เช็คก่อน ถ้าไม่อยากมีปัญหาในการติดตั้งพื้นไม้
การติดตั้ง พื้นไม้ ให้สวยงามและคงทน ไม่ใช่เพียงแค่การเลือก วัสดุ ที่ดีเท่านั้น แต่ยังขึ้นอยู่กับการเตรียมพื้นเดิมให้ได้มาตรฐาน พื้นที่ไม่ได้ระดับ ไม่เรียบ หรือมีความชื้นสะสม อาจทำให้เกิดปัญหาในอนาคต เช่น พื้นเด้ง แตกร้าว หรือเสื่อมสภาพเร็วกว่าปกติ ดังนั้น การตรวจสอบหน้างาน ปรับพื้นให้เรียบ และเก็บงานให้เรียบร้อยก่อนติดตั้ง เป็นขั้นตอนที่สำคัญเพื่อให้พื้นไม้ใช้งานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ
1. ปัญหาพื้นที่ไม่ได้ระดับ หรือพื้นไม่สม่ำเสมอ

หนึ่งในปัญหาที่พบบ่อยในการติดตั้ง พื้นไม้ หรือ พื้นสำเร็จรูป คือ พื้นผิวเดิมไม่ได้ระดับ หรือมีความไม่สม่ำเสมอ เช่น พื้นเอียง มีหลุม หรือ ร่องลึก ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของ พื้นไม้ และทำให้เกิดปัญหาต่าง ๆ ตามมาในระยะยาว
- ปัญหาจาก พื้นคอนกรีต เดิมที่ไม่เรียบ – หากพื้นคอนกรีตมีรอยแตก รอยแยก หรือมีความสูงต่ำไม่เท่ากัน การปูพื้นใหม่ จะไม่แนบสนิท ทำให้เกิดช่องว่างใต้พื้น ส่งผลให้พื้นไม่มั่นคงเมื่อใช้งาน
- การทรุดตัวของพื้นเดิม – หากพื้นเดิมเกิดการทรุดตัว เช่น พื้นไม้ เก่าที่เสื่อมสภาพ หรือพื้นกระเบื้อง ที่มีช่องว่างใต้แผ่น อาจส่งผลให้พื้นใหม่เกิดการโก่งตัว หรือไม่แนบสนิทกับโครงสร้าง
- ปัญหาจากพื้นเดิมที่มีความชื้นสูง – ความชื้นที่สะสมอยู่ใต้พื้นเดิม อาจทำให้เกิดปัญหาบวม หรือหลุดร่อนของพื้นใหม่ที่ติดตั้งทับ
พื้น SPC (Stone Plastic Composite) เป็นวัสดุที่มีความแข็งและทนทานสูง แต่เนื่องจากมีส่วนผสมของ Calcium Carbonate (CaCO₃) จึงทำให้พื้นมีความเปราะบางมากกว่า พื้นไวนิล ประเภทอื่น ๆ หากพื้นไม่ได้ระดับ อาจเกิดผลกระทบดังนี้
- แตกร้าวหรือหักได้ง่าย – เมื่อพื้น SPC ติดตั้งบนพื้นผิวที่มีรอยแยก หลุม หรือไม่ได้ระดับ จะทำให้แรงกดทับไม่สม่ำเสมอ ส่งผลให้แผ่น SPC แตกร้าวหรือเกิดรอยร้าวบริเวณขอบแผ่นได้
- เสียงดังเมื่อเดินผ่าน – หากมีช่องว่างระหว่างพื้น SPC กับพื้นเดิม อาจเกิดเสียงดังเมื่อเดินผ่าน เพราะแผ่น SPC ไม่ได้แนบสนิทกับพื้น
- ขอบแผ่นเปิด หรือหลุดออกจากกัน – การที่พื้นไม่ได้ระดับอาจทำให้แผ่น SPC เกิดแรงกดดัน ที่ไม่เท่ากัน ทำให้รอยต่อของแผ่นเริ่มเปิดออก หรือเกิดปัญหาการเด้งตัวของแผ่นพื้น
วิธีป้องกัน:
- ควรตรวจสอบ พื้นเดิมให้เรียบเสมอก่อนติดตั้ง
- หากพื้นมีรอยแยก หรือความสูงต่ำไม่เท่ากัน ควรปรับระดับด้วยปูนปรับพื้น (Self-leveling)
- หลีกเลี่ยงการติดตั้ง SPC บนพื้นผิวที่เป็น กระเบื้องเก่า หรือพื้นไม้ที่ไม่มั่นคง
2.ขั้นตอนการตรวจหน้างานก่อนติดตั้งพื้นไม้ VK Floor

เพื่อให้การติดตั้ง พื้นไม้ มีคุณภาพสูงสุด การตรวจสอบหน้างานก่อนติดตั้ง เป็นขั้นตอนสำคัญ ที่ช่วยลดปัญหาพื้นไม่ได้ระดับ ซึ่งอาจส่งผลต่ออายุการใช้งานของ พื้นไม้ VK Floor ขอแนะนำ 3 ขั้นตอนสำคัญ ในการตรวจสอบหน้างาน เพื่อให้แน่ใจว่าพื้นที่ติดตั้งมีความพร้อม
Step 1: วัดพื้นที่หน้างานอย่างแม่นยำ
ใช้ ตลับเมตร หรือ เครื่องวัดเลเซอร์ (Laser Distance Meter) วัดขนาดของพื้นที่หน้างาน เพื่อให้แน่ใจว่าพื้นที่ติดตั้ง มีความกว้าง x ยาวที่ถูกต้อง และไม่มีการคำนวณผิดพลาด ตรวจสอบ ระดับความสูงของพื้นในแต่ละจุด โดยวัดจากหลายตำแหน่ง เพื่อตรวจดูว่ามีจุดที่สูง-ต่ำเกินไปหรือไม่
Step 2: กำจัดปูนส่วนเกิน และทำความสะอาดหน้างาน
- ทำความสะอาดพื้นหน้างาน – กวาดฝุ่น เศษปูน หรือสิ่งสกปรกออกจากพื้น เพื่อลดปัญหาฝุ่นสะสม ที่อาจส่งผลให้พื้นไม่แนบสนิทเมื่อติดตั้ง
- ตรวจสอบคราบน้ำ หรือความชื้น – หากพื้นมีความชื้นสะสม อาจต้องปล่อยให้แห้ง หรือใช้วัสดุป้องกัน ความชื้นก่อนติดตั้ง
- ขูดหรือเจียรปูนส่วนเกิน – หากพื้นที่มีปูนเกินออกมาจากพื้นเดิม ควรใช้เครื่องมือขูดออก เพื่อให้พื้นเรียบเนียนที่สุด
Step 3: ตรวจเช็คความสม่ำเสมอของพื้น
- ใช้ ไม้สามเหลี่ยม หรือ แผ่นไม้ขนาดยาว วางทาบลงบนพื้น เพื่อดูว่ามีจุดไหนที่พื้นไม่ได้ระดับ หรือมีช่องว่างใต้แผ่นไม้หรือไม่
- หากพบจุดที่พื้นต่ำหรือสูงเกินไป ควรใช้ปูนปรับระดับ (Self-Leveling Compound) เพื่อทำให้พื้นเรียบเสมอกัน
- ตรวจสอบอีกครั้งหลังปรับระดับเพื่อให้แน่ใจว่าพื้นพร้อมสำหรับการติดตั้ง
3.วิธีแก้ไขปัญหาพื้นไม่ได้ระดับ

Step 1: แจ้งปัญหาให้ช่างผู้เชี่ยวชาญทราบ
พูดคุยและแจ้งปัญหาให้ทีมช่างทราบ เพื่อประเมินระดับความไม่สม่ำเสมอของพื้น ตรวจสอบว่าปัญหาเกิดจาก พื้นคอนกรีตเดิมที่มีรอยแยก พื้นกระเบื้องที่มีช่องว่าง หรือพื้นไม้เก่าที่ทรุดตัว รับคำแนะนำจากช่างว่า ควรใช้วิธีการปรับระดับพื้นแบบใดให้เหมาะสมที่สุด
Step 2: พิจารณาการปรับระดับพื้นด้วยปูน หรือ Self-Leveling
1. การใช้ปูนปรับระดับแบบปกติ
- เหมาะสำหรับพื้นที่ที่มีระดับต่างกันมาก หรือมีรอยแยกที่ต้องการแก้ไข
- ใช้ปูนซีเมนต์หรือปูนทรายปรับพื้นให้เรียบ จากนั้นปล่อยให้แห้งสนิทก่อนติดตั้งพื้นใหม่
- วิธีนี้เหมาะกับการติดตั้ง พื้น SPC หรือพื้นไวนิล ที่ต้องการพื้นเรียบสนิท
2. การใช้ปูนปรับระดับอัตโนมัติ (Self-Leveling Compound)
- เหมาะสำหรับพื้นผิวที่มีความต่างระดับไม่มาก แต่ต้องการความเรียบเสมอ
- ใช้สำหรับแก้ไข พื้นที่ที่มีรอยคลื่น หรือหลุมตื้น ๆ
- ช่วยให้ พื้นไม้ สามารถติดตั้งได้แนบสนิท และลดปัญหาการเกิดเสียงดังเมื่อเดินผ่าน
Step 3 วิธีเก็บงานและปรับปรุงผิวหน้าพื้น
1.ขัดพื้นและลบปูนส่วนเกิน
- ใช้เครื่องขัดพื้นหรือเกรียงขูดปูน เพื่อลบเศษปูน หรือปูนที่เกินออกจากพื้น
- ตรวจสอบว่าพื้นไม่มีเศษวัสดุหรือสิ่งแปลกปลอมที่จะทำให้พื้นไม่แนบสนิท
2.ตรวจสอบและเติมร่องหรือหลุมที่พื้น
- หากพื้นมีร่องลึก ให้ใช้ ปูนปรับพื้น (Self-Leveling) เทเติมบริเวณที่เป็นหลุมให้เรียบเสมอกัน
- ใช้เกรียงปาดปูนให้เรียบ และปล่อยให้แห้งตามระยะเวลาที่กำหนด
3.ขัดพื้นอีกครั้งให้เรียบเนียน
- เมื่อปูนปรับระดับแห้งแล้ว ให้ขัดพื้นอีกครั้งเพื่อลดความขรุขระ
- ตรวจสอบความเรียบของพื้นด้วย ไม้สามเหลี่ยม หรือแผ่นไม้ยาว วางทาบเพื่อดูว่า พื้นเรียบ เพียงพอหรือไม่
4.ทำความสะอาดก่อนติดตั้งพื้นไม้
- ใช้ไม้กวาดและเครื่องดูดฝุ่นทำความสะอาดเศษฝุ่น เศษปูน และความชื้นที่อาจสะสมอยู่
- หากพื้นมีความชื้นสูง แนะนำให้ทิ้งไว้ให้แห้งสนิท หรือใช้วัสดุป้องกันความชื้นก่อนติดตั้ง
การเตรียมพื้นก่อนติดตั้ง พื้นไม้ เป็นขั้นตอนสำคัญที่ช่วยให้พื้นไม้มีความแข็งแรง สวยงาม และยืดอายุการใช้งาน หากพื้นเดิมไม่ได้ระดับ มีความขรุขระ หรือมีความชื้นสะสม อาจส่งผลให้พื้นไม้เกิดปัญหาในอนาคต เช่น แตกร้าว เด้งตัว หรือเกิดเสียงดังเมื่อเดินผ่าน VK Floor ให้ความสำคัญกับทุกขั้นตอนตั้งแต่การตรวจสอบหน้างาน ปรับพื้นให้เรียบ ไปจนถึงการเก็บงานก่อนติดตั้ง เพื่อให้มั่นใจว่า พื้นไม้ จะสามารถใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพและสวยงามในระยะยาว
Contact :
Social Media Link : https://linktr.ee/VkFloor
Google Map : https://maps.app.goo.gl/9SUJ3URFxuuzTVc19
Call : 081-808-8283, 081-831-9291