ไอเดียแต่งห้องด้วยพื้นไม้เอ็นจิเนียร์ Imondi เติมเสน่ห์ให้ทุกมุมบ้านด้วยโทนสีที่ใช่

Table of Contents

                 ในบทความนี้ เราจะพาคุณมาค้นหาแรงบันดาลใจในการแต่งห้องด้วย “พื้นไม้เอ็นจิเนียร์ Imondi” วัสดุปูพื้นที่ไม่ได้มีดีแค่ความหรูหรา แต่ยังช่วยเปลี่ยนบรรยากาศของบ้านให้ดูมีชีวิต และสะท้อนตัวตนของผู้อยู่อาศัยได้อย่างชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นโทนสีอ่อนที่ให้ความรู้สึกอบอุ่นและโปร่งโล่ง โทนสีเทาที่เพิ่มความโมเดิร์นเรียบเท่ หรือโทนสีเข้มที่ขับความหรูและหนักแน่น ทุกเฉดสีของพื้นไม้เอ็นจิเนียร์ล้วนมีเอกลักษณ์เฉพาะที่ช่วยเติมเสน่ห์ให้ทุกมุมบ้าน  เพราะ “พื้น” คือจุดเริ่มต้นของบรรยากาศที่อบอุ่นในทุกก้าวเดิน

1.พื้นไม้เอ็นจิเนียร์ Imondi เหมาะกับพื้นที่แบบไหนบ้าง

  • ห้องนั่งเล่น (Living Room) พื้นไม้เอ็นจิเนียร์ช่วยสร้างบรรยากาศอบอุ่นและหรูหรา เหมาะกับการตกแต่งหลากหลายสไตล์ ทั้งโมเดิร์น มินิมอล หรือคลาสสิก

  • ห้องนอน (Bedroom)  ด้วยสัมผัสนุ่มสบายและการเก็บเสียงที่ดี ทำให้ห้องนอนรู้สึกสงบ ผ่อนคลาย เหมาะกับการพักผ่อนอย่างแท้จริง

  • ห้องทำงาน (Home Office)  โทนสีไม้ธรรมชาติช่วยลดความตึงเครียด เพิ่มสมาธิ และทำให้บรรยากาศการทำงานดูอบอุ่นแต่ยังคงความเป็นมืออาชีพ

  • ห้องรับประทานอาหาร (Dining Area)  เพิ่มความกลมกลืนระหว่างพื้นที่รับประทานอาหารกับห้องนั่งเล่น ดูต่อเนื่องและอบอุ่นเป็นธรรมชาติ

  • คอนโดมิเนียม / อาคารสูง (Condominium & High-Rise)  น้ำหนักเบากว่าพื้นไม้จริง ติดตั้งง่าย ระบบ Click Lock 5G ป้องกันการขยายตัวจากความชื้นได้ดี

  • พื้นที่เชิงพาณิชย์ (Commercial Spaces)  เช่น ร้านกาแฟ โชว์รูม หรือออฟฟิศ พื้นไม้เอ็นจิเนียร์ให้ภาพลักษณ์พรีเมียมและคงทนต่อการใช้งานหนัก

  • ห้องโถงทางเดิน (Hallway & Corridor)  ด้วยความแข็งแรงและการเคลือบผิวที่ทนรอยขีดข่วน จึงเหมาะกับพื้นที่ที่มีการเดินผ่านบ่อย

2.เลือกโทนสีพื้นไม้เอ็นจิเนียร์ Imondi ให้เหมาะกับสไตล์ห้องของคุณ

2.1 โทนสีอ่อน (Light Tone)

พื้นไม้โทนสีอ่อนช่วย “ขยายพื้นที่ทางสายตา” ทำให้ห้องดูกว้าง โปร่ง และสว่างขึ้น โดยเฉพาะเมื่อรับแสงธรรมชาติได้ดี สีโทนนี้ยังสะท้อนแสงได้มาก จึงช่วยประหยัดพลังงานในตอนกลางวัน

เหมาะกับ:

  • ห้องขนาดเล็ก คอนโด ห้องนอน หรือห้องนั่งเล่นที่ต้องการความสว่าง

  • บ้านสไตล์ Scandinavian, Minimal, Japandi, Coastal, Natural Modern

ทริคตกแต่ง:

  • ใช้เฟอร์นิเจอร์สีขาว ครีม หรือเอิร์ธโทนเพื่อลดความแข็งของพื้น

  • เพิ่มวัสดุธรรมชาติ เช่น หวาย ผ้าลินิน หรือไม้โอ๊ค เพื่อสร้างมิติ

  • เลือกไฟโทนอุ่น (Warm White) เพื่อให้พื้นดูละมุนตา

ข้อควรระวัง:
สีอ่อนอาจเห็นฝุ่นหรือรอยขีดง่าย ควรเลือกพื้นไม้ที่มี UV Coating หรือเคลือบด้าน (Matt Finish)

2.2 โทนสีเหลืองทอง (Golden Tone)

โทนสีเหลืองทองให้ความรู้สึกอบอุ่นและมีชีวิตชีวา เหมาะกับบ้านที่ต้องการความ “เป็นกันเอง” และเชิญชวน พื้นไม้โทนนี้มักให้แสงสะท้อนนวล ๆ ทำให้บ้านดูอบอุ่นทั้งกลางวันและกลางคืน

เหมาะกับ:

  • ห้องนั่งเล่น ห้องรับประทานอาหาร หรือโถงใหญ่ในบ้าน

  • บ้านสไตล์ Modern Farmhouse, Tropical, Bohemian, Resort Style

ทริคตกแต่ง:

  • ใช้ผนังโทนขาวนวลหรือเทาอมเหลืองเพื่อบาลานซ์กับสีพื้น

  • เพิ่มของตกแต่งสีเขียวพืชพรรณ หรือทองแดงให้ห้องดูสดและมีพลัง

  • เหมาะกับพื้นที่ที่รับแสงธรรมชาติมาก เช่น บ้านแนวเปิดโล่ง

2.3 โทนสีกลาง (Medium Natural Tone)

เป็นโทน “คลาสสิกตลอดกาล” ที่ไม่ตกยุค ให้ความรู้สึกสมดุลระหว่างความอบอุ่นและความหรู สีระดับกลางทำให้จับคู่กับสีอื่นได้ง่ายที่สุดในบรรดาทุกโทน

เหมาะกับ:

  • บ้านทุกขนาด โดยเฉพาะโครงการที่ต้องการความเป็นกลาง เช่น โชว์รูม หรือคาเฟ่

  • สไตล์ Contemporary, Japandi, Neo-Classic, Mid-Century Modern

ทริคตกแต่ง:

  • ใช้ผ้าม่านหรือเฟอร์นิเจอร์สีเอิร์ธโทน เช่น เบจ น้ำตาลอ่อน เทาอมเหลือง

  • พื้นสีกลางเข้ากันได้ดีทั้งกับของไม้แท้และโลหะทองแดง

  • หากต้องการเพิ่มความหรู ให้ใช้โคมไฟทองเหลืองและกระจกบานใหญ่

2.4 โทนสีเทา (Grey Tone)

พื้นไม้โทนเทาได้รับความนิยมสูงในยุโรปและญี่ปุ่น เพราะให้ความรู้สึกเรียบ เท่ และดูทันสมัย เหมาะกับคนที่ชอบความมินิมอลแบบไม่เรียบเกินไป

เหมาะกับ:

  • บ้านและคอนโดสมัยใหม่ที่ใช้เฟอร์นิเจอร์โลหะหรือกระจก

  • สไตล์ Modern Loft, Industrial, Urban Contemporary, Modern Scandinavian

ทริคตกแต่ง:

  • ใช้พรมสีขาวดำหรือครีมเพื่อตัดโทนเทา

  • หากต้องการให้ห้องดูอบอุ่นขึ้น ให้ใช้ไฟโทนอุ่นและของตกแต่งไม้ธรรมชาติ

  • เหมาะกับผนังสีเทาอ่อนหรือขาวนวล ไม่แนะนำให้ใช้คู่กับผนังเข้มเกินไป

2.5 โทนสีเข้ม (Dark Brown / Espresso Tone)

โทนเข้มให้ความรู้สึกหนักแน่น มีพลัง และหรูหรา มักถูกเลือกใช้ในบ้านหรือโครงการระดับ Luxury เพราะขับให้ของตกแต่งดูโดดเด่นขึ้น

เหมาะกับ:

  • พื้นที่ที่ต้องการความภูมิฐาน เช่น ห้องรับแขก ห้องทำงาน หรือโฮมออฟฟิศ

  • สไตล์ Classic Contemporary, Industrial Loft, Modern Luxury

ทริคตกแต่ง:

  • ใช้ผนังสีอ่อน เช่น ขาว ครีม หรือเทาอ่อน เพื่อให้ห้องไม่ดูแคบ

  • ของตกแต่งที่เข้ากัน: ทองเหลือง ดำด้าน และกระจกใส

  • เหมาะกับบ้านที่มีระบบแสงไฟดี เพราะสีเข้มดูดีที่สุดภายใต้ไฟโทนอุ่น

2.6 โทนธรรมชาติอบอุ่น (Natural Rustic Tone)

เป็นโทนที่กำลังได้รับความนิยมในบ้านสมัยใหม่ เพราะให้ความรู้สึก “อบอุ่นและมีชีวิต” จากร่องรอยธรรมชาติของไม้แท้

เหมาะกับ:

  • บ้านสไตล์ Rustic Modern, Wabi-Sabi, Industrial Loft, Eco Design

  • คาเฟ่ ร้านอาหาร และโฮมสตูดิโอที่ต้องการบรรยากาศธรรมชาติ

ทริคตกแต่ง:

  • ใช้คู่กับผนังปูนเปลือยหรืออิฐโชว์

  • ของตกแต่งแนวแฮนด์เมดหรืองานเหล็กสีดำด้านช่วยขับเสน่ห์ไม้

  • หากต้องการบาลานซ์ความดิบ ให้ใช้เฟอร์นิเจอร์ผ้าหรือโซฟาหนังนุ่ม

3.เคล็ดลับการดูแลพื้นไม้เอ็นจิเนียร์ Imondi ให้สวยเหมือนวันแรก

พื้นไม้เอ็นจิเนียร์ Imondi เคลือบผิวด้วย Natural Oil หรือ Lacquer Finish ทำให้ป้องกันรอยขีดข่วนได้ดีและดูแลง่าย เพียง

  • หมั่นดูดฝุ่นหรือกวาดด้วยไม้ปัดนุ่ม

  • หลีกเลี่ยงการใช้ผ้าชุบน้ำเปียกจัด

  • ใช้น้ำยาเฉพาะสำหรับพื้นไม้ (เช่น LOBACARE หรือ OSMO) เดือนละ 1–2 ครั้ง

*หมายเหตุ : อ่านบทความการดูแลรักษาพื้นไม้เอ็นจิเนียร์ Imondi ได้ในที่นี่

                  พื้นไม้เอ็นจิเนียร์ไม่ได้เป็นเพียงวัสดุปูพื้น แต่คือ “รากฐานของอารมณ์ในบ้าน” ที่สามารถเปลี่ยนบรรยากาศได้ตั้งแต่ก้าวแรกที่เดินเข้าไปในห้อง การเลือกโทนสีพื้นไม้ที่เหมาะกับแสง ขนาดห้อง และสไตล์การตกแต่ง จะช่วยให้บ้านของคุณดูลงตัวมากขึ้น ทั้งในแง่ความสวยงาม ความอบอุ่น และความรู้สึกผ่อนคลาย  ไม่ว่าจะเป็นโทนสีอ่อนที่ให้ความรู้สึกโปร่งโล่ง สีเทาที่สะท้อนความโมเดิร์นทันสมัย หรือโทนเข้มที่ขับความหรูและความมั่นคง  ทุกโทนล้วนมีเสน่ห์ในแบบของตัวเอง และเมื่อจับคู่กับพื้นไม้เอ็นจิเนียร์คุณภาพจาก VK Floor ที่ผ่านการคัดสรรอย่างพิถีพิถัน คุณจะได้พื้นไม้ที่ไม่เพียงสวยงามแต่ยังทนทาน ดูแลง่าย และมีมาตรฐานระดับโลก ทั้งในด้านสุขภาพและสิ่งแวดล้อม

Google Map
Line
Line
Google Map