มค่ากับการใช้งานระยะยาว หากคุณกำลังมองหาไม้ MDF และ HMR คุณภาพดี “วิวัฒน์ชัยค้าไม้” มีจำหน่ายในราคามาตรฐาน พร้อมให้คำแนะนำในการเลือกใช้งานที่เหมาะสมที่สุด ด้วยประสบการณ์กว่า 50 ปี เราคัดสรรวัสดุที่ได้มาตรฐานและเหมาะกับทุกงานเฟอร์นิเจอร์ สนใจสอบถามหรือสั่งซื้อ ติดต่อเราได้เลย!
Contact :
Social Media Link : https://linktr.ee/VkFloor
Google Map : https://maps.app.goo.gl/9SUJ3URFxuuzTVc19
Call : 081-808-8283, 081-831-9291