ไม้โครง ชนิดไหน ที่ช่างไม้นิยมนำมาใช้มากที่สุดปี 2025 พร้อม ราคาไม้โครง ชนิดต่างๆ
ไม้โครง หรือ ไม้โครงจ๊อย คือวัสดุไม้ที่อยู่เบื้องหลังเฟอร์นิเจอร์ทุกชิ้นที่เราใช้งาน ไม่ว่าจะเป็นตู้ โต๊ะ เตียง หรือชั้นวาง ไม้โครงคือโครงสร้างภายในที่รับน้ำหนัก ยึดติดกับอุปกรณ์ และเป็นตัวกำหนดความแข็งแรงของชิ้นงาน ดังนั้นการเลือกใช้ไม้โครงที่เหมาะสมจึงสำคัญมาก โดยเฉพาะในปี 2025 ซึ่งตลาดเฟอร์นิเจอร์และงานตกแต่งภายในมีการแข่งขันสูงขึ้น และความคาดหวังของลูกค้าในเรื่องคุณภาพและความคุ้มค่าก็เพิ่มขึ้นตามไปด้วย
บทความนี้จะพาคุณไปรู้จักกับไม้โครงชนิดต่าง ๆ ที่ช่างไม้มืออาชีพนิยมเลือกใช้ในปี 2025 พร้อมเปรียบเทียบราคาไม้โครงแต่ละแบบ จุดเด่น จุดด้อย และคำแนะนำในการเลือกซื้อ เพื่อให้คุณตัดสินใจได้ตรงจุด ใช้งบประมาณคุ้มค่า และได้ชิ้นงานที่แข็งแรง ใช้งานได้ยาวนาน
1.ชนิดของ ไม้โครง
จริง ๆ แล้ว “ไม้โครง” ไม่ได้จำกัดเพียง 4-5 ชนิดที่กล่าวถึงบ่อยในตลาด แต่ยังรวมถึงไม้หลากหลายสายพันธุ์ที่ถูกนำมาแปรรูปตามวัตถุประสงค์การใช้งาน เช่น:
ไม้โครงยางพารา
ไม้โครงสะเดา
ไม้โครงเบญจพรรณ
ไม้โครงเต็ง
ไม้โครงสัก
ไม้โครงสน
ไม้โครงตะแบก
ไม้โครงมะค่า
ไม้โครงแดง
- และ อีกมากมาย
ไม้โครง แต่ละชนิดก็มีจุดเด่นที่ต่างกัน เช่น ความแข็งแรง ทนปลวก ทนน้ำ หรือความสวยของลายไม้ การเลือกใช้จึงต้องพิจารณาตามลักษณะของงาน งบประมาณ และความต้องการของลูกค้าในแต่ละโครงการ
2. ปัจจัยที่ช่างไม้ใช้เลือก ไม้โครง
2.1 ความแข็งแรงและความแน่นของเนื้อ ไม้โครง
ไม้โครงที่ดีต้องมีเนื้อแน่น ไม่พรุน ไม่เปราะหักง่าย โดยเฉพาะเมื่อต้องรับน้ำหนักหรือถูกใช้งานซ้ำ เช่น โครงตู้ โครงเตียง หรือเคาน์เตอร์บิวท์อิน หากไม้มีความแข็งแรงต่ำ อาจทำให้เฟอร์นิเจอร์ “บวม เสียทรง หรือทรุดตัว” ได้ในเวลาไม่นาน
ไม้เนื้อแข็ง อย่างไม้เต็ง ไม้สัก หรือไม้ยางเกรดดี มักถูกเลือกใช้ในงานที่ต้องการความทนทาน
ไม้เนื้ออ่อน อาจใช้ในงานตกแต่งเบา ๆ แต่ต้องเลือกเกรดที่แน่นพอ ไม่แตกง่ายเมื่อยิงสกรู
2.2 ความสามารถในการยึดเกลียวหรือสกรู
หนึ่งในคุณสมบัติที่ช่างไม้ให้ความสำคัญ คือ “ความสามารถในการรับสกรู” ได้ดีหรือไม่ เพราะหากยิงสกรูแล้วไม้แตก หรือลื่น ไม่ยึดแน่น อาจเกิดปัญหาเฟอร์นิเจอร์พังง่ายภายหลัง
ไม้ยางพารา และ HMR มีคุณสมบัติยึดสกรูได้ดี
ไม้เนื้อแข็งบางชนิดอาจยึดเกลียวแน่นแต่ต้องใช้สว่านนำ
ไม้ที่ยึดเกลียวดี = ลดปัญหาเฟอร์นิเจอร์หลวม โยก หรือชำรุดภายหลัง
2.3 ความต้านทานปลวกและความชื้น
งานโครงภายใน แม้จะมองไม่เห็น แต่หากปลวกเข้าโจมตีหรือเจอความชื้น ก็อาจทำให้เฟอร์นิเจอร์เสียหายทั้งชุด การเลือกไม้ที่มีความสามารถในการต้านปลวก และไม่ดูดซับความชื้นได้ง่าย เป็นเรื่องสำคัญ:
ไม้สัก และไม้ยางอบแห้งมักมีความสามารถกันปลวกในระดับหนึ่ง
ไม้ HMR (High Moisture Resistance) มีคุณสมบัติกันชื้นได้ดี
ไม้โครงที่ผ่านการอบและอัดน้ำยากันปลวก ช่วยเพิ่มอายุการใช้งาน
โดยเฉพาะในพื้นที่ชื้น เช่น ครัว, ห้องน้ำ, ชั้นล่างของบ้าน ต้องเน้นไม้โครงกันชื้นเป็นพิเศษ
2.4 งบประมาณของเจ้าของบ้านหรือโครงการ
ปัจจัยนี้เป็นตัวกำหนด “ระดับเกรดไม้” ที่ใช้ในงาน เพราะบางโครงการอาจไม่ได้ต้องการไม้โครงที่ดีที่สุด แต่ต้องการ “คุ้มค่า” ที่สุด เช่น:
โครงการบ้านจัดสรร อาจเลือกใช้ไม้โครงยางพาราเกรดกลาง
บ้านลูกค้าไฮเอนด์ อาจต้องการไม้โครงสัก ไม้เต็ง หรือ HMR เต็มแผ่น
งานชั่วคราวหรืองานโชว์ อาจเลือกไม้ราคาย่อมเยา แต่เน้นผิวหน้าดี
ช่างไม้ที่ดี ต้องบาลานซ์ระหว่างคุณภาพและต้นทุนให้เหมาะกับงาน
2.5 พื้นที่ การใช้งาน ไม้โครง
หนึ่งในปัจจัยที่สำคัญที่สุดในการเลือกไม้โครง คือพื้นที่การใช้งานไม้โครง เพราะ ลักษณะการใช้งานที่ต่างกัน ทำให้ชนิดไม้ที่ต้องฝช้ต่างกัน เช่น พื้นที่ ที่มีโอกาสเจอความชื้นมากๆ ก็ควรใช้ ไม้โครงเนื้อแข็ง หรือ ถ้าเป็นพื้นที่ ที่อับชื้น มีโอกาสเจอแมลงก็ควรใช้ไม้โครงสัก
ช่างไม้มืออาชีพจะเลือกไม้ที่ดีในงบประมาณ และหาได้ทันเวลาตาม Timeline งาน
3. 6 ไม้โครง ยอดนิยมปี 2025

3.1 ไม้โครงสัก
จุดเด่น: ไม้สัก เป็นไม้ที่ทนปลวกดีเยี่ยม สีสวย มีน้ำมันในเนื้อไม้ อายุการใช้งานยาวนานมาก
ข้อดี: เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่ กังวลเรื่องปลวก และไม่ต้องการดูแลบ่อย ใช้แล้ว ได้ลุคหรูหราแบบธรรมชาติ ไม่ต้องปิดผิวเพิ่มเติมก็สวย ช่วย ยกระดับภาพรวมของงานบิวท์อินหรือเฟอร์นิเจอร์ ให้ดูพรีเมียม
ราคาประมาณ: 450-700 บาท/มัด
เหมาะกับ: เหมาะสำหรับงานเฟอร์นิเจอร์โชว์ผิว เช่น โต๊ะ ตู้ เตียง ที่ต้องการโชว์ลายไม้สัก งานบิวท์อินพรีเมียมอย่างตู้เสื้อผ้า เคาน์เตอร์ครัว หรือบานเปิด รวมถึงโครงการบ้านพักอาศัยหรู คอนโดมิเนียมระดับบน และรีสอร์ทสไตล์ธรรมชาติ
สนใจ สินค้าไม้โครงสัก คลิกที่นี่

3.2 ไม้โครงสะเดา
จุดเด่น: แข็งแรง ทนทาน แต่ราคายังอยู่ในระดับกลาง
ข้อดี: เหมาะกับช่างไม้ที่ ต้องการความแข็งแรง โดยไม่ต้องจ่ายแพง เป็นไม้ที่ หาได้ง่ายในท้องตลาด และมีขนาดให้เลือกหลากหลาย ใช้งานได้ทั้งกับ เฟอร์นิเจอร์ภายในบ้านและงานโครงสร้างเบา
ราคาประมาณ: 290–350 บาท/มัด
เหมาะกับ: เหมาะสำหรับงานโครงสร้างเฟอร์นิเจอร์ภายในบ้าน ไม่ว่าจะเป็นโครงโต๊ะ โครงเตียง ชั้นวางของ ไปจนถึงงานบิวท์อินที่ไม่เน้นโชว์ผิวไม้ โดยเฉพาะเฟอร์นิเจอร์ที่ต้องมีการปิดผิวภายนอก เช่น ลามิเนต เมลามีน หรือวีเนียร์ เพื่อความเรียบร้อยและความทนทานในงานตกแต่งภายใน
สนใจ สินค้าไม้โครงสะเดา คลิกที่นี่

3.3 ไม้โครงเบญจพรรณ
จุดเด่น: ราคาถูกที่สุด เหมาะสำหรับงานที่ต้องการประหยัดต้นทุน
ข้อดี: เหมาะกับช่างที่รับงานจำนวนมาก และต้องการลดต้นทุนวัสดุ แม้จะเป็นไม้รวม แต่ยังมีคุณภาพเพียงพอสำหรับงานภายใน ตอบโจทย์งานเฟอร์นิเจอร์ที่ไม่ต้องการความหรูหรา หรือไม่โชว์ลายไม้ ช่วยประหยัดงบโดยไม่ลดคุณภาพจนเกินไป
ราคาประมาณ: 260–300 บาท/มัด
เหมาะกับ: เหมาะสำหรับงานเฟอร์นิเจอร์ทั่วไปภายในบ้าน เช่น โครงโต๊ะ โครงเตียง ชั้นวางของ ตู้เสื้อผ้า หรือชั้นบิวท์อินที่มีการปิดผิวภายนอก เช่น ลามิเนต เมลามีน หรือวีเนียร์ เหมาะกับงานที่ไม่จำเป็นต้องโชว์ลายไม้ และเน้นความประหยัดเป็นหลัก
สนใจ สินค้าไม้โครงเบญจพรรณ คลิกที่นี่

3.4 ไม้โครงสน
จุดเด่น: ลายไม้สวย เหมาะกับงานโชว์ลาย ตัดง่าย น้ำหนักเบา
ข้อดี: ทำงานได้รวดเร็ว ลดเวลาในการผลิต ใช้ได้กับงานเฟอร์นิเจอร์ที่ต้องการน้ำหนักเบา เช่น ชั้นลอย ตู้แขวน เหมาะกับงานที่ต้องปิดผิวด้วยลามิเนต เมลามีน หรือวีเนียร์ ตกแต่งต่อได้หลากหลาย เช่น ทำสี เคลือบผิว ทาสีพ่น ฯลฯ
ราคาประมาณ: 440–580 บาท/มัด
เหมาะกับ: เหมาะกับงานเฟอร์นิเจอร์ภายในบ้านที่ไม่ต้องรับน้ำหนักมาก เช่น โครงตู้แขวน โครงเตียงเด็ก โต๊ะทำงาน ชั้นวางของ ตู้รองเท้า หรือของตกแต่ง DIY รวมถึงงานบิวท์อินที่ต้องปิดผิวภายนอก และเน้นความเบาในการใช้งานและติดตั้ง
สนใจ สินค้าไม้โครงสน คลิกที่นี่

3.5 ไม้โครงทุเรียน
จุดเด่น:ไม้โครงทุเรียนเป็นไม้ชนิดหนึ่งที่มีน้ำหนักค่อนข้างเบา ลายไม้ไม่ชัดเจนมากนัก แต่แห้งง่ายและไม่หดตัวเยอะหลังแปรรูป
ข้อดี: น้ำหนักเบา ขนย้ายและติดตั้งสะดวก แห้งง่าย ไม่หดตัวหรือโก่งมากหลังแปรรูป ราคาย่อมเยาเมื่อเทียบกับไม้โครงชนิดอื่น
ราคาประมาณ: 250–320 บาท/มัด
เหมาะกับ: ไม้โครงทุเรียนเหมาะสำหรับงานโครงภายในเฟอร์นิเจอร์ เช่น โครงตู้ โครงโต๊ะ โครงเตียง รวมถึงงานบิวท์อินภายในบ้านที่ไม่โชว์ลายไม้ ด้วยคุณสมบัติที่น้ำหนักเบา แห้งง่าย และมีราคาย่อมเยา จึงเป็นที่นิยมในกลุ่มผู้รับเหมาหรือช่างที่ต้องการลดต้นทุนในโปรเจกต์ อีกทั้งยังเหมาะกับงานที่ต้องการน้ำหนักเบา เช่น ชั้นแขวน หรือผนังซ่อนโครง ที่ไม่เน้นความสวยงามของลายไม้ภายนอก
สนใจ สินค้าไม้โครงทุเรียน คลิกที่นี่

3.6 ไม้โครงยางพารา
จุดเด่น: ไม้ยางพารา เป็นไม้เนื้อแข็งที่หาได้ง่ายในประเทศไทย มีสีอ่อน น้ำหนักเบากว่าไม้เนื้อแข็งชนิดอื่น ตัดง่าย เจาะง่าย และมีคุณสมบัติรับแรงได้ดีระดับหนึ่ง จึงเป็นตัวเลือกที่ได้รับความนิยมในงานเฟอร์นิเจอร์ทั่วไป
ข้อดี: เหมาะสำหรับงานเฟอร์นิเจอร์ทั่วไป และงานบิวท์อินที่ปิดผิว ทำงานได้รวดเร็ว ลดระยะเวลาในงานช่าเนื้อไม้สม่ำเสมอ สีอ่อน ขัดแต่งได้สวย เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เพราะมาจากการใช้ซ้ำหลังหมดอายุน้ำยาง
ราคาประมาณ: 270–400 บาท/มัด (ขึ้นอยู่กับเกรดและขนาด)
เหมาะกับ: เหมาะกับงานโครงเฟอร์นิเจอร์ทั่วไปภายในบ้าน เช่น โครงตู้เสื้อผ้า โครงเตียง โต๊ะ ชั้นวางของ ตู้ลอย และงานตกแต่งภายในที่ต้องมีการปิดผิวด้านนอก โดยไม่เน้นโชว์ลายไม้ เหมาะกับบ้านพักอาศัยทั่วไป คอนโดมิเนียม และสำนักงาน
สนใจ สินค้าไม้โครงยางพารา คลิกที่นี่
*ราคา สินค้าไม้โครง อ้างอิงจากร้านวิวัฒน์ชัยค้าไม้
4. ตารางเปรียบเทียบไม้โครงยอดนิยมปี 2025
ประเภทไม้โครง | ความแข็งแรง | ทนปลวก | กันชื้น | ราคาโดยประมาณ (บาท/มัด) | เหมาะกับงาน |
ไม้โครงสัก | สูง | สูง | สูง | 450-700 | งานพรีเมียม, งานโชว์ผิว |
ไม้โครงสะเดา | ปานกลาง | ปานกลาง | ปานกลาง | 290–350 | เฟอร์นิเจอร์ทั่วไป |
ไม้โครงเบญจพรรณ | ต่ำ–กลาง | ต่ำ | ต่ำ | 260–300 | งานปริมาณ, งานโครงการ |
ไม้โครงสน | ปานกลาง | ต่ำ | ต่ำ | 440–580 | งานโชว์ลาย, ตกแต่งภายใน |
ไม้โครงยางพารา | ปานกลาง | ต่ำ | ต่ำ | 270-350 | งานเฟอร์นิเจอร์ทั่วไป |
ไม้โครงทุเรียน | ปานกลาง | ต่ำ | ต่ำ | 250–320 | งานเฟอร์นิเจอร์ทั่วไป |
5. วิธีตรวจสอบคุณภาพไม้โครงก่อนซื้อ
5.1 ดูลายไม้และความตรง: ไม้ที่ดีควรมีลายชัด ไม่บิดงอ หรือบวมพอง
5.2 สังเกตสีไม้: ไม้ใหม่จะมีสีสม่ำเสมอ ไม่ซีด หรือหมองจนผิดปกติ
5.3 ตรวจความแห้ง: ลองเคาะหรือยกดูว่าเบาหรือหนัก ผิวไม้แห้งดีไม่มีเชื้อรา
5.4 สอบถามแหล่งที่มา: ควรเลือกไม้ที่ผ่านการอบแห้งจากโรงงานที่เชื่อถือได้
ในปี 2025 นี้ ช่างไม้นิยมเลือกใช้ไม้โครง 5 ประเภทนี้ตามลักษณะงาน งบประมาณ และกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย โดยไม้โครงสักและไม้เต็งเหมาะกับงานพรีเมียมและพื้นที่ภายนอก ส่วนไม้สะเดาและเบญจพรรณตอบโจทย์ความคุ้มค่า และไม้สนก็เป็นตัวเลือกที่เหมาะกับงานโชว์ลายแบบสมัยใหม่
ความเข้าใจเกี่ยวกับชนิดไม้โครงและช่วงราคาแต่ละชนิด ช่วยให้คุณวางแผนงานตกแต่งหรือเฟอร์นิเจอร์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งด้านต้นทุน ความทนทาน และภาพลักษณ์ของผลงาน ช่างไม้คนไหนที่กำลังมองหา ไม้โครงคุณภาพ ราคาโรงงาน สามารถติดต่อ วิวัฒน์ชัย ค้าไม้ ได้เลย