3 ไม้แปรรูป ต่างประเทศ แอช โอ๊ค วอลนัท แข็งแค่ไหน? เหมาะกับงานอะไรบ้าง?

3 ไม้แปรรูป ต่างประเทศ แอช โอ๊ค วอลนัท แข็งแค่ไหน? เหมาะกับงานอะไรบ้าง?

           เมื่อพูดถึงไม้แปรรูปจากต่างประเทศ หลายคนอาจจะคุ้นเคยกับไม้สามชนิดยอดนิยม ได้แก่ ไม้แอช (Ash), ไม้โอ๊ค (Oak) และ ไม้วอลนัท (Walnut) ที่ถูกใช้ในงานไม้หลากหลายประเภท ทั้งเฟอร์นิเจอร์คุณภาพสูง, โครงสร้างไม้, หรือแม้กระทั่งการตกแต่งภายในบ้าน แต่ไม้แต่ละชนิดมีคุณสมบัติที่แตกต่างกันและเหมาะกับการใช้งานที่ไม่เหมือนกัน บทความนี้เราจะมาพูดถึงคุณสมบัติของไม้แปรรูปทั้งสามชนิดนี้ ว่าแข็งแค่ไหน? และแต่ละชนิดเหมาะกับงานประเภทใดบ้าง เพื่อช่วยให้คุณสามารถเลือกไม้แปรรูปที่เหมาะสมที่สุดสำหรับโปรเจ็กต์ของคุณ!

1.ไม้ต่างประเทศคืออะไร

ไม้ต่างประเทศคือไม้แปรรูปที่นำเข้าจากต่างประเทศ เช่น ไม้โอ๊ค ไม้วอลนัท หรือไม้แอช ซึ่งขึ้นชื่อเรื่องความแข็งแรง ทนทาน เนื้อไม้แน่น และมีอายุการใช้งานยาวนาน มักนิยมใช้ในงานเฟอร์นิเจอร์ระดับพรีเมียม งานตกแต่งภายใน และบ้านที่ต้องการความหรูหราและดูมีระดับ โดยไม้เหล่านี้ให้สัมผัสหนักแน่นแต่ยังสามารถแปรรูปได้ดี และเมื่อขัดหรือลงสีจะให้ลวดลายที่สวยงามและเฉพาะตัว เป็นทางเลือกยอดนิยมของทั้งช่างไม้และนักออกแบบที่ต้องการวัสดุคุณภาพสูง ทั้งในแง่ความสวยและความทนทานในระยะยาว

 

อ่านบทความ ไม้ต่างประเทศ เพิ่มเติมได้ที่

2.ความแข็งของไม้วัดอย่างไร?

ความแข็งของไม้คือความสามารถในการต้านทานแรงกด การบุบ หรือรอยขีดข่วน ซึ่งวัดได้ด้วย “มาตราส่วนความแข็ง Janka” คือชื่อของมาตราส่วนที่ใช้วัด “ความแข็งของไม้” (Janka Hardness Test) โดยทดสอบว่า “ต้องใช้แรงกดมากแค่ไหนในการตอกลูกเหล็กทรงกลมขนาด 0.444 นิ้ว ให้จมลงไปในเนื้อไม้ครึ่งลูก”

  • ไม้แอช (Ash Wood): แข็งแรงแต่ไม่หนักเท่าไม้เนื้อแข็งชนิดอื่น ไม้แอชสามารถดูดซับแรงกระแทกได้ดีโดยไม่แตกเป็นเสี่ยง จึงมักถูกนำไปใช้ทำอุปกรณ์กีฬาหรือด้ามจับเครื่องมือ เช่น ไม้เบสบอลหรือด้ามขวาน มีเนื้อไม้ยืดหยุ่นปานกลาง ทำงานง่าย และให้ผิวสัมผัสเรียบเมื่อขัด ความแข็งตามมาตรฐาน Janka อยู่ที่ 1,320 ปอนด์
  • ไม้วอลนัท (Walnut Wood): แข็งแกร่งแต่มีน้ำหนักเบากว่าไม้โอ๊คเล็กน้อย ไม้วอลนัทมีโครงสร้างแน่น เนื้อไม้ละเอียด ทนแรงกดทับและแรงกระแทกได้ดี เหมาะกับเฟอร์นิเจอร์หรู โต๊ะทำงาน หรือของตกแต่งระดับพรีเมียม แม้จะไม่แข็งที่สุด แต่ให้ความหรูหราทั้งจากลายไม้และสีเข้มธรรมชาติ ความแข็ง Janka อยู่ที่ 1,010 ปอนด์
  • ไม้โอ๊คขาว (White Oak): เป็นหนึ่งในไม้เนื้อแข็งที่แข็งแรงที่สุดในกลุ่มไม้ตกแต่งบ้าน โดดเด่นด้วยความทนทานสูงทั้งต่อแรงกระแทก รอยขีดข่วน และการใช้งานหนัก เหมาะสำหรับพื้นบ้าน บันได หรือเฟอร์นิเจอร์ที่ใช้งานหนักทุกวัน โครงสร้างไม้แน่น ลายสวย และมีความสามารถในการรับน้ำหนักได้ดี ความแข็ง Janka อยู่ที่ 1,360 ปอนด์
ไม้ชนิดค่า Janka (lbf) โดยประมาณค่าความเหนียว (MOR)
ไม้วอลนัท1,010 lbf100.677 MPa
ไม้แอช1,320 lbf103.425 MPa
ไม้โอ๊ค1,360 lbf98.599 MPa

3.ทดลองความแข็งแรงของ ไม้แปรรูป

3.1ไม้แอช

การทดลองความแข็งแรงของไม้แอช โดยการนำมาวางพาดระหว่างโครงไม้สองฝั่ง แล้วทดสอบด้วยการวางอิฐยางหนักรวมประมาณ 35 กิโลกรัม และทดลองให้นั่งจริงด้วยน้ำหนักคนประมาณ 60 กิโลกรัม ซึ่งไม้แอชสามารถรับน้ำหนักได้โดยไม่โก่งงอหรือแตกร้าว แสดงถึงคุณสมบัติด้านความแข็งแรงและทนทานต่อแรงกดได้ดี เหมาะสำหรับใช้งานในงานเฟอร์นิเจอร์ งานบิวท์อิน หรืองานที่ต้องรับน้ำหนักในชีวิตประจำวัน โดยเฉพาะในสภาพแวดล้อมที่ต้องการไม้เนื้อแข็งคุณภาพสูงนำเข้า   อ่านบทความเพิ่มเติมเกี่ยวกับ พฤกษศาสตร์ไม้แอช คลิปที่นี่!    

การทดสอบความแข็งแรงของไม้แอช ไม้แปรรูปคุณภาพสูง รองรับน้ำหนักได้จริง

3.2 ไม้โอ๊ค

การทดสอบความแข็งแรงของ ไม้โอ๊ค (Oak Wood) โดยแสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพในการรับน้ำหนักได้อย่างมั่นคงผ่านการทดลองจริง โดยการวางไม้พาดบนโครงรองรับสองฝั่ง แล้วทดสอบด้วยการวางอิฐยางหนักรวมประมาณ 35 กิโลกรัม และทดลองให้นั่งจริงด้วยน้ำหนักคนประมาณ 60 กิโลกรัม ซึ่งไม้โอ๊คสามารถรับน้ำหนักได้อย่างมั่นคงโดยไม่บิดงอหรือแตกร้าว แสดงให้เห็นถึงคุณภาพของไม้เนื้อแข็งที่เหมาะกับการใช้งานในงานเฟอร์นิเจอร์ระดับพรีเมียม   

สนใจ สินค้าไม้โอ๊ค คลิกที่นี่

ทดสอบความแข็งแรงของไม้แปรรูปไม้โอ๊ค รับน้ำหนักได้จริงโดยไม่โก่งตัว

3.3 ไม้วอลนัท

การทดสอบความแข็งแรงของ ไม้วอลนัท (Walnut Wood) โดยนำมาวางพาดระหว่างโครงไม้สองฝั่ง แล้วทำการทดลองรับน้ำหนักในสองรูปแบบ คือ วางอิฐยางจำนวนหลายก้อนที่มีน้ำหนักรวมประมาณ 35 กิโลกรัม และให้นั่งจริงด้วยน้ำหนักคนประมาณ 60 กิโลกรัม โดยไม้วอลนัทสามารถรองรับน้ำหนักได้โดยไม่เกิดการโก่งตัวหรือแตกร้าว แสดงให้เห็นถึงความแข็งแรงของไม้เนื้อแข็งคุณภาพสูงที่มีทั้งความทนทานและความหรูหราในลวดลายในตัว

สนใจ สินค้าไม้วอลนัท คลิปที่นี่

ทดสอบไม้แปรรูปไม้วอลนัท รับน้ำหนักได้จริงโดยไม่โก่งงอ

4. 5 ปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อความทนทานของไม้

4.1 ทนต่อการผุและเชื้อรา (Durability against decay and rot)

ไม้ที่มีความทนทานสูงจะไม่เน่า ไม่ผุ ไม่เปื่อยง่าย แม้จะถูกใช้งานกลางแจ้งหรือในพื้นที่เปียกชื้น เช่น รั้วบ้าน ระเบียง พื้นไม้ภายนอก ตัวอย่างเช่นไม้เต็ง ไม้แดง หรือไม้สัก ที่มีความทนการผุโดยธรรมชาติสูงมาก เพราะโครงสร้างไม้แน่น และยับยั้งการเติบโตของเชื้อราได้ดี ไม้พวกนี้จึงเหมาะกับสภาพอากาศแบบไทยที่มีฤดูฝนและความชื้นสูงเกือบตลอดปี

4.2 มีน้ำมันธรรมชาติหรือแทนนินในเนื้อไม้ (Natural oils and tannins)

ไม้บางชนิด เช่น ไม้สัก มีน้ำมันธรรมชาติที่ทำหน้าที่เหมือนสารกันปลวก ช่วยป้องกันแมลงและลดการดูดซึมความชื้นเข้าสู่เนื้อไม้ น้ำมันเหล่านี้ยังช่วยยืดอายุการใช้งานโดยไม่ต้องเคลือบผิวบ่อย ๆ ในขณะที่ไม้โอ๊คหรือไม้วอลนัท อาจไม่มีน้ำมันในตัว แต่มีสารแทนนินซึ่งช่วยต้านแมลงและยืดอายุไม้เช่นกัน (แต่อาจต้องเคลือบเพิ่มหากใช้ในพื้นที่เสี่ยง)

4.3 แข็งแรง หนาแน่น ไม่บุบง่าย (Hardness and density)

ไม้ที่แข็งและแน่นจะทนแรงกระแทก ทนรอยขีดข่วน และทนการใช้งานหนักได้ดี เช่น โต๊ะรับประทานอาหาร พื้นบ้าน หรือเคาน์เตอร์ครัว ยิ่งเนื้อไม้แน่นเท่าไหร่ ก็ยิ่งรับแรงกดและแรงเหยียบได้ดีโดยไม่บุบหรือยุบง่าย ไม้เนื้อแข็งอย่างโอ๊ค วอลนัท และแอช จึงได้รับความนิยมสูงในงานเฟอร์นิเจอร์ระดับพรีเมียม

4.4 ไม่บิด ไม่งอ ไม่แตกร้าวง่าย (Dimensional stability)

เมื่อไม้เจอกับความชื้นหรืออุณหภูมิที่เปลี่ยนแปลงบ่อย เช่น ฝนตกแล้วแดดออก หรือห้องเปิดแอร์แล้วปิดไม้เนื้ออ่อนทั่วไปอาจบิดงอหรือหดตัวได้ แต่ไม้ที่มี “ความคงตัวทางรูปทรง” ดี เช่น ไม้แอช หรือไม้เชอร์รี่ จะยังคงรูปทรงเดิม ไม่เกิดรอยแตกหรืองอจนเสียรูป ช่วยให้งานติดตั้งเช่นพื้นไม้ หรือเฟอร์นิเจอร์บิวต์อินไม่เกิดปัญหาในระยะยาว

4.5 อายุการใช้งานยาวนานแม้ไม่ต้องดูแลมาก (Natural lifespan)

ไม้บางชนิดมีคุณสมบัติเด่นคือ “อยู่ได้นานโดยไม่ต้องบำรุงรักษา” เช่น ไม้สักที่อาจอยู่ได้ 30–50 ปี แม้จะไม่ได้เคลือบหรือดูแลมากนัก หากใช้งานในที่ร่มหรือไม่เจอความชื้นโดยตรงก็จะยิ่งทนมากขึ้น ตรงข้ามกับไม้เนื้ออ่อนราคาถูกซึ่งมักต้องเคลือบหรือทาน้ำยากันปลวกบ่อย ๆ ไม่เช่นนั้นจะผุพังไว

5.แต่ละชนิดไม้เหมาะกับงานแบบไหน?

  • ไม้แอช (Ash) เหมาะกับงานที่ต้องการความแข็งแรงแต่ยังยืดหยุ่น เช่น พื้นบ้านที่รับแรงกระแทกบ่อย เฟอร์นิเจอร์ที่ต้องเคลื่อนย้าย หรือชิ้นงานที่โชว์ลายไม้ธรรมชาติ ลายไม้ชัด สีอ่อน ดูอบอุ่น ใช้ได้ดีทั้งผนังและบิวท์อินในบ้านสไตล์มินิมอลหรือสแกนดิเนเวียน สนใจ สินค้าไม้แอช คลิกที่นี่
  • ไม้โอ๊ค (Oak) เป็นไม้เนื้อแข็งยอดนิยมที่เหมาะกับแทบทุกงาน โดยเฉพาะงานพื้น เฟอร์นิเจอร์คลาสสิก และบิวท์อินระดับพรีเมียม สีของไม้โอ๊คให้ความรู้สึกสุขุม น่าเชื่อถือ และบรรยากาศอบอุ่น เหมาะกับบ้านที่ต้องการความมั่นคงและสไตล์ timeless
  • ไม้วอลนัท (Walnut) เหมาะกับงานที่ต้องการความหรูหราและมีดีไซน์ เช่น เฟอร์นิเจอร์โชว์ ผนังตกแต่ง และบิวท์อินหรูในโซนรับแขกหรือห้องผู้บริหาร โดดเด่นด้วยสีเข้มและลายไม้ลึกสวย ช่วยสร้างบรรยากาศลักซ์ชัวรีและโมเดิร์นได้อย่างลงตัว

การทดสอบความแข็งแรงของไม้แปรรูปนำเข้าคุณภาพสูง 3 ชนิด ได้แก่ ไม้แอช ไม้โอ๊ค และไม้วอลนัท โดยแต่ละชนิดผ่านการทดสอบจริงด้วยการรับน้ำหนักทั้งจากวัตถุหนัก (อิฐยาง 35 กก.) และการนั่งจริงของคน (60 กก.) ซึ่งไม้ทั้งสามสามารถรองรับน้ำหนักได้โดยไม่โก่งงอหรือแตกร้าว แสดงให้เห็นถึงความแข็งแรง ทนทาน และเหมาะกับการใช้งานในงานเฟอร์นิเจอร์ พื้น หรือบิวท์อินระดับพรีเมียม  อ่านบทความ รวมสินค้าไม้แปรรูป ได้ที่นี่

หากคุณกำลังมองหาไม้แปรรูปนำเข้าคุณภาพสูงที่ผ่านการอบแห้งมาตรฐาน และพร้อมใช้งานในงานไม้ทุกประเภท “วิวัฒน์ชัยค้าไม้” มีให้เลือกครบทั้งไม้แอช ไม้โอ๊ค และไม้วอลนัท คัดเกรดอย่างพิถีพิถันเพื่อให้คุณมั่นใจในทุกชิ้นงาน พร้อมคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญเรื่องไม้โดยตรง

Google Map
Line
Line
Google Map