หลายคนอาจคิดว่า ต้นไม้ มีค่าเพียงแค่ให้ร่มเงาและความสวยงาม แต่ความจริงแล้วต้นไม้สามารถเปลี่ยนเป็น “ทรัพย์สินที่จับต้องได้” ใช้ค้ำประกันสินเชื่อกับธนาคารได้จริง! รัฐบาลได้ออกกฎหมายรองรับไม้ยืนต้น 58 ชนิด เช่น สัก พะยูง ประดู่ และตะเคียน ให้สามารถตีมูลค่าเป็นหลักประกันเงินกู้ได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย นี่คือโอกาสสำคัญที่ทำให้เกษตรกรและเจ้าของที่ดินเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้ง่ายขึ้น และยังเป็นการส่งเสริมให้การปลูกต้นไม้กลายเป็นทั้งการออมและการลงทุนในระยะยาว
1.“ ต้นไม้ ค้ำประกันเงินกู้” คืออะไร
แนวคิดการใช้ ต้นไม้ เป็นหลักประกันเงินกู้เกิดขึ้นเพื่อเปิดโอกาสให้เกษตรกรและประชาชนทั่วไปที่มีที่ดินพร้อมไม้ยืนต้น สามารถนำมูลค่าของต้นไม้มาค้ำประกันสินเชื่อได้ โดยไม่จำเป็นต้องพึ่งพาที่ดินเพียงอย่างเดียว ถือเป็นการเปลี่ยน “ต้นไม้” ให้กลายเป็นสินทรัพย์ที่จับต้องได้ สามารถเพิ่มโอกาสการเข้าถึงเงินทุนและลดการกู้หนี้นอกระบบ
2.กฎหมายที่เกี่ยวข้อง
รัฐบาลได้ผลักดัน พ.ร.บ.หลักประกันทางธุรกิจ พ.ศ. 2558 และออก กฎกระทรวง พ.ศ. 2561 ที่กำหนดให้ไม้ยืนต้นจัดเป็นทรัพย์สินที่สามารถใช้เป็นหลักประกันได้ นอกจากนี้ การแก้ไข พ.ร.บ.ป่าไม้ พ.ศ. 2484 มาตรา 7 ยังเปิดโอกาสให้ ต้นไม้ ที่ปลูกในที่ดินกรรมสิทธิ์หรือตามสิทธิครอบครอง สามารถปลูก–ตัด–ขายได้เสมือนพืชเกษตรทั่วไป
3.รายการไม้ยืนต้นที่ใช้ค้ำประกันได้
- สัก
- พะยูง
- ชิงชัน
- กระซิบ
- กระพี้เขาควาย
- สารภี
- แดง
- ประดู่ป่า
- ประดู่บ้าน
- มะค่าโมง
- มะค่าแต้
- เคี่ยม
- เต็ง
- เม็ง
- รัง
- พะยอม
- ตะเคียนทอง
- ตะเคียนหิน
- ตะเคียนชันตาแมว
- ไม้สักสยาม
- สะเดา
- สะเดาเทียม
- ตะกู
- ยมหิน
- ยมหอม
- นางพญาเสือโคร่ง
- นนทรี
- สะตอ
- ตีนเป็ดทะเล
- พฤกษ์
- ปีบ
- ตะแบกนา
- เสลา
- อินทนิลน้ำ
- ตะแบกเลือด
- นากบุด
- ไม้สกุลจำปี
- กาสะลองคำ
- ราชพฤกษ์
- สุพรรณิการ์
- เหลืองปรีดียาธร
- หางนกยูงฝรั่ง
- มะขามป้อม
- หว้า
- จามจุรี
- พะพลูหลา
- กะทิงใหญ่
- หลุมพอ
- กฤษณา
- ไม้หอม
- เทพทาโร
- ฝาง
- ไม้กฤษณา
- ไม้กัลปพฤกษ์
- ไม้ราชพฤกษ์
- ไม้สกุลมะม่วง
- ไม้สกุลทุเรียน
- มะขาม
4.วิธีการประเมินมูลค่า ต้นไม้
การประเมินมูลค่าจะอ้างอิงจากเส้นรอบวงของต้นไม้ที่วัดที่ความสูง 130 เซนติเมตร เปรียบเทียบกับตารางราคากลางที่จัดทำโดย ธ.ก.ส., คณะวนศาสตร์ และองค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ การปล่อยกู้จะอยู่ที่ประมาณ 50% ของมูลค่าประเมิน และต้องมีคณะกรรมการชุมชนอย่างน้อย 3 คนร่วมตรวจสอบ
4.1 กลุ่มที่ 1: ไม้โตเร็ว มูลค่าต่ำ

