การใช้วัสดุไม้ที่ยั่งยืนอย่างไร… วิธีการสร้างพื้นไม้ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

การใช้วัสดุไม้ที่ยั่งยืนอย่างไร… วิธีการสร้างพื้นไม้ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

         วัสดุไม้สร้างพื้นไม้ ไม้เป็นทรัพยากรธรรมชาติที่มีบทบาทสำคัญต่อมนุษย์และระบบนิเวศ ตั้งแต่ต้นไม้เริ่มต้นจากเมล็ดพันธุ์เล็ก ๆ ที่เติบโตขึ้นมาในป่า มันทำหน้าที่ดูดซับคาร์บอนไดออกไซด์ ให้ร่มเงา และเป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์ป่า เมื่อต้นไม้เจริญเติบโตเต็มที่ มันสามารถถูกนำมาแปรรูปเป็นวัสดุต่าง ๆ รวมถึง พื้นไม้ ที่ใช้ในการก่อสร้างและตกแต่งภายใน

         พื้นไม้ ไม่ได้เป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งของบ้านหรืออาคารเท่านั้น แต่มันสะท้อนถึงคุณค่าของธรรมชาติและวัฏจักรของทรัพยากรที่สามารถนำมาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด จากต้นไม้ในป่า สู่กระบวนการผลิต และเข้าสู่การใช้งาน การเข้าใจวงจรชีวิตของไม้ และ พื้นไม้ ช่วยให้เราเห็นถึงความสำคัญของการใช้ทรัพยากรอย่างยั่งยืน ทุกแผ่น พื้นไม้ ที่เราเดินผ่านล้วนมีเรื่องราวของมันเอง การเลือกใช้ ไม้ และบริหารจัดการทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพจึงไม่ใช่เพียงเรื่องของความสวยงามและประโยชน์ใช้สอย แต่ยังเป็นการดูแลโลกของเราให้คงอยู่ต่อไปในอนาคตอีกด้วย

วัสดุไม้สร้างพื้นไม้ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ใช้วัสดุที่ยั่งยืน ลดผลกระทบต่อธรรมชาติและช่วยรักษาทรัพยากรป่าไม้
วัสดุไม้สร้างพื้นไม้ จากแหล่งที่ยั่งยืน ช่วยลดการตัดไม้ทำลายป่าและรักษาสมดุลของธรรมชาติ

1. การเกิดของต้นไม้

          ต้นไม้ทุกต้นเริ่มต้นจากเมล็ดพันธุ์เล็ก ๆ ที่อาจมาจากต้นไม้หรือถูกกระจายไปตามธรรมชาติ ไม่ว่าจะโดยลม น้ำ สัตว์ หรือมนุษย์ เมล็ดพันธุ์ที่มีศักยภาพในการงอกจะต้องตกลงสู่พื้นดินที่มีสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม โดยมีปัจจัยสำคัญ เช่น

  • ความชื้นในดิน
  • อุณหภูมิที่เหมาะสม
  • แสงแดดเพียงพอ

เมื่อได้รับสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม

  • เมล็ดจะดูดซึมน้ำเข้าสู่เซลล์ ส่งผลให้เปลือกเมล็ดค่อย ๆ อ่อนลงและแตกออก
  • รากเล็ก ๆ จะเริ่มงอกลงสู่ดินเพื่อดูดซับน้ำและแร่ธาตุ
  • ลำต้นอ่อนจะดันตัวขึ้นสู่พื้นดินเพื่อหาแสงแดด
  • กระบวนการสังเคราะห์แสงของใบเลี้ยงในช่วงแรกมีความสำคัญอย่างมาก เพราะช่วยให้ต้นอ่อนสามารถสร้างพลังงานในการเจริญเติบโตต่อไป
  • ต้นอ่อนในช่วงแรกยังต้องพึ่งพาสารอาหารที่สะสมอยู่ภายในเมล็ด ก่อนที่มันจะสามารถดูดซึมอาหารจากดินได้เต็มที่

2. ต้นไม้เติบโตและดูดซับคาร์บอนจากชั้นบรรยากาศ

         เมื่อรากสามารถดูดซึมสารอาหารจากดินได้ดีขึ้น ต้นไม้จะเข้าสู่ระยะต้นอ่อน ซึ่งเป็นช่วงที่ต้นไม้ต้องปรับตัวและเผชิญกับสภาพแวดล้อมที่ท้าทาย ต้นไม้ในช่วงนี้เริ่มสร้างใบจริงที่ทำหน้าที่สังเคราะห์แสงได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

