เทรนด์การใช้ไม้โอ๊คในงานตกแต่งบ้านและคาเฟ่สไตล์ยุโรป

เทรนด์การใช้ไม้โอ๊คในงานตกแต่งบ้านและคาเฟ่สไตล์ยุโรป 

     ไม้โอ๊ค (Oak Wood) ไม่ได้เป็นเพียงวัสดุไม้เนื้อแข็งที่มีชื่อเสียงเรื่องความทนทานและอายุการใช้งานยาวนานเท่านั้น แต่ยังมีบทบาทสำคัญในการสร้างบรรยากาศที่แตกต่างให้กับทุกพื้นที่ ไม่ว่าจะเป็นความอบอุ่นแบบบ้านสแกนดิเนเวียน ความหรูหราในร้านกาแฟ specialty หรือความยั่งยืนที่สื่อสารกับกลุ่มผู้บริโภครักษ์โลก  ในบทความนี้ เราจะพาคุณเจาะลึกว่าไม้โอ๊คช่วยสร้างบรรยากาศให้บ้านและคาเฟ่ได้อย่างไร พร้อมแนะนำวิธีเลือกชนิดไม้ ฟินิช และการดูแลรักษา เพื่อให้คุณมั่นใจว่าไม้โอ๊คที่เลือกจะตอบโจทย์ทั้งด้านความสวยงาม การใช้งาน และความคุ้มค่าในระยะยาว

1.ทำไมไม้โอ๊คถึงได้รับความนิยมในยุโรป?

1.1 ไม้โอ๊ค กับความเชื่อมโยงและวัฒนธรรมยุโรป

ไม้โอ๊คถูกใช้ในยุโรปมาตั้งแต่โบราณ ทั้งโบสถ์ วิหาร บ้าน timber-frame และเฟอร์นิเจอร์คลาสสิก จึงกลายเป็นสัญลักษณ์ความแข็งแรงและหรูหรา เสี้ยนตรง + ray fleck ของ White Oak quarter-sawn เป็นลายที่คลาสสิกและคงอยู่ถึงปัจจุบัน

1.2 ความหรูหราที่จับต้องได้ (Affordable Luxury)

ไม้โอ๊คมีราคา “กลาง–สูง” แต่คุ้มค่าเมื่อเทียบกับความแข็งแรง อายุการใช้งาน และการทำสีที่ปรับโทนได้หลากหลาย จึงตอบโจทย์ทั้งบ้านหรูและงานตกแต่งโมเดิร์น

1.3 การตอบโจทย์ความยั่งยืน

ไม้โอ๊ค จากยุโรปและอเมริกาส่วนใหญ่มีใบรับรอง FSC/PEFC ตรวจสอบแหล่งที่มาได้ ทนทานใช้งานได้นาน ลดการทิ้งของเสีย และสามารถ refinish ได้หลายรอบ เข้ากับแนวคิด circular design และการลด Carbon Footprint

2.เทรนด์การใช้ไม้โอ๊คในงานตกแต่งบ้าน

2.1 บ้านสไตล์สแกนดิเนเวียน (Scandinavian Minimal)

สไตล์สแกนดิเนเวียนเน้นความโปร่งโล่ง เรียบง่าย และอบอุ่นโดยไม่รกตา การใช้ไม้โอ๊คโทนอ่อน เช่น White Oak ที่ฟอกสีอ่อนหรือทำฟินิชแบบแมตต์ ช่วยสร้างบรรยากาศธรรมชาติที่ผ่อนคลาย เหมาะกับบ้านที่ต้องการแสงธรรมชาติและพื้นที่เปิดโล่ง เฟอร์นิเจอร์มักเป็นทรงเรียบเส้นตรง ไม่มีการแกะสลักหรูหรา แต่เน้นฟังก์ชันและความเบาสบาย จับคู่กับผ้าลินินสีขาว เทา หรือเบจ และตกแต่งด้วยพรมทอมือหรือของใช้เซรามิกสไตล์นอร์ดิก จะได้ mood ที่ “อบอุ่น–สว่าง–เป็นธรรมชาติ” ตามแบบฉบับยุโรปเหนือ

2.2 บ้านโมเดิร์นลักชัวรี่ (Modern Luxury)

สำหรับบ้านหรูร่วมสมัย ไม้โอ๊คที่นิยมคือ White Oak quarter-sawn เพราะลาย ray fleck ที่ปรากฏเมื่อเลื่อย quarter ให้ลุคที่หรูหราและมีมิติ พื้นและบิวท์อินมักทำผิวด้านหรือกึ่งมัน เพื่อคงความโมเดิร์นและดูแพงโดยไม่หลุดเป็นเงาสะท้อนเหมือนฟินิชมันวาวเกินไป การตกแต่งบ้านแนวนี้มักจับคู่โอ๊คกับหินอ่อน กระจก หรือโลหะโครเมียม/ทองแชมเปญ เฟอร์นิเจอร์มักเป็นแบบสั่งทำ (custom) เน้นเส้นสายสถาปัตยกรรมที่คมชัด พร้อมแสงไฟซ่อน (indirect lighting) ที่เน้น texture ของไม้โอ๊ค ช่วยให้บ้านดูหรูทันสมัยแบบ “luxury but livable”

2.3 บ้านวินเทจคลาสสิก (Classic/Vintage)

ไม้โอ๊ค โทนเข้ม เช่น Stained White Oak หรือ Red Oak ที่ย้อมสีน้ำตาลเข้มจนถึงเอสเพรสโซ่ เหมาะกับการสร้างบรรยากาศบ้านแบบยุโรปเก่า เฟอร์นิเจอร์ในแนวนี้มักใช้ไม้แกะลาย เช่น โต๊ะกาแฟหรือเก้าอี้ที่มีรายละเอียดงานไม้ประณีต บัววงกบ–ประตู–หน้าต่างทำจากโอ๊คโทนเข้มจะช่วยเสริมความคลาสสิกและความหนักแน่นของบ้าน วัสดุอื่น ๆ ที่นิยมจับคู่คือหนังแท้ ผ้าไหม หรือกำมะหยี่ เพื่อให้ mood ดู “ขรึม–ขลัง–หรูหรา” แบบปราสาทหรือคฤหาสน์ยุโรปดั้งเดิม การใช้ไฟโทนอุ่นและโคมไฟคริสตัลหรือโคมโลหะโบราณก็ช่วยเพิ่มเสน่ห์ของสไตล์นี้ได้อย่างลงตัว

 

ref : https://www.onlyoakfurniture.co.uk/2025-oak-furniture-trends-you-need-to-know/?utm_source=chatgpt.com

3.เทรนด์การใช้ไม้โอ๊คในคาเฟ่และร้านค้า

3.1 คาเฟ่สไตล์ยุโรปคลาสสิก

  • ใช้ไม้โอ๊คโทนเข้ม ทั้งผนัง เพดาน และงานบิวท์อิน  สร้างบรรยากาศขรึม หรู และอบอุ่น

  • เหมาะกับร้านที่ต้องการกลิ่นอายยุโรปเก่า เช่น ร้านไวน์ คาเฟ่เบเกอรี่สไตล์ฝรั่งเศส

  • เฟอร์นิเจอร์: โต๊ะท็อปโอ๊คหนา เก้าอี้หนังแท้ โคมไฟระย้า เติมเสน่ห์คลาสสิกเหนือกาลเวลา

3.2 คาเฟ่สไตล์มินิมอล/ญี่ปุ่น–ยุโรป

  • ใช้ White Oak โทนอ่อน  ให้ความโปร่ง โล่ง และสะอาดตา

  • เฟอร์นิเจอร์เน้นเส้นสายตรงและเรียบง่าย  โต๊ะ–เก้าอี้ไม้โอ๊ค จับคู่ผ้าลินินสีขาว/เทา

  • ของตกแต่ง: กระเบื้องสีอ่อน ต้นไม้เล็ก ๆ และแสงธรรมชาติ  Mood “มินิมอลอบอุ่น”

  • สร้างบรรยากาศแบบคาเฟ่สแกนดิเนเวียนที่ถ่ายรูปขึ้นทุกมุม

3.3 คาเฟ่รีเทลพรีเมียม (Premium Retail & Café)

  • เคาน์เตอร์ไม้โอ๊คและพื้นไม้โอ๊ค  ยกระดับภาพลักษณ์ให้ดูมั่นคงและน่าเชื่อถือ

  • Mood & Tone: คุณภาพ–หรูหรา–มีสไตล์ เหมาะกับแบรนด์ที่ต้องการ premium experience

  • ใช้ไฟโทนอุ่น + วัสดุร่วมสมัย (หินอ่อน/โลหะ)  สร้างบรรยากาศหรู modern luxury

  • ดึงดูดให้ลูกค้าใช้เวลาในร้านนานขึ้น และเชื่อมโยงแบรนด์กับคุณภาพ

4.ไม้โอ๊คกับการสร้างบรรยากาศในงานตกแต่ง

การเลือกไม้โอ๊คที่เหมาะสม จะช่วยให้การตกแต่งออกมาได้ตามสไตล์ที่ตั้งใจไว้ และยังเพิ่มอายุการใช้งานให้คุ้มค่าที่สุด

4.1 เลือกชนิดไม้ (White Oak vs Red Oak)

  • White Oak  โทนสีอ่อน–เบจนวล มีความทนน้ำสูงกว่า ใช้ได้ทั้งพื้น บันได บิวท์อิน และครัว

  • Red Oak  โทนชมพูอมน้ำตาล ลายเสี้ยนเปิด รับ stain ได้ง่าย นิยมในงานเฟอร์นิเจอร์และบิวท์อินภายใน

4.2 เลือกการฟินิช (Finish) ให้ตรงกับ mood & tone

  • Stain  เหมาะกับการปรับโทน เช่น จากธรรมชาติเป็นโทนเข้ม

  • Oil Finish  ให้ผิวสัมผัสธรรมชาติ เหมาะกับบ้านหรือคาเฟ่ที่ต้องการบรรยากาศ organic

  • PU / Polyurethane เพิ่มความทนทาน กันคราบน้ำ กาแฟ และรอยขีดข่วน  เหมาะกับคาเฟ่หรือบ้านที่มีการใช้งานหนัก

5.  การดูแลรักษา (Maintenance & Longevity)

  • ทำความสะอาดประจำด้วยผ้าไมโครไฟเบอร์  หลีกเลี่ยงน้ำยาที่มีกรด/ด่างแรง

  • รักษาความชื้นห้องที่ 40–60% RH  ลดการหด/ขยายตัวของไม้

  • ใช้ felt pad ใต้ขาเฟอร์นิเจอร์  ป้องกันรอยขีดข่วนบนพื้นโอ๊ค

  • สำหรับงานคาเฟ่  เคลือบฟินิชซ้ำตามรอบ (เช่น PU ทุก 3–5 ปี) เพื่อยืดอายุงานไม้

       ไม้โอ๊ค ถือเป็นไม้เนื้อแข็งที่ผสมผสานทั้งความแข็งแรง ความงาม และคุณค่าเชิงวัฒนธรรมได้อย่างลงตัว ไม่ว่าจะใช้ในบ้านพักอาศัย คาเฟ่ หรือร้านค้าพรีเมียม ก็ช่วยยกระดับบรรยากาศให้ดูอบอุ่น หรูหรา และน่าเชื่อถือ ที่สำคัญยังตอบโจทย์เทรนด์ความยั่งยืนในยุโรปและเอเชีย ทำให้ไม้โอ๊คยังคงเป็นตัวเลือกอันดับต้น ๆ ของนักออกแบบและเจ้าของบ้านทั่วโลก หากคุณกำลังมองหา ไม้โอ๊คคุณภาพสูง ที่ผ่านการคัดสรรเกรดตรงจากโรงงาน มีให้เลือกครบทั้ง White Oak และ Red Oak รวมถึงบริการให้คำปรึกษาเรื่องสเปก ขนาด และการใช้งานจริง วิวัฒน์ชัยค้าไม้ คือผู้เชี่ยวชาญด้านไม้และวัสดุตกแต่งที่อยู่คู่ช่างไม้และนักออกแบบมากว่า 50 ปี เราพร้อมให้คำแนะนำตั้งแต่งานพื้น บันได เฟอร์นิเจอร์ ไปจนถึงงานบิวท์อินระดับพรีเมียม เพื่อให้คุณมั่นใจว่าได้วัสดุที่ตรงกับความต้องการที่สุด

 

สนใจสั่งซื้อได้ที่ สินค้าไม้โอ๊ค หรือตรงมาที่โชว์รูมบางโพ เพื่อสัมผัสไม้โอ๊คแท้และวัสดุคุณภาพก่อนตัดสินใจ

Google Map
Line
Line
Google Map