ต้นไม้ กลุ่มนี้มีอัตราการเจริญเติบโตเร็ว รอบตัดฟันสั้น แต่มีมูลค่าเนื้อไม้ไม่สูงนัก จึงมักใช้สำหรับค่าใช้จ่ายในระยะสั้น ตัวอย่างเช่น ยูคาลิปตัส, สัตบรรณ, กระถินเทพา และกระถินณรงค์
4.2 กลุ่มที่ 2: ไม้โตปานกลาง มูลค่าค่อนข้างสูง

เป็นไม้ที่มีรอบตัดฟันยาวขึ้นกว่ากลุ่มแรก ให้คุณค่าของเนื้อไม้มากขึ้น จึงสามารถสร้างรายได้ที่มั่นคงกว่า เช่น ประดู่, ยางนา, กระบาก และสะตอ
4.3 กลุ่มที่ 3: ไม้โตปานกลาง มูลค่าสูง

ต้นไม้ ในกลุ่มนี้แม้จะใช้เวลาปลูกและตัดฟันปานกลาง แต่ให้เนื้อไม้ที่มีมูลค่าสูง เหมาะสำหรับใช้เป็นหลักประกันที่มีน้ำหนัก เช่น สัก และมะตูม
4.4 กลุ่มที่ 4: ไม้โตช้า มูลค่าสูงมาก

เป็นกลุ่ม ไม้เนื้อแข็ง ที่ต้องใช้เวลาปลูกและดูแลนาน รอบตัดฟันยาว แต่เมื่อถึงเวลาตัดกลับมีมูลค่าสูงมาก ถือเป็น “ไม้มีค่า” ที่ใช้เป็นมรดกหรือค้ำประกันเงินก้อนใหญ่ได้ดี เช่น พะยูง, ชิงชัน, จันทน์หอม และมะค่าโมง
5.สถานะการดำเนินงานและผลกระทบ
โครงการธนาคารต้นไม้เริ่มนำร่องไปแล้วกว่า 15 ชุมชนทั่วประเทศ และมีเครือข่ายมากกว่า 6,000 แห่ง ปัจจุบัน ธ.ก.ส., ธนาคารกรุงไทย และสถาบันการเงินรายย่อยบางแห่ง (เช่น พิโกไฟแนนซ์) รับต้นไม้เป็นหลักประกันจริงแล้ว ซึ่งไม่เพียงช่วยให้เกษตรกรเข้าถึงสินเชื่อได้ง่ายขึ้น แต่ยังส่งเสริมการปลูกไม้เศรษฐกิจ เพิ่มพื้นที่สีเขียว ลดปัญหาหนี้นอกระบบ และสร้างมูลค่าใหม่จากคาร์บอนเครดิตในอนาคต
ต้นไม้ ไม่ใช่เพียงแค่สิ่งแวดล้อมที่ให้ร่มเงาและอากาศบริสุทธิ์อีกต่อไป แต่ยังเป็นทรัพย์สินที่ช่วยเพิ่มความมั่นคงทางการเงินและเปิดโอกาสในการลงทุนได้จริง หากคุณกำลังมองหาวิธีสร้างอนาคตที่มั่นคง ลองหันมาปลูกและดูแลต้นไม้มีค่าเหล่านี้ เพราะเมื่อเวลาผ่านไป ต้นไม้จะไม่เพียงสร้างความร่มรื่น แต่ยังสร้างรายได้และความมั่งคั่งให้กับคุณและครอบครัวได้อีกด้วย หากใครกำลังมองหาไม้สัก ไม้ประสาน ร้านวิวัฒน์ชัยค้าไม้พร้อมคัดสรรวัสดุคุณภาพ เพื่อให้คุณเลือกใช้ได้อย่างมั่นใจทั้งงานก่อสร้างและงานตกแต่ง
ref :
https://www.naibann.com/58-trees-that-can-be-used-for-collateral-in-thailand/https://library.parliament.go.th/th/radioscript/rr2565-apr4https://www.bbc.com/thai/international-45109023