  • ลำต้นจะเริ่มหนาขึ้นและมีการพัฒนาโครงสร้างภายใน เมื่อต้นไม้เติบโตเต็มวัย โครงสร้างทางกายภาพของมันจะมีความแข็งแรงและมั่นคงมากขึ้น ลำต้นมีขนาดใหญ่ขึ้น
  • เปลือกไม้หนาขึ้นเพื่อป้องกันศัตรูพืชและสภาพอากาศที่รุนแรง
  • ระบบรากแข็งแรง สามารถดูดซับคาร์บอนไดออกไซด์จากชั้นบรรยากาศผ่านกระบวนการสังเคราะห์ด้วยแสง โดยเปลี่ยนคาร์บอนให้เป็นพลังงานสะสมในรูปของชีวมวล เช่น ลำต้น กิ่งก้าน ใบ และราก พร้อมทั้งปล่อยออกซิเจนกลับคืนสู่สิ่งแวดล้อม ซึ่งช่วยลดปริมาณก๊าซเรือนกระจกและบรรเทาภาวะโลกร้อน ต้นไม้ที่เติบโตเร็วสามารถดูดซับคาร์บอนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ในขณะที่ป่าขนาดใหญ่ทำหน้าที่เป็นแหล่งกักเก็บคาร์บอนระยะยาว ส่งเสริมความสมดุลของระบบนิเวศและสนับสนุนแนวทางการจัดการคาร์บอนอย่างยั่งยืน

3.การนำไม้จากป่าที่ได้รับการรับรอง มาเข้าสู่กระบวนการแปรรูปอย่างยั่งยืน

          การนำไม้จากป่าที่ได้รับการรับรองมาเข้าสู่กระบวนการแปรรูปอย่างยั่งยืน เป็นแนวทางที่ช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมโดยใช้ไม้จากแหล่งที่มีการบริหารจัดการตามมาตรฐาน เช่น

  • FSC (Forest Stewardship Council)
  • PEFC (Programme for the Endorsement of Forest Certification)

ซึ่งรับรองว่า ไม้ ถูกปลูกทดแทนและเก็บเกี่ยวอย่างมีความรับผิดชอบต่อระบบนิเวศ การแปรรูปไม้ในลักษณะที่ยั่งยืนหมายถึงการใช้เทคโนโลยีที่ช่วยลดของเสีย เพิ่มประสิทธิภาพการใช้วัตถุดิบ และลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก เช่น

  • การนำเศษไม้มาใช้เป็นชีวมวลพลังงาน
  • การรีไซเคิลไม้ที่เหลือเพื่อลดปริมาณขยะ

ทั้งนี้ การจัดการที่ดีตลอดห่วงโซ่อุปทานตั้งแต่การเก็บเกี่ยว การขนส่ง การผลิต ไปจนถึงการนำมาใช้ในอุตสาหกรรมเฟอร์นิเจอร์และการก่อสร้าง ช่วยส่งเสริมการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า ควบคู่ไปกับการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม และสนับสนุนเศรษฐกิจหมุนเวียนที่ช่วยให้เกิดการใช้ไม้ในระยะยาวอย่างมีประสิทธิภาพ

4.การบริหารจัดการการผลิตอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อลดมลพิษและผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม

           การบริหารจัดการการผลิตอย่างมีประสิทธิภาพเพื่อลดมลพิษและผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมในกระบวนการผลิต พื้นไม้ ที่มีคุณภาพและเป็นมิตรต่อโลก

  • มุ่งเน้นการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า
  • ลดของเสีย
  • ลดการปล่อยคาร์บอน รวมถึงมลพิษอื่นๆ

ตลอดกระบวนการผลิต โดยใช้เทคโนโลยีที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เช่น

  • ระบบผลิตที่ใช้พลังงานสะอาด
  • ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากการแปรรูปไม้
  • นำวัตถุดิบจากแหล่งที่ได้รับการรับรองมาใช้เพื่อส่งเสริมความยั่งยืน
  • การควบคุมการปล่อยมลพิษจากโรงงาน เช่น การบำบัดน้ำเสีย การลดฝุ่นละอองจากกระบวนการตัดและขัดไม้ รวมถึงการใช้กาวและสารเคลือบผิวที่ปล่อยสารระเหยต่ำ (Low-VOC) ช่วยลดผลกระทบต่อคุณภาพอากาศ

นอกจากนี้ การออกแบบผลิตภัณฑ์ พื้นไม้ ให้มีอายุการใช้งานยาวนาน รีไซเคิลได้ หรือสามารถนำกลับมาใช้ใหม่ เป็นแนวทางสำคัญที่ช่วยลดของเสียและเสริมสร้างเศรษฐกิจหมุนเวียน ทำให้การผลิตพื้นไม้มีคุณภาพสูง ในขณะที่ยังช่วยลดภาระต่อสิ่งแวดล้อมและสร้างความสมดุลให้กับระบบนิเวศอย่างยั่งยืน

5. การนำพื้นไม้ที่ใช้แล้วกลับมารีไซเคิลเพื่อสร้างวัสดุใหม่อย่างยั่งยืน

          เมื่อ พื้นไม้ เสื่อมสภาพจากการใช้งานและหมดอายุการใช้งาน มันสามารถถูกนำมารีไซเคิลแทนที่จะถูกทิ้งเป็นขยะ พื้นไม้ เก่าสามารถนำไปผ่านกระบวนการแปรรูปใหม่ เช่น

  • การตัดเป็นชิ้นเล็ก ๆ เพื่อนำไปใช้ทำ กระถางต้นไม้ กล่องไม้ โต๊ะ หรือเฟอร์นิเจอร์รีไซเคิล
  • บางส่วนของ พื้นไม้ สามารถนำไปบดเป็นเศษไม้หรือขี้เลื่อย เพื่อนำไปผลิต MDF, Particle Board หรือไม้อัด ที่สามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้ในอุตสาหกรรมเฟอร์นิเจอร์และก่อสร้าง

การรีไซเคิลไม้ช่วยลดความต้องการในการตัดต้นไม้ใหม่ ลดของเสียจากวัสดุก่อสร้าง และส่งเสริมการใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ

6. กระบวนการย่อยสลายอย่างรวดเร็ว เพื่อคืนสารอาหารกลับสู่ดินตามธรรมชาติ

          แม้ว่าไม้บางส่วนจะถูกนำไปรีไซเคิลเป็นวัสดุอื่น แต่ไม้ที่หมดสภาพจนไม่สามารถใช้งานได้อีกต่อไป สามารถปล่อยให้ย่อยสลายตามธรรมชาติได้ เมื่อไม้เข้าสู่กระบวนการย่อยสลาย จุลินทรีย์และเชื้อราจะช่วยทำให้เนื้อไม้สลายตัวเป็นสารอินทรีย์ ไม้ที่ย่อยสลายเหล่านี้จะกลายเป็นปุ๋ยชีวภาพ เติมสารอาหารให้กับดิน และส่งเสริมการเจริญเติบโตของพืชรุ่นใหม่ การคืนสารอาหารสู่ดินนี้เป็นกระบวนการสำคัญที่ช่วยให้ระบบนิเวศสามารถดำเนินไปอย่างยั่งยืน ต้นไม้อื่น ๆ สามารถดูดซับสารอาหารจากดินเพื่อเจริญเติบโตต่อไป เมล็ดพันธุ์ที่ตกลงสู่ดินที่อุดมสมบูรณ์จะงอกขึ้นเป็นต้นกล้า และวงจรชีวิตของต้นไม้ก็เริ่มต้นขึ้นใหม่อีกครั้ง

VK Floor: พื้นไม้คุณภาพที่มาพร้อมความสวยงามและความคงทน

          VK Floor ไม่ได้เป็นเพียงพื้นไม้ทั่วไป แต่เป็น ทางเลือกที่ผสมผสานคุณภาพ ความแข็งแรง และดีไซน์ที่หลากหลาย ทำให้เหมาะกับทุกสไตล์ของบ้านและพื้นที่เชิงพาณิชย์

  • เลือกใช้ไม้จากแหล่งที่มีการจัดการอย่างยั่งยืน – ลดการตัดไม้ทำลายป่า และใช้วัตถุดิบจากป่าปลูกที่ได้รับการรับรองมาตรฐาน FSC (Forest Stewardship Council)
  • รองรับการรีไซเคิลและการนำไม้กลับมาใช้ใหม่ – วัสดุที่หมดอายุการใช้งานสามารถถูกแปรรูปเป็นเฟอร์นิเจอร์ ไม้อัด หรือพลังงานชีวมวล
  • ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก – พื้น SPC และไวนิลของ VK Floor ผลิตด้วยกระบวนการที่ลดของเสียและใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ
  • ช่วยให้บ้านของคุณเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม – พื้นไม้จาก VK Floor ไม่เพียงแต่เพิ่มความสวยงาม แต่ยังช่วยลดการใช้วัสดุที่มีสารเคมีปนเปื้อน และช่วยควบคุมสภาพอากาศภายในบ้าน
  • รองรับทุกสไตล์การตกแต่ง – มีตัวเลือกหลากหลาย เช่น
  • พื้นไม้จริง (Solid Wood) – เหมาะสำหรับคนที่ต้องการสัมผัสธรรมชาติแท้ ๆ ให้พื้นผิวที่อบอุ่น สวยงาม และมีอายุการใช้งานยาวนาน สามารถขัดและทำสีใหม่ได้หลายครั้ง
  • พื้นไม้เอ็นจิเนียร์ (Engineered Wood) – มีโครงสร้างที่เสถียรสูงกว่าพื้นไม้จริง ไม่หดตัวหรือบิดงอเมื่อเจอความชื้น เหมาะกับบ้านและคอนโดที่ต้องการพื้นไม้ที่ดูเป็นธรรมชาติแต่ต้องการความคงทนมากขึ้น
  • พื้น SPC (Stone Plastic Composite) – แข็งแรง ทนทานต่อแรงกระแทกและการสึกหรอ กันน้ำ 100% เหมาะสำหรับบ้านที่มีเด็กหรือสัตว์เลี้ยง รวมถึงพื้นที่ที่ต้องสัมผัสกับความชื้นบ่อย ๆ เช่น ห้องครัวและห้องน้ำ
  • พื้นลามิเนต (Laminate Flooring) – มีลวดลายที่เหมือนไม้จริง แต่ดูแลรักษาง่ายกว่าพื้นไม้แท้ ทนต่อรอยขีดข่วนและรอยเปื้อน เหมาะสำหรับบ้านที่ต้องการพื้นไม้ในงบประมาณที่คุ้มค่า
  • พื้นไวนิล (Vinyl Flooring) – ยืดหยุ่นสูง ดูดซับแรงกระแทกได้ดี กันน้ำและกันปลวก เหมาะสำหรับบ้าน คอนโด และอาคารสำนักงานที่ต้องการพื้นไม้ที่มีคุณสมบัติทนทานต่อความชื้นและดูแลรักษาง่าย
  • เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม – พื้นไม้ VK Floor มาจากแหล่งไม้ที่ผ่านการรับรอง FSC (Forest Stewardship Council) ช่วยลดผลกระทบต่อธรรมชาติ และสามารถนำกลับมารีไซเคิลได้

          ไม้เป็นทรัพยากรธรรมชาติที่มีคุณค่าและอยู่ในวงจรของธรรมชาติที่สมบูรณ์แบบ จากเมล็ดพันธุ์สู่ต้นไม้ใหญ่ ต้นไม้โตเต็มที่และถูกแปรรูปเป็นวัสดุคุณภาพสูง เช่น พื้นไม้ ซึ่งกลายมาเป็นองค์ประกอบสำคัญของบ้านและอาคารต่าง ๆ เมื่อพื้นไม้หมดอายุการใช้งาน มันสามารถถูกนำมารีไซเคิลเพื่อสร้างผลิตภัณฑ์ใหม่ หรือปล่อยให้ย่อยสลายตามธรรมชาติ กลับคืนสู่ดิน และกลายเป็นสารอาหารให้ต้นไม้รุ่นใหม่เติบโต วงจรของไม้จึงเป็นกระบวนการที่เชื่อมโยงกับทั้งธรรมชาติและการใช้ชีวิตของมนุษย์

           VK Floor ไม่ได้เป็นเพียงผู้จำหน่ายพื้นไม้ แต่เรามุ่งมั่นสู่การเป็นแบรนด์ที่ส่งเสริมการใช้ไม้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด และช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม เราคัดสรรพื้นไม้ที่มีคุณภาพสูง ผ่านกระบวนการผลิตที่รักษาสมดุลระหว่างธรรมชาติและความต้องการของผู้บริโภค พร้อมแนวคิด “Sustainable Flooring for a Better Future” หรือ “พื้นไม้ ที่เป็นมิตรกับคุณ และเป็นมิตรต่อโลก”

 

Contact :
Social Media Link : https://linktr.ee/VkFloor
Google Map : https://maps.app.goo.gl/9SUJ3URFxuuzTVc19
Call : 081-808-8283, 081-831-9291

 

Select the fields to be shown. Others will be hidden. Drag and drop to rearrange the order.
  • Image
  • SKU
  • Rating
  • Price
  • Stock
  • Availability
  • Add to cart
  • Description
  • Content
  • Weight
  • Dimensions
  • Additional information
Compare