ไม้แปรรูป ไม้เมืองนอก vs ไม้เมืองไทย ใช้งานต่างกันอย่างไร? เลือกแบบไหนดีให้เหมาะกับบ้านคุณ

ไม้แปรรูป ไม้เมืองนอก vs ไม้เมืองไทย ใช้งานต่างกันอย่างไร? เลือกแบบไหนดีให้เหมาะกับบ้านคุณ

              การเลือกใช้ ไม้แปรรูป ในการตกแต่งบ้านเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยเสริมบรรยากาศและความทนทานให้กับบ้านคุณ แต่ไม้เมืองไทยและ ไม้เมืองนอก มีคุณสมบัติที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน ทั้งในด้านความแข็งแรง การทนทาน และการใช้งานในสภาพแวดล้อมที่แตกต่างกัน บทความนี้เราจะพามาดูกันว่าไม้แต่ละชนิดเหมาะกับการใช้งานแบบไหนและควรเลือกใช้ไม้ประเภทใดให้เหมาะสมกับบ้านของคุณ

1.ไม้ต่างประเทศ

คือ ไม้แปรรูป ที่นำเข้าจากต่างประเทศ มักเป็นไม้เนื้อแข็งหรือไม้ประดับคุณภาพสูง มีความหลากหลายด้านลวดลาย สีสัน และคุณสมบัติเฉพาะ เช่น แข็งแรง ทนปลวก หรือมีหน้าตัดสวยงาม เหมาะสำหรับงานตกแต่งภายใน เฟอร์นิเจอร์หรู และงานก่อสร้างที่ต้องการความพรีเมียม

ตัวอย่างไม้ต่างประเทศที่นิยมในไทย:

  • ไม้แอช (Ash Wood) ไม้เนื้อแข็งจากฝั่งอเมริกาและยุโรป มีลวดลายเส้นตรงสวยชัดเจน สีออกครีม-เบจอ่อน อ่านบทความ พฤกษศาสตร์ไม้แอช ได้ที่นี่
  • ไม้วอลนัท (Walnut Wood) ทไม้สีเข้มระดับพรีเมียมจากอเมริกาและยุโรป มีลายคลื่นหรือลอนน้ำตาลเข้ม-ดำ
  • ไม้โอ๊ค (Oak Wood) มีทั้ง White Oak และ Red Oak จากอเมริกา เป็นไม้เนื้อแข็งมาก ทนทานสูง
  • ไม้เชอร์รี่ (Cherry Wood) ไม้สีชมพู-แดงอมส้ม มีลายละเอียด เนื้อไม้เนียนละเอียดมาก
  • ไม้สน (Pine Wood) คือไม้เนื้ออ่อนที่ได้รับความนิยมอย่างมากทั่วโลก โดยเฉพาะในงานเฟอร์นิเจอร์ งานตกแต่ง และงาน DIY เนื่องจากมีสีอ่อน ลวดลายธรรมชาติ และน้ำหนักเบา

2. ไม้ไทย (ไม้ท้องถิ่น / ไม้ในประเทศ)

คือ ไม้แปรรูป ที่มีแหล่งปลูกหรือแปรรูปภายในประเทศไทย นิยมใช้กันอย่างแพร่หลายในงานก่อสร้าง เฟอร์นิเจอร์ทั่วไป และงานโครงสร้าง เนื่องจากเข้าถึงง่าย ราคาไม่สูง และมีความคุ้นเคยกับสภาพอากาศไทย

ตัวอย่างไม้ไทยที่นิยมใช้:

  • ไม้ยางพารา (Rubberwood) ไม้เศรษฐกิจที่นำมาจากต้นยางเก่าหลังหมดอายุการกรีดน้ำยาง
  • ไม้เต็ง (Hopea / Shorea spp.) ไม้เนื้อแข็งจากป่าเบญจพรรณภาคอีสานและเหนือ มีความแข็งแรงสูงมาก
  • ไม้สัก (Teak Wood) ไม้มีค่าอันดับต้น ๆ ของไทย มีน้ำมันธรรมชาติในเนื้อไม้ มีลายไม้เฉพาะตัว สีเหลืองทองหรือออกน้ำตาล
  • ไม้แดง (Red Wood / Xylia spp.) ไม้เนื้อแข็งมาก สีแดงเข้ม หนักแน่น ทนแรงกระแทกสูง
  • ไม้เบญจพรรณ (Mixed Hardwood) ชื่อเรียกรวมของไม้หลายชนิดจากป่าเบญจพรรณ เช่น มะค่า ตะแบก แดง ประดู่ ฯลฯ

อ่านบทความ ชนิดไม้แปรรูป เพิ่มเติม ต่อได้ที่นี่

3.เปรียบเทียบไม้แปรรูปจากไทยและต่างประเทศ

3.1 ไม้สัก vs ไม้วอลนัท

เปรียบเทียบคุณสมบัติของไม้สักและไม้วอลนัท

3.1.1 ประเภทไม้

  • ไม้สัก (Teak): จัดเป็นไม้แปรรูป เนื้อแข็งระดับกลาง (Medium-Hardwood) มีความสมดุลระหว่างความแข็งแรงและความยืดหยุ่น เนื้อไม้ไม่แน่นหรือแข็งเกินไป ทำให้ขึ้นรูป ตัด เจาะ และประกอบได้ง่าย มีจุดเด่นคือ น้ำมันธรรมชาติที่อยู่ในเนื้อไม้ ซึ่งช่วยให้ไม้มีความทนทานต่อปลวก รา และความชื้นได้อย่างดีเยี่ยม เหมาะกับการใช้งานในบ้านเรือนเขตร้อนชื้นแบบไทย ที่ต้องเผชิญกับฝน ความร้อน และแมลง
  • ไม้วอลนัท (Walnut): เป็นไม้ เนื้อแข็ง (Hardwood) ในระดับสูง มีความหนาแน่นของเนื้อไม้มากกว่าไม้สักอย่างชัดเจน มีโครงสร้างที่แน่น แข็ง และหนัก ทำให้ไม้วอลนัทเหมาะกับการใช้งานที่ต้องการความมั่นคง เช่น โต๊ะทำงานใหญ่ ๆ หรือเฟอร์นิเจอร์ที่ต้องการความหรูหราและความทนทานในระยะยาว อย่างไรก็ตาม วอลนัทไม่มีน้ำมันธรรมชาติเหมือนไม้สัก จึง ควรเคลือบผิวเพื่อป้องกันปลวกและความชื้น หากนำไปใช้งานในสภาพแวดล้อมที่ไม่แห้งสนิท

3.1.2 สีของไม้

  • ไม้สัก (Teak): สีพื้นของไม้สักมีโทน เหลืองทองอ่อนถึงน้ำตาลอ่อน ที่ดูอบอุ่นและเป็นธรรมชาติอย่างมาก เมื่อใช้งานไประยะหนึ่ง สีของไม้จะเข้มขึ้นเล็กน้อย กลายเป็นสีน้ำตาลทองที่ดูหรูหรา ให้ความรู้สึกคลาสสิกและกลมกลืนกับบ้านสไตล์ไทยประยุกต์ มินิมอล หรือทรอปิคัล
  • ไม้วอลนัท (Walnut): ไม้วอลนัทมี สีเข้มโดยธรรมชาติ ซึ่งคล้ายไม้สัก สีมีตั้งแต่ น้ำตาล ไปจนถึง น้ำตาลอมดำ บางชิ้นอาจมีเส้นลายไม้ที่ไล่เฉดจากสีเข้มไปอ่อนให้ความรู้สึกหรูหราและลึกซึ้ง สีนี้ให้ลุคโมเดิร์น เรียบหรู และเข้ากับวัสดุตกแต่งร่วมสมัย เช่น หินอ่อน โลหะดำ ทองแดง หรือผิวด้าน

3.1.3 ความแข็งแรงและทนทาน

  • ไม้สัก (Teak): แม้จะไม่ใช่ไม้ที่แข็งที่สุด แต่ไม้สักมี ความทนทานสูงในเชิงธรรมชาติ โดยเฉพาะการ ทนปลวก ทนความชื้น และทนสภาพอากาศร้อนชื้น ได้ดีกว่าไม้ชนิดอื่น ๆ ส่วนหนึ่งเพราะน้ำมันในเนื้อไม้ที่มีคุณสมบัติต้านการกัดกินจากแมลงและป้องกันการบวมหรือหดตัวเมื่อเจออุณหภูมิเปลี่ยนแปลง จึงเป็นไม้ที่ “ใช้งานจริงได้ยาวนาน” แม้ไม่ต้องเคลือบมาก
  • ไม้วอลนัท (Walnut):แข็งแรงและทนต่อแรงกระแทกสูงกว่าไม้สัก แต่จะมีข้อจำกัดเรื่อง ความทนต่อปลวกและความชื้น เนื่องจากไม่มีน้ำมันธรรมชาติในเนื้อไม้ การใช้งานที่ดีควรจำกัดในพื้นที่แห้ง หรือใช้งานภายใน และ จำเป็นต้องเคลือบหรือป้องกันอย่างเหมาะสม หากจะนำไปใช้งานที่มีความเสี่ยงเรื่องปลวกหรือความชื้น

3.1.4 น้ำหนักและการทำงาน

  • ไม้สัก (Teak): มีน้ำหนัก ปานกลาง และขึ้นรูปง่าย เนื่องจากเนื้อไม้มีความยืดหยุ่นพอสมควร ช่างไม้นิยมไม้สักเพราะสามารถ ตัด เจาะ ประกอบ ได้โดยไม่เปราะหรือแตกหักง่าย ใช้ได้กับทั้งงาน DIY และงานช่างเฟอร์นิเจอร์บิวท์อินคุณภาพสูง นอกจากนี้ยังสามารถนำไปใช้กับเครื่องจักรหรือเครื่องมือช่างทั่วไปได้ดีโดยไม่กินใบเลื่อยหรือทำให้เครื่องสึกหรอเร็ว
  • ไม้วอลนัท (Walnut): มีน้ำหนัก มากกว่าไม้สักชัดเจน เนื้อไม้แน่น ทำให้ทนต่อแรงกดและแรงกระแทกสูง แต่ในการทำงานจะต้องใช้ เครื่องมือที่แม่นยำและคม เพราะไม้วอลนัทมีลายไม้ซับซ้อนในบางจุด ทำให้การขัดหรือขึ้นรูปต้องอาศัยความประณีตสูง เมื่อนำไปขัดหรือเคลือบเงา จะให้ผิวที่สวยมาก มีมิติและหรูหรากว่าไม้ทั่วไป

3.1.5 ราคา (อ้างอิงจากร้านวิวัฒน์ชัยค้าไม้)

3.2 ไม้เชอร์รี่ vs ไม้แดง

เปรียบเทียบคุณสมบัติของไม้แดงและไม้เชอร์รี่

3.2.1 ประเภทไม้

  • ไม้เชอร์รี่ (Cherry Wood): เป็นไม้ เนื้อแข็งระดับกลาง (Medium Hardwood) มีความหนาแน่นของเนื้อไม้พอเหมาะ ไม่หนักเกินไป และไม่อ่อนเกินไป ทำให้ง่ายต่อการแปรรูป เหมาะสำหรับงานเฟอร์นิเจอร์ที่ต้องการผิวเรียบ ละเอียด และสีไม้สม่ำเสมอ นิยมในตลาดไม้แปรรูปนำเข้า โดยเฉพาะจากอเมริกา (เช่น American Black Cherry)
  • ไม้แดง (Red Wood): เป็นไม้ เนื้อแข็งมาก (Very Hard Hardwood) ที่มีความแข็งแรงสูง เหมาะกับงานที่ต้องการรับน้ำหนักหรือทนการใช้งานหนัก เช่น พื้นบ้าน เสา และโครงสร้างไม้ มีความเหนียวและทนแรงกระแทกได้ดีมาก เป็นหนึ่งในไม้ไทยที่ใช้ในงานก่อสร้างมานาน โดยเฉพาะในบ้านไม้สมัยก่อน

3.2.2 สีของไม้

  • ไม้เชอร์รี่: มีโทนสี ชมพู-แดงอมส้มถึงน้ำตาลแดงอ่อน ที่นุ่มนวลและดูอบอุ่น ลักษณะเด่นคือเมื่อใช้งานไปสักระยะหนึ่ง สีของไม้จะเข้มขึ้นเองตามธรรมชาติ กลายเป็นน้ำตาลเข้มสวยงาม ให้ความรู้สึกหรูหราแบบวินเทจ เหมาะกับบ้านสไตล์คลาสสิกหรือยุโรป
  • ไม้แดง: มีสี แดงเข้มไปจนถึงน้ำตาลแดง เนื้อไม้แน่น สม่ำเสมอ และสีเข้มตลอดทั้งแก่นไม้ ให้ลุคหนักแน่น แข็งแรง และภูมิฐาน สีไม่เปลี่ยนแปลงมากเมื่อใช้งานนาน ถือเป็นไม้ที่มีคาแรกเตอร์ไทยชัดเจน มักใช้ในบ้านสไตล์ไทยประยุกต์หรือบ้านไม้จริง

3.2.3 ความแข็งแรงและทนทาน

  • ไม้เชอร์รี่: ความแข็งแรงระดับปานกลาง แข็งพอสำหรับการใช้งานเฟอร์นิเจอร์ทั่วไป เช่น ตู้ โต๊ะ เก้าอี้ โดยเฉพาะงานที่ต้องการความประณีต แต่ ไม่เหมาะกับงานโครงสร้างหรือพื้นที่ที่มีแรงกระแทกสูง ส่วนเรื่องปลวกนั้น ไม้เชอร์รี่สามารถต้านได้พอประมาณ แต่ควรเคลือบผิวเพื่อเพิ่มความทนทาน
  • ไม้แดง: จึงเหมาะกับงานที่ต้องการความคงทนระยะยาว เช่น พื้นไม้ เสา คาน บันได หรือส่วนโครงสร้างของบ้าน รวมถึงยัง ทนปลวกและทนชื้นได้ดี โดยเฉพาะเมื่ออบแห้งอย่างเหมาะสม

3.2.4 น้ำหนักและการทำงาน

  • ไม้เชอร์รี่: น้ำหนัก ปานกลาง ทำงานง่ายมาก เหมาะกับงานฝีมือหรือเฟอร์นิเจอร์ที่ต้องการดีเทลสูง ตัด เจาะ กลึง และขัดได้สวย ไม้เชอร์รี่ให้ผิวที่เรียบเนียน สีสม่ำเสมอ เมื่อเคลือบแลคเกอร์จะขึ้นเงาสวยโดยไม่ต้องย้อมสีเพิ่มเติม
  • ไม้แดง: มี น้ำหนักมาก และเนื้อไม้แน่นมาก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับงานพื้นไม้ เฟอร์นิเจอร์ โครงสร้าง หรือวงกบประตู ด้วยลวดลายที่สวยงามเฉพาะตัวและสีแดงเข้มที่ดูหรูหรา

3.2.5 ราคา

 

3.3 ไม้ยางพารา vs ไม้สน

เปรียบเทียบคุณสมบัติของไม้ยางพาราและไม้สนในงานไม้แปรรูป

3.3.1 ประเภทไม้

  • ไม้ยางพารา (Rubberwood): เป็น ไม้เนื้อแข็งระดับกลางถึงอ่อน (Medium to Soft Hardwood) ได้จากต้นยางที่หมดอายุกรีดน้ำยาง (อายุประมาณ 25–30 ปี) จึงถือเป็นการใช้ทรัพยากรหมุนเวียน (Sustainable Wood) นิยมมากในอุตสาหกรรมเฟอร์นิเจอร์ของไทย
  • ไม้สน (Pine Wood):เป็น ไม้เนื้ออ่อน (Softwood) จากต่างประเทศ เช่น สนขาว (White Pine), สนเหลือง (Yellow Pine) หรือ สนแดง (Red Pine) มีน้ำหนักเบาและเนื้อไม้ค่อนข้างหยาบ นิยมใช้ในงานตกแต่ง งาน DIY และงานเฟอร์นิเจอร์แบบ rustic หรือมินิมอล

3.3.2 สีของไม้

  • ไม้ยางพารา: โทนสีออก ขาวนวลถึงเหลืองอ่อน สีค่อนข้างสม่ำเสมอ เมื่อทาน้ำยาเคลือบจะดูอบอุ่นและสว่าง เหมาะกับสไตล์มินิมอล หรือญี่ปุ่นโมเดิร์น
  • ไม้สน: โทนสี ขาวครีมถึงเหลืองอ่อน โดยบางชนิดมีลวดลายสีแดงอ่อนแซมด้วย เส้นลายไม้ชัดเจน ให้ความรู้สึก “ธรรมชาติ” มาก เหมาะกับบ้านสไตล์สแกนดิเนเวีย หรือโฮมมี่

3.3.3 ความแข็งแรงและทนทาน

  • ไม้ยางพารา:มีความแข็งแรงระดับกลาง สามารถรับน้ำหนักได้ดีในงานเฟอร์นิเจอร์ทั่วไป แต่ ไม่ทนปลวกตามธรรมชาติ ต้องผ่านการอบแห้งหรือเคลือบน้ำยาป้องกันปลวกก่อนใช้งานจริง โดยเฉพาะในพื้นที่ชื้นหรือโครงสร้างบ้าน
  • ไม้สน: ความแข็งแรง ต่ำกว่าไม้ยางพารา เพราะเป็นไม้เนื้ออ่อน ทนแรงกระแทกได้น้อย แต่ ทำงานง่ายและยืดหยุ่น เหมาะกับงานตกแต่งภายในมากกว่างานที่ต้องรับน้ำหนักมาก ปลวกขึ้นง่ายหากไม่เคลือบสารกันแมลง

3.3.4 น้ำหนักและการทำงาน

  • ไม้ยางพารา: น้ำหนัก ค่อนข้างมากกว่าสน แต่ยังอยู่ในระดับกลาง ตัด เจาะ ขัด และประกอบได้ดีมาก เนื้อไม้สม่ำเสมอ ไม่มีเสี้ยน ทำให้เหมาะกับงานที่ต้องการผิวไม้เรียบ เช่น โต๊ะ ตู้ เตียง เฟอร์นิเจอร์บิวท์อิน
  • ไม้สน: เบากว่าไม้ยาง ทำงานง่ายมาก เจาะ ตอก ตัด ได้สะดวก แต่ต้องระวังเสี้ยน และอาจแตกหรือบิ่นง่ายหากไม่มีทักษะในการทำงานที่ดี เหมาะกับงาน DIY, กล่องไม้, ชั้นวางของ, หรือเฟอร์นิเจอร์สไตล์โปร่ง

3.3.5 ราคา

4.เลือกไม้แบบมืออาชีพ: ช่างไม้ควรรู้ ไม้ไทย vs ไม้นอก เลือกแบบไหนให้เหมาะกับงานจริง?

หากคุณเป็นช่างไม้ ช่างเฟอร์นิเจอร์ หรือผู้รับเหมา การเลือกชนิดไม้ให้เหมาะกับงานไม่ใช่แค่เรื่อง “ความสวยงาม” เท่านั้น แต่ต้องดูให้ครบทั้ง “ความแข็งแรง” “ความง่ายในการทำงาน” “ความทนต่อปลวก-ชื้น” และที่สำคัญคือ “ความคุ้มค่าต่อการใช้งานจริง” เช่น:

3.1 ไม้สัก vs ไม้วอลนัท

  • ถ้าเน้น ใช้งานในบ้านเขตร้อน มีความชื้น หรืออยากได้ไม้ที่ดูแลรักษาง่าย ใช้ได้นานโดยไม่ต้องเคลือบมาก เลือกไม้สัก เพราะมีน้ำมันธรรมชาติ ทนปลวกและความชื้นได้ดีมาก ขึ้นรูปง่าย ใช้ได้กับทั้งงานภายในและภายนอก
  • ถ้าต้องการ เฟอร์นิเจอร์หรู โทนสีเข้ม ดูแพง แข็งแรงมาก เหมาะกับบ้านแอร์ทั้งวัน หรือโชว์ลายไม้ชัดเจน เลือกไม้วอลนัท ให้ลุคโมเดิร์น สีเข้ม ลายไม้เด่น แต่ควรใช้งานในพื้นที่แห้งและเคลือบป้องกันปลวก
 

3.2 ไม้เชอร์รี่ vs ไม้แดง

  • ถ้าต้องการ ไม้เนื้อเนียน น้ำหนักพอดี เหมาะกับงานเฟอร์นิเจอร์ประณีต เช่น โต๊ะ ตู้ เก้าอี้ ที่ต้องการผิวเรียบสวยและอบอุ่นแบบวินเทจ เลือกไม้เชอร์รี่
  • ถ้าต้องการ ไม้แข็งแรง ใช้กับโครงสร้าง เสา พื้น บันได หรือจุดที่ต้องรับแรงหนักในระยะยาว เลือกไม้แดง เพราะมีความแข็งและเหนียวสูง ทนปลวก ทนแรงกระแทก เหมาะกับงานหนัก

3.3 ไม้ยางพารา vs ไม้สน

  • ถ้าเน้น เฟอร์นิเจอร์บิวท์อินในบ้านทั่วไป ต้องการความแข็งแรงปานกลาง สีอ่อน ทำงานง่าย ราคาไม่สูง เลือกไม้ยางพารา แต่อย่าลืมอบแห้งหรือเคลือบกันปลวก
  • ถ้าเน้น งาน DIY, งานตกแต่งแนวสแกนดิเนเวีย มินิมอล หรือของใช้เล็ก ๆ ที่ไม่รับน้ำหนักมาก เลือกไม้สน เพราะน้ำหนักเบา ทำงานง่าย แต่ไม่ทนปลวก ควรใช้งานภายในเท่านั้น

               หากคุณกำลังมองหา สินค้าไม้แปรรูป คุณภาพ ไม่ว่าจะเป็นไม้ไทย เช่น ไม้สัก ไม้แดง ไม้เต็ง หรือไม้ต่างประเทศอย่างวอลนัท โอ๊ค แอช และเชอร์รี่ “วิวัฒน์ชัยค้าไม้” คือแหล่งรวมไม้คุณภาพที่ช่างมืออาชีพไว้ใจมากว่า 50 ปี ด้วยการคัดเกรดไม้ทุกแผ่นอย่างพิถีพิถัน พร้อมบริการไสเรียบ อบแห้ง เคลือบผิว และตัดตามสเปกสำหรับงานเฟอร์นิเจอร์ งานบิวท์อิน หรืองานโครงการระดับหมู่บ้าน-รีสอร์ต เราให้คำปรึกษาโดยทีมงานผู้เชี่ยวชาญ เข้าใจไม้ เข้าใจงาน และเข้าใจความต้องการของลูกค้า พร้อมบริการจัดส่งทั่วประเทศ และสินค้าเกี่ยวกับงานไม้ครบวงจรในที่เดียว ทั้งสี ฟิตติ้ง บานพับ รางลิ้นชัก และเครื่องมือสำหรับงานไม้โดยเฉพาะ ไว้ใจไม้คุณภาพ ต้อง “วิวัฒน์ชัยค้าไม้” ตัวจริงเรื่องงานไม้ครบจบในที่เดียว

Google Map
Line
Line
Google Map