ดูแลไม้ยังไงไม่ให้สีซีด เมื่อผ่านการทำสีมาแล้ว ให้ไม้ดูสวยเหมือนใหม่อยู่เสมอ
หลังจากที่คุณลงทุนลงแรงทำสีไม้ให้สวยงาม ไม่ว่าจะเป็นเฟอร์นิเจอร์ หรือของแต่งบ้าน ปัญหาหนึ่งที่หลายคนต้องเจอคือ สีไม้ซีดจางเร็ว ทำให้ความสวยงามลดลง และต้องเสียเวลาซ่อมแซมบ่อย ๆ สาเหตุหลักมาจาก แสงแดด ความชื้น การเสียดสี และการทำความสะอาดที่ไม่เหมาะสม ซึ่งล้วนส่งผลต่ออายุของสีไม้
หากต้องการให้ไม้คงความสวยเหมือนใหม่ การดูแลที่ถูกต้องเป็นสิ่งสำคัญ ไม่ใช่แค่ป้องกันสีซีด แต่ยังช่วยยืดอายุการใช้งานของไม้ให้ยาวนานขึ้น ในบทความนี้ เราจะแชร์ เคล็ดลับดูแลไม้หลังทำสี ดูแลไม้ยังไงไม่ให้สีซีด เพื่อช่วยให้สีไม้ติดทนนาน ไม่ซีดจางง่าย และคงความสวยงามได้นานหลายปี
1. เคลือบไม้ด้วยน้ำยาเคลือบใสเพื่อป้องกันสีซีด

หลังจากทำสีไม้แล้ว การเคลือบไม้ด้วยน้ำยาเคลือบใส (Wood Sealant หรือ Clear Coat) เป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ น้ำยาเหล่านี้ช่วยปกป้องสีไม้จากแสงแดด ความชื้น ฝุ่นละออง และคราบสกปรกที่อาจสะสมบนพื้นผิวไม้ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้สีซีดจางเร็วกว่าปกติ น้ำยาเคลือบไม้มีให้เลือกหลายประเภท เช่น แลคเกอร์ (Lacquer), โพลียูรีเทน (Polyurethane), แว็กซ์ (Wax) หรือ น้ำมันรักษาเนื้อไม้ (Wood Oil) โดยควรเลือกให้เหมาะกับชนิดของไม้และการใช้งาน
วิธีการเคลือบไม้ที่ถูกต้อง คือ
- ทำความสะอาดพื้นผิวไม้ให้เรียบร้อย ก่อนลงน้ำยา เพื่อให้สีเกาะติดดีขึ้น
- ใช้แปรงหรือลูกกลิ้งทาน้ำยาเคลือบ ตามแนวเสี้ยนไม้ เพื่อให้ซึมเข้าสู่เนื้อไม้ได้ดี
- ทิ้งไว้ให้แห้งสนิท ก่อนลงชั้นเคลือบถัดไป ควรทาอย่างน้อย 2-3 ชั้นเพื่อการปกป้องที่ดีขึ้น
- ใช้ผลิตภัณฑ์เคลือบที่มีคุณสมบัติป้องกันรังสียูวี หากเป็นไม้ที่ต้องโดนแดดเป็นประจำ
การเคลือบไม้เป็นประจำ ช่วยยืดอายุสีไม้ ทำให้ไม่ซีดจางง่าย และช่วยให้ไม้ดูใหม่อยู่เสมอ แม้ผ่านการใช้งานไปนานหลายปี
2. หลีกเลี่ยงแสงแดดและความร้อนโดยตรง

แสงแดดและความร้อนเป็นตัวการสำคัญที่ทำให้สีไม้ซีดจางเร็วขึ้น เพราะรังสียูวีสามารถทำให้เม็ดสีในเนื้อไม้เสื่อมสภาพและจางลงได้ ไม้ที่โดนแดดจัดตลอดเวลา เช่น เฟอร์นิเจอร์สนาม พื้นไม้กลางแจ้ง หรือประตูไม้หน้าบ้าน มักจะเห็นได้ชัดว่าสีจะซีดเร็วกว่าปกติ
