Home » พื้นไม้สำหรับเด็ก » วิธีดูแลพื้นไม้สำหรับเด็ก ถ้าไม่อยากให้ลูกของคุณเป็นภูมิแพ้
เด็กเล็กใช้เวลาส่วนใหญ่ใกล้พื้นมากกว่าที่เราคิดทั้งคลาน นั่ง เล่น หัดเดิน และเก็บของเข้าปากเป็นเรื่องปกติของช่วงวัยนี้ นั่นหมายความว่า “พื้นบ้าน” คือพื้นที่ที่เด็กสัมผัสมากที่สุดในแต่ละวัน หากพื้นสะสมฝุ่น เชื้อรา หรือมีสารเคมีที่ตกค้าง ก็อาจกระตุ้นอาการแพ้ ไอ จาม หรือผื่นผิวหนังได้ง่ายยิ่งกว่าในผู้ใหญ่ บทความนี้จึงรวบรวมวิธีดูแลพื้นไม้ให้ปลอดภัยที่สุดสำหรับเด็กเล็ก โดยเน้นการลดสารก่อภูมิแพ้ สร้างสภาพแวดล้อมที่สะอาดและอ่อนโยนต่อสุขภาพของเด็ก เพื่อให้บ้านเป็นพื้นที่ที่ลูกของคุณสามารถคลาน เล่น และเติบโตได้อย่างปลอดภัยทุกวัน
1. ทำความสะอาดพื้นสม่ำเสมอด้วยผ้าไมโครไฟเบอร์
ผ้าไมโครไฟเบอร์มีเส้นใยเล็กระดับไมครอน ช่วย “ดักจับ” ฝุ่น ละอองผิวหนัง และเส้นผมได้ดีกว่าผ้าธรรมดาที่มักผลักฝุ่นให้ฟุ้งกระจาย
เหมาะมากสำหรับเด็กภูมิแพ้ เพราะลดการฟุ้งของ PM, ไรฝุ่น และสารก่อภูมิแพ้ที่ลอยอยู่ตามพื้น
ควร “กวาดแบบแห้ง” ทุกวัน หรือถูพื้นแบบหมาด ๆ 2–3 ครั้งต่อสัปดาห์
หลีกเลี่ยงการใช้น้ำมากเกินไป โดยเฉพาะพื้นไม้จริง–ลามิเนต เพราะน้ำสามารถซึมตามรอยต่อและกลายเป็นต้นเหตุของเชื้อราใต้พื้น
2.เลือกน้ำยาทำความสะอาดแบบ Non-toxic สำหรับเด็ก
น้ำยาทั่วไปมักมีน้ำหอม, แอลกอฮอล์สูง หรือกรด–ด่างแรง ซึ่งอาจระคายเคืองผิวหนัง ระบบหายใจ หรือทำให้เด็กไอ–จาม
เลือกผลิตภัณฑ์ที่ระบุ Low VOC, Baby Safe, Non-toxic, หรือ Plant-based
สูตรเหล่านี้ปลอดภัยต่อเด็กที่คลานบนพื้น เพราะไม่ทิ้งสารเคมีตกค้าง
หลีกเลี่ยงน้ำยาถูพื้นที่ให้ “เงามากเกินไป” เพราะอาจทิ้งคราบลื่น ทำให้เด็กหกล้มง่ายขึ้น
3. เช็ดคราบน้ำ–คราบหกทันทีเพื่อลดการเกิดเชื้อรา
เด็กเล็กมักทำของหก เช่น น้ำ นม ขนม หรืออาหารเละ ๆ ถ้าปล่อยไว้นานจะซึมลงพื้น ทำให้เชื้อราสะสมได้
เชื้อรามีสปอร์ที่เป็นตัวกระตุ้นอาการแพ้ น้ำมูกไหล ผิวหนังอักเสบ โดยเฉพาะในเด็กอายุต่ำกว่า 3 ปี
พื้นไม้จริง พื้นลามิเนต และ SPC ที่มีโฟมรองด้านล่าง จะไวต่อความชื้นมาก หากปล่อยให้ชื้นนาน อาจเกิดเชื้อราภายใต้แผ่นโดยที่มองไม่เห็น
ใช้กระดาษทิชชู่ซับก่อน แล้วตามด้วยผ้าไมโครไฟเบอร์หมาด ๆ เพื่อกำจัดคราบให้หมดจด
4. ใช้เครื่องฟอกอากาศร่วมกับการดูแลพื้น
เด็กที่ใช้เวลาใกล้พื้นจะสัมผัสฝุ่นและ VOCs มากกว่าผู้ใหญ่หลายเท่า
เครื่องฟอกอากาศที่มี HEPA Filter จะช่วยดักจับฝุ่น PM2.5, ไรฝุ่น และละอองเชื้อราในบ้าน
ช่วยลดอากาศฟุ้งเมื่อทำความสะอาดพื้น
ควรวางใกล้โซนที่เด็กเล่น เช่น พื้นกลางบ้าน ห้องนั่งเล่น หรือมุมของเล่น เพื่อช่วยฟอกอากาศในจุดที่จำเป็นที่สุด
5. หลีกเลี่ยงการใช้พรมที่กักฝุ่น (ถ้าต้องใช้ เลือกแบบซักง่าย)
พรมขนฟู พรมขนยาว และพรมราคาถูกเป็นแหล่งสะสมไรฝุ่น ตัวการสำคัญของภูมิแพ้ในเด็ก
เด็กมักนั่ง–คลานบนพรม ทำให้สูดฝุ่นเข้าไปโดยตรง
ถ้าต้องใช้พรม ควรเลือกแบบ
ใยสั้น (short pile)
เคลือบกันน้ำ
ถอดซักง่าย
ทำความสะอาดในเครื่องซักผ้าได้
หลีกเลี่ยงการวางพรมในบริเวณที่ลูกคลานประจำ เช่น หน้าทีวี หรือห้องนั่งเล่น
6. เปิดหน้าต่างให้อากาศถ่ายเทเพื่อลดสารระเหย (VOCs)
บ้านใหม่หรือพื้นใหม่มักมีสาร VOCs ระเหยในช่วงแรก ๆ
เปิดหน้าต่างให้ลมผ่านวันละ 30–60 นาที ช่วยลดการสะสมของสารเคมีในอากาศ
เปิดพัดลมช่วยเร่งการระบายกลิ่นหรือไอระเหยจากน้ำยาทำความสะอาด
เหมาะอย่างยิ่งสำหรับห้องที่เด็กนอนหรือเล่น เพราะเด็กมีอัตราการหายใจเร็วกว่า ทำให้รับสารที่ฟุ้งกระจายมากกว่า
7. ตรวจเช็กพื้นเป็นประจำ
มองหารอยบวม รอยแง้ม หรือร่องพื้นที่เริ่มกว้างขึ้น เพราะจุดเหล่านี้เป็นพื้นที่สะสมฝุ่น เชื้อรา และความชื้น
รอยต่อแง้มอาจทำให้เด็กสะดุดล้ม หรือของเล่นเข้าไปติด
ถ้าพื้นเป็นไม้หรือ SPC แบบมีโฟมรอง ควรตรวจเช็กความชื้นใต้พื้นทุก 3–6 เดือน
หากพบเชื้อราช่วงต้น ให้รีบทำความสะอาดและแก้ไข เพราะเชื้อราแพร่กระจายเร็วมากในพื้นที่อับ
การเช็กพื้นเป็นประจำทำให้บ้านปลอดภัยต่อทั้งสุขภาพและการเดินของเด็ก
พื้นบ้านอาจดูเหมือนเป็นเรื่องเล็ก แต่ พื้นบ้านสำหรับเด็กเล็ก แล้ว นี่คือพื้นที่ที่พวกเขาใช้สำรวจโลก เรียนรู้ทักษะพื้นฐาน และพัฒนาร่างกายในทุก ๆ วัน การดูแลพื้นให้สะอาด ปราศจากฝุ่น เชื้อรา และสารเคมีระคายเคือง จึงเป็นหนึ่งในวิธีที่ง่ายที่สุดในการลดความเสี่ยงของภูมิแพ้และปัญหาสุขภาพในระยะยาว เมื่อบ้านปลอดภัย พื้นสะอาด และอากาศดี เด็กก็จะมีพื้นที่ที่เขาสามารถเติบโตได้อย่างมั่นใจ และพ่อแม่ก็อุ่นใจมากขึ้นในทุกย่างก้าวของลูก



