เลือกพื้นไม้สำหรับฟิตเนสอย่างไรให้ปลอดภัย ทนแรงกระแทก และใช้งานได้จริง

Table of Contents

                       ห้องฟิตเนสที่ดีไม่ใช่แค่มีอุปกรณ์ครบ แต่ “พื้น” คือสิ่งที่ส่งผลต่อประสบการณ์การออกกำลังกายของผู้ใช้งานมากที่สุด ทั้งความสบาย ความปลอดภัย การซับแรงกระแทก ไปจนถึงบรรยากาศของห้อง การเลือกพื้นลายไม้หรือพื้นไวนิลที่เหมาะกับฟิตเนสจึงเป็นตัวช่วยสำคัญที่ทำให้การออกกำลังกายมีประสิทธิภาพมากขึ้น ลดความเหนื่อยล้า และทำให้ห้องดูเป็นสตูดิโอมืออาชีพแบบที่ใช้งานได้จริงทุกวัน

1.ความยืดหยุ่น (Elasticity) 

พื้นสำหรับฟิตเนส ต้องมีความยืดหยุ่นระดับหนึ่งเพื่อรองรับแรงกระแทกจากท่าวิ่ง กระโดด หรือ Plyometric เพราะหากพื้นแข็งเกินไป แรงสะท้อนจะย้อนกลับเข้าสู่เข่า–ข้อเท้าโดยตรง ทำให้เสี่ยงบาดเจ็บในระยะยาว พื้นลายไม้ที่มีโครงสร้างยืดหยุ่นและมีชั้นรองโฟมจึงช่วยซัพพอร์ตได้ดี

2.การทนแรงกระแทก (Resilience)

โซนดัมเบลและม้านั่งเล่นเวทต้องใช้พื้นชนิดที่ทนต่อแรงกระแทกเฉพาะจุดอย่างมาก พื้นที่ดีควรไม่แตก ไม่ร้าว และไม่หลุดลามเมื่อมีอุปกรณ์หล่นใส่ พื้นไวนิล SPC หรือพื้นลายไม้ที่มี Wear Layer หนา จึงเหมาะกับโซนที่ต้องรองรับของหนักที่สุด

3.กันน้ำ 100%

ฟิตเนสคือพื้นที่ที่มีเหงื่อ น้ำหก และความชื้นสูงกว่าปกติ พื้นต้องกันน้ำเต็ม 100% เพื่อป้องกันการบวม โก่ง หรือเป็นคลื่น โดยเฉพาะบริเวณใกล้ลู่วิ่ง จักรยาน เครื่องกรรเชียง และโซนสควอช/โยคะ

4.กันลื่นระดับ R9–R10

พื้นฟิตเนสต้องมีค่า Slip Resistance ที่เหมาะสม เพราะการออกกำลังกายมีการเคลื่อนไหวเร็ว ทิศทางเปลี่ยนบ่อย การเลือกพื้นระดับ R9–R10 ช่วยลดความเสี่ยงล้มและเพิ่มการยึดเกาะเวลาวิ่งหรือทำ HIIT

5.ทนรอยสูง

รองเท้า Training มีพื้นแข็งและเสียดสีกับพื้นมาก หากพื้นไม่ทนรอยจะเห็นรอยถลอกและรอยดำง่าย คุณสมบัติทนรอยสูงจึงสำคัญมาก โดยเฉพาะพื้นไวนิลที่มี Wear Layer คุณภาพดี 0.3–0.7 มม.

6.ซับเสียง

เสียงกระโดด เสียงดัมเบลกระแทก และเสียงเคลื่อนไหวทำให้รบกวนเพื่อนบ้าน การเลือกพื้นที่มีโครงสร้างซับเสียง หรือมีชั้นโฟม (Acoustic Layer) จะช่วยลดเสียงก้องและเสียงกระแทกได้มาก เหมาะกับบ้านที่ผนังบางหรือคอนโด

7.ปลอดสาร VOC ต่ำ

ฟิตเนสมักเป็นห้องปิด การเลือกพื้นที่เป็น Low VOC/E1 ช่วยลดสารระเหยที่อาจเป็นอันตรายต่อระบบทางเดินหายใจ โดยเฉพาะถ้ามีเด็กเล็ก ผู้สูงอายุ หรือผู้ที่ออกกำลังกายหนักในพื้นที่แคบ

 

*อ่านบทความ วิธีดูแลพื้นไม้ในฟิตเนส ได้ที่นี่

8.ข้อดีของพื้นไม้สำหรับฟิตเนสต่อผู้ใช้งาน

8.1 เดิน–กระโดดสบาย ลดแรงกระแทกต่อข้อเข่า–ข้อเท้า

พื้นไม้มีความยืดหยุ่นมากกว่าปูนหรือกระเบื้อง ช่วยซับแรงจากการวิ่งและกระโดด ทำให้ลดความเมื่อยล้าและอาการบาดเจ็บในระยะยาว

8.2 เพิ่มความปลอดภัยด้วยผิวกันลื่น (Slip Resistance)

ผิวหน้าแบบมี Texture ลดโอกาสลื่นจากเหงื่อ น้ำหก หรือความชื้นที่เกิดจากการออกกำลังกาย

8.3 ลดเสียงดังขณะออกกำลังกาย

โครงสร้างพื้นไม้หรือพื้นไวนิลที่มีชั้นซับเสียงช่วยลดเสียงกระแทกเวลาเคลื่อนไหว 

8.4 มั่นใจเรื่องสุขภาพ

ไม่ระคายเคืองเวลาหายใจลึก ๆ ตอนออกกำลังกาย

                 หากคุณต้องการฟิตเนสที่ “สวย ใช้งานได้จริง และปลอดภัยในทุกการเคลื่อนไหว” การเลือกพื้นไม้สำหรับฟิตเนสคุณภาพดีถือเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าที่สุด โดยเฉพาะพื้นไวนิลระดับพรีเมียมอย่าง Allure Vinyl จาก VK Floor ที่ออกแบบมาเพื่อรองรับแรงกระแทก ซับแรงได้ดี กันน้ำ 100% ทนรอยจากดัมเบล–รองเท้ากีฬา และมีผิวกันลื่นที่ปลอดภัยทุกจังหวะการออกกำลังกาย พร้อมดีไซน์ลายไม้สวยแบบสตูดิโอ ฟิตเนสบ้านของคุณจะดูดีขึ้นทันที ติดตั้งง่าย และใช้งานได้ยาวโดยไม่ต้องกังวลเรื่องพื้นพังเร็ว

Google Map
Line
Line
Google Map