วิธีการป้องกันไม่ให้ไม้โดนแดดและความร้อนมากเกินไป:
- จัดวางเฟอร์นิเจอร์ในที่ร่ม หรือมุมที่โดนแดดน้อย เพื่อลดโอกาสที่สีจะเสื่อมสภาพจากแสงแดด
- ใช้ม่านหรือฟิล์มกรองแสง หากเป็นเฟอร์นิเจอร์ภายในบ้านที่อยู่ใกล้หน้าต่าง ควรติดม่านหรือฟิล์มกันรังสี UV เพื่อป้องกันแดด
- เคลือบไม้ด้วยน้ำยาป้องกันรังสียูวี (UV Protection Coating) เพื่อช่วยลดการซีดจางจากแสงแดดโดยตรง
- ใช้ผ้าคลุมหรือย้ายเฟอร์นิเจอร์เป็นระยะ หากเป็นไม้กลางแจ้ง การใช้ผ้าคลุมหรือย้ายตำแหน่งเพื่อให้ได้รับแสงแดดอย่างสมดุล สามารถช่วยยืดอายุสีไม้ได้
เฟอร์นิเจอร์ไม้ที่ได้รับการปกป้องจากแสงแดดและความร้อนอย่างเหมาะสม จะช่วย รักษาสีไม้ให้สวยงาม และลดปัญหาสีลอกหรือซีดจางก่อนเวลา
3. ทำความสะอาดด้วยน้ำยาที่เหมาะสม หลีกเลี่ยงสารเคมีรุนแรง

การทำความสะอาดไม้ที่ถูกต้องเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ช่วยให้ สีไม้ติดทนนาน และไม่ซีดเร็ว หลายคนอาจใช้สารเคมีรุนแรง เช่น น้ำยาล้างจาน น้ำยาทำความสะอาดที่มีสารกัดกร่อน หรือแอลกอฮอล์ ซึ่งอาจทำลายชั้นสีและน้ำยาเคลือบไม้ได้
วิธีการทำความสะอาดไม้ที่ถูกต้อง:
- ใช้ผ้าสะอาดชุบน้ำหมาด ๆ เช็ดทำความสะอาดเป็นประจำ เพื่อลดฝุ่นละอองและสิ่งสกปรกที่อาจทำให้สีหมอง
- ใช้น้ำยาทำความสะอาดไม้โดยเฉพาะ เช่น น้ำสบู่อ่อน ๆ หรือน้ำมันมะกอกผสมกับน้ำอุ่น แล้วใช้ผ้าไมโครไฟเบอร์เช็ด
- หลีกเลี่ยงการใช้สารเคมีรุนแรง เช่น แอมโมเนีย หรือสารฟอกขาว เพราะจะทำให้ชั้นสีถูกทำลายและซีดเร็ว
- ใช้แว็กซ์หรือสเปรย์บำรุงไม้เป็นระยะ เพื่อช่วยรักษาความชุ่มชื้นและทำให้พื้นผิวไม้ดูเงางาม
การเลือกน้ำยาทำความสะอาดที่เหมาะสม จะช่วยให้ ไม้ดูใหม่ สีไม่ซีด และมีอายุการใช้งานที่ยาวนานขึ้น
4. ขัดเงาและเติมสีเป็นระยะ เพื่อรักษาสีให้สดใส

แม้ว่าไม้จะได้รับการทำสีมาอย่างดี แต่เมื่อเวลาผ่านไป อาจมีรอยขีดข่วน สีหมอง หรือซีดจางเล็กน้อย การ ขัดเงาและเติมสีเป็นระยะ จะช่วยฟื้นฟูสีไม้ให้กลับมาสดใสเหมือนใหม่
วิธีการขัดเงาและเติมสีไม้:
- ใช้กระดาษทรายเบอร์ละเอียด (400-600) ขัดเบา ๆ บริเวณที่มีรอยขีดข่วน หรือสีเริ่มซีด
- ใช้สีย้อมไม้ (Wood Stain) หรือสีทาไม้ทาซ้ำ บริเวณที่เริ่มจาง แล้วปล่อยให้แห้งสนิท
- ลงน้ำยาเคลือบอีกครั้งหลังเติมสี เพื่อให้พื้นผิวดูเงางามและช่วยป้องกันการซีดในอนาคต
- ทำปีละครั้งหรือตามความเหมาะสม เพื่อคงความสวยของสีไม้ให้สดใหม่ตลอดเวลา
การขัดเงาและเติมสีเป็นระยะ ช่วยให้ไม้ดูใหม่อยู่เสมอ และป้องกันไม่ให้ซีดจนต้องซ่อมแซมใหญ่ในภายหลัง
5. ป้องกันรอยขีดข่วนและคราบฝังลึก ที่ทำให้สีไม้ดูเก่า

รอยขีดข่วนและคราบสกปรกเป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้ไม้ดูเก่าและสีซีดเร็วกว่าปกติ วิธีการป้องกันคือ
- ใช้แผ่นรองหรือผ้าคลุมเฟอร์นิเจอร์ เพื่อลดการเสียดสีและป้องกันรอยขีดข่วน
- หลีกเลี่ยงการลากของหนักบนพื้นไม้ เพราะอาจทำให้สีถลอกได้
- เช็ดคราบสกปรกทันที โดยเฉพาะน้ำหรือของเหลวที่อาจทำให้ไม้พองตัวและสีหลุดร่อน
การดูแลอย่างถูกต้อง ช่วยให้ไม้ดูดี สีไม่ซีด และใช้งานได้นานขึ้น
เทคนิคการเลือกไม้และการทำสีที่ช่วยให้ติดทนนาน
การทำสีไม้ให้ติดทนนาน ไม่ซีดง่าย ไม่ได้ขึ้นอยู่แค่ขั้นตอนการลงสี แต่ยังรวมถึงการ เลือกประเภทไม้ที่เหมาะสม เทคนิคการทำสีที่ถูกต้อง และการเคลือบป้องกันอย่างเหมาะสม หากเลือกไม้ผิดประเภทหรือทำสีผิดวิธี สีอาจซีดจางหรือหลุดลอกเร็วกว่าปกติ นี่คือแนวทางสำคัญที่ช่วยให้สีไม้คงทนนานที่สุด
1. เลือกไม้แบบไหนให้สีติดทน ไม่ซีดง่าย?
การเลือกไม้มีผลโดยตรงต่อการยึดเกาะของสีและความทนทาน โดยทั่วไป ไม้สามารถแบ่งออกเป็น ไม้เนื้อแข็ง และ ไม้เนื้ออ่อน ซึ่งมีคุณสมบัติที่แตกต่างกัน และบางชนิดเหมาะกับการทำสีมากกว่า
ไม้ที่สีติดทนและไม่ซีดง่าย:
- ไม้เนื้อแข็ง เช่น ไม้โอ๊ก ไม้สัก ไม้แอช มีความหนาแน่นสูง สีติดดี และทนต่อการซีดจากแสงแดด
- ไม้ MDF หรือ HMR มีพื้นผิวเรียบ ทำให้สีเกาะตัวได้ดีและเรียบเนียนกว่าการทาสีไม้เนื้ออ่อน
- ไม้พาเลท หรือไม้รีไซเคิล ควรขัดพื้นผิวให้เรียบก่อนทาสี เพื่อลดปัญหาสีหลุดร่อน
ไม้ที่สีติดยากและซีดง่ายกว่า:
ไม้เนื้ออ่อน เช่น ไม้สน ไม้ยางพารา ดูดซับสีไม่ดี และอาจต้องทาซ้ำหลายรอบ
- ไม้ที่มีน้ำมันในเนื้อไม้สูง เช่น ไม้สัก อาจต้องใช้ไพรเมอร์พิเศษก่อนทาสี เพื่อป้องกันสีลอกร่อน
เทคนิคเลือกไม้ให้สีติดทน:
- เลือกไม้ที่มีพื้นผิวเรียบและแห้งสนิท ไม่ควรใช้ไม้ที่มีความชื้นสูง เพราะจะทำให้สีไม่ติดดีและหลุดลอกง่าย
- หากใช้ไม้เนื้ออ่อน ควรลงไพรเมอร์รองพื้นก่อน เพื่อช่วยให้สีติดแน่นขึ้น
- ใช้ไม้ที่ผ่านกระบวนการอบแห้ง ช่วยลดปัญหาการยืดหดของไม้ ที่อาจทำให้สีแตกร้าว
2.วิธีป้องกันปัญหาสีหลุดร่อนตั้งแต่ขั้นตอนการทำสี
แม้ว่าจะเลือกไม้ดีและใช้สีที่เหมาะสม แต่หากขั้นตอนการทำสีผิดพลาด อาจทำให้สีหลุดร่อนเร็วขึ้น นี่คือปัญหาหลักที่มักพบ และวิธีป้องกัน
ปัญหาที่ทำให้สีหลุดร่อน:
- ลงสีบนไม้ที่ยังมีความชื้น ทำให้สีไม่ติดดีและหลุดเป็นแผ่น
- ไม่ใช้ไพรเมอร์รองพื้น สีอาจไม่เกาะติดและลอกง่าย
- ทาสีหนาเกินไปในรอบเดียว ทำให้แห้งไม่สนิท และเกิดการแตกร้าว
- ไม่รอให้สีแห้งสนิทก่อนลงชั้นถัดไป สีอาจลอกออกมาง่าย
- ไม่เคลือบไม้หลังทาสี ทำให้สีเสื่อมสภาพเร็วขึ้น
วิธีป้องกันสีหลุดร่อนตั้งแต่แรก:
- ตรวจสอบความชื้นของไม้ก่อนลงสี – ควรเลือกไม้ที่แห้งสนิท หากไม้มีความชื้นสูง ควรปล่อยให้แห้งก่อน
- ลงไพรเมอร์รองพื้นก่อนทาสีจริง – จะช่วยเพิ่มการยึดเกาะของสี ลดโอกาสหลุดร่อน
- ทาสีบาง ๆ หลายชั้น และรอให้แห้งระหว่างชั้น – ไม่ควรรีบทาหนา ๆ ในรอบเดียว
- ใช้สีคุณภาพสูงและเหมาะกับประเภทของไม้ – สีราคาถูกหรือสีที่ไม่เหมาะสมอาจลอกได้ง่าย
- ลงน้ำยาเคลือบปิดผิวหลังทาสีเสร็จ – ช่วยเพิ่มความทนทานและป้องกันการเสื่อมสภาพจากแดดและความชื้น
ป้องกันสีไม้ซีดด้วยไม้คุณภาพดี ตั้งแต่ขั้นตอนการเลือกไม้จาก “วิวัฒน์ชัยค้าไม้”
หากต้องการให้สีไม้ติดแน่น ไม่ซีดจาง และคงทนยาวนาน การเลือกไม้คุณภาพดีตั้งแต่แรกเป็นสิ่งสำคัญ เพราะไม้ที่มีเนื้อแน่น ผ่านกระบวนการอบแห้ง และมีพื้นผิวที่เหมาะกับการทำสี จะช่วยให้สีซึมเข้าสู่เนื้อไม้ได้ดี ยึดเกาะแน่น และไม่หลุดลอกง่าย ไม้ที่มีความชื้นสูงหรือเนื้อไม้ที่หยาบ อาจทำให้สีไม่ติดดีพอ เกิดปัญหาสีลอกร่อนหรือซีดไวขึ้นเมื่อโดนแดดและความชื้น
“วิวัฒน์ชัยค้าไม้” จำหน่ายไม้คุณภาพสูงที่ผ่านการคัดสรรอย่างดี ