ไม้ MDF ถือเป็นหนึ่งในวัสดุยอดนิยมสำหรับงานเฟอร์นิเจอร์และงานตกแต่งบ้าน ด้วยคุณสมบัติพื้นผิวที่เรียบ ทำงานง่าย และราคาไม่สูง ทำให้ทั้งช่างไม้และเจ้าของบ้านเลือกใช้งานกันอย่างแพร่หลาย แต่สิ่งที่หลายคนยังสับสนคือ “ความหนาของไม้ MDF” ที่มีให้เลือกหลายขนาด ไม่ว่าจะเป็น 6 มม. 12 มม. หรือ 18 มม. ซึ่งแต่ละความหนาก็มีคุณสมบัติและการใช้งานที่แตกต่างกันออกไป หากเลือกไม่ถูกต้องอาจทำให้ชิ้นงานไม่แข็งแรงหรือใช้งานได้ไม่ยาวนาน บทความนี้จะพาคุณมาดูว่าไม้ MDF แต่ละความหนาเหมาะกับงานประเภทไหน และควรเลือกอย่างไรให้ตรงกับโปรเจกต์ของคุณ เพื่อให้ได้ทั้งความสวยงาม ความแข็งแรง และความคุ้มค่าเมื่อเทียบกับไม้อัด MDF หรือวัสดุไม้ประเภทอื่น ๆ
1.เลือกความหนา ไม้ MDF แบบไหน เหมาะกับงานอะไรบ้าง?
1.1 ไม้ MDF หนา 3–6 มม.
เหมาะกับงานตกแต่งที่ไม่ต้องรับน้ำหนัก เช่น งานกรุผนัง แผ่นบังตา แผงลิ้นชัก หรือการทำบานเฟอร์นิเจอร์บาง ๆ จุดเด่นคือแผ่นบาง น้ำหนักเบา ทำงานง่าย แต่ไม่เหมาะกับงานโครงสร้าง
1.2 ไม้ MDF หนา 9–12 มม.
เหมาะสำหรับงานเฟอร์นิเจอร์ขนาดเล็ก เช่น ชั้นวางของเล็ก โต๊ะทำงานแบบเบา ๆ หรือบานตู้ที่ไม่ได้รับแรงกดมาก ความหนาระดับนี้ยังนิยมใช้ในงาน ไม้อัด MDF เคลือบเมลามีน สำหรับทำบานตู้หรือผิวตกแต่งที่ต้องการความเรียบสวย
1.3 ไม้ MDF หนา 15 มม.
ถือเป็นความหนามาตรฐานสำหรับงานเฟอร์นิเจอร์ภายในบ้าน เช่น ตู้เสื้อผ้า โต๊ะเครื่องแป้ง ชั้นหนังสือ หรือเคาน์เตอร์ครัวแบบเบา ๆ ไม้ MDF ความหนานี้ให้ความแข็งแรงพอสมควรและยังทำสีหรือเคลือบผิวได้ง่าย
1.4 ไม้ MDF หนา 18–20 มม.
เหมาะกับงานที่ต้องรับน้ำหนักมากขึ้น เช่น ชั้นวางของขนาดกลาง โต๊ะทานอาหาร หรือชั้นโชว์สินค้าในร้านค้า หลายช่างไม้เลือกความหนานี้เพราะให้ทั้งความแข็งแรงและยังทำงานง่ายกว่าการใช้ไม้อัด MDF ที่หนามาก ๆ
1.5 ไม้ MDF หนา 25 มม. ขึ้นไป
ใช้สำหรับงานที่ต้องการความแข็งแรงสูง เช่น เคาน์เตอร์ร้านค้า เฟอร์นิเจอร์เชิงพาณิชย์ โต๊ะประชุม หรือชิ้นงานที่ต้องรับน้ำหนักและการใช้งานหนัก ความหนาระดับนี้ใกล้เคียงกับไม้จริงในด้านความแข็งแรง แต่ยังคงความเรียบของ MDF ที่เหมาะกับการทำสีและเคลือบผิว
*หมายเหตุ : เป็นเพียงคำแนะนำจากร้านวิวัฒน์ชัยค้าไม้
2.ความหนาไม้ MDF มีผลอย่างไรต่อการใช้งานจริง
ความหนาของไม้ MDF มีผลโดยตรงต่อการใช้งานจริง เพราะความหนาที่แตกต่างกันส่งผลทั้งด้านความแข็งแรง การรับน้ำหนัก และความเหมาะสมกับงานแต่ละประเภท หากใช้ไม้ MDF ที่บางเกินไปกับงานที่ต้องรับแรง เช่น ชั้นวางของหรือโต๊ะ อาจทำให้ไม้โก่งตัวหรือแตกหักได้ง่าย ขณะที่ไม้ MDF ที่หนามากก็จะมีความแข็งแรงทนทานกว่า เหมาะกับงานที่ต้องการโครงสร้างมั่นคง เช่น เคาน์เตอร์หรืองานเฟอร์นิเจอร์เชิงพาณิชย์ แต่ก็มาพร้อมน้ำหนักที่มากขึ้นและต้นทุนสูงกว่า ดังนั้นการเลือกความหนาที่เหมาะสมจึงช่วยให้งานเฟอร์นิเจอร์หรือการตกแต่งด้วยไม้อัด MDF ออกมาสวย ใช้งานได้ยาวนาน และคุ้มค่ากับงบประมาณมากที่สุด
*หมายเหตุ : อ่านบทความ ข้อควรระวังในการใช้งานไม้ MDF ได้ที่นี่
3.หนา 6 มม. 12 มม. 18 มม. ต่างกันยังไง? เลือกไม้ MDF ให้ถูกกับงานของคุณ
ความหนาไม้ MDF | งานที่เหมาะสม | จุดเด่น | ข้อจำกัด |
---|---|---|---|
6 มม. | งานตกแต่งผนัง ฝ้า แผงกรุ | แผ่นบาง น้ำหนักเบา ตัดง่าย | ไม่เหมาะกับงานโครงสร้างหรือเฟอร์นิเจอร์ที่ต้องรับแรง |
12 มม. | เฟอร์นิเจอร์ขนาดเล็ก เช่น บานตู้ โต๊ะเล็ก ชั้นวางเบา ๆ, งานไม้อัด MDF เคลือบเมลามีน | แข็งแรงกว่าขนาดบาง น้ำหนักไม่มากเกินไป เหมาะกับงานบิวท์อิน | รับแรงกดและแรงกระแทกสูงไม่ได้ |
18 มม. | งานเฟอร์นิเจอร์มาตรฐาน เช่น ตู้เสื้อผ้า โต๊ะทำงาน ชั้นหนังสือ เคาน์เตอร์ครัว | แข็งแรงใกล้เคียงไม้จริง ทำสีและเคลือบผิวได้หรูหรา | หนักกว่าขนาดเล็ก ใช้งบประมาณสูงกว่า |
4.วิธีง่าย ๆ ในการเลือกความหนา ไม้ MDF ให้เหมาะกับโปรเจกต์
ตรวจสอบลักษณะงานก่อน ถ้าเป็นงานตกแต่งผนังหรือฝ้า เลือก สินค้าไม้ MDF บาง 3–6 มม.
พิจารณาการรับน้ำหนัก งานเฟอร์นิเจอร์เล็ก ๆ ใช้ 9–12 มม. ส่วนงานชั้นวางหรือโต๊ะเลือก 15–18 มม.
งานโครงสร้างหรือเชิงพาณิชย์ ใช้ไม้อัด MDF หนา 20–25 มม. ขึ้นไป เพื่อความแข็งแรงและทนทาน
คำนึงถึงน้ำหนักแผ่น แผ่น MDF ยิ่งหนายิ่งหนัก ต้องมีโครงสร้างรองรับที่แข็งแรง
เมื่อเข้าใจแล้วว่าความหนาของไม้ MDF แต่ละระดับ ไม่ว่าจะเป็น 6 มม. 12 มม. หรือ 18 มม. มีผลต่อความแข็งแรงและประเภทงานที่เหมาะสมอย่างไร ก็จะช่วยให้คุณเลือกใช้วัสดุได้อย่างมั่นใจและคุ้มค่ามากขึ้น เพราะไม้ MDF ไม่ได้มีแค่ความสวยงามของผิวเรียบ แต่ยังต้องเลือกความหนาให้ตรงกับโปรเจกต์เพื่อให้งานออกมาทนทานและใช้งานได้จริง และหากคุณกำลังมองหาวัสดุคุณภาพดี ไม่ว่าจะเป็นไม้ MDF, ไม้อัด MDF หรือ วัสดุไม้อัดชนิดอื่น เช่น ไม้อัดยาง ไม้อัดฟิล์มดำ ไม้อัดเคลือบขาว รวมถึงแผ่น HMR, Particle Board และ OSB ทาง วิวัฒน์ชัยค้าไม้ มีครบทุกประเภทในราคาโรงงาน พร้อมทีมงานผู้เชี่ยวชาญที่ให้คำปรึกษาได้ตรงจุด เพื่อให้งานเฟอร์นิเจอร์และตกแต่งของคุณออกมาสมบูรณ์ที่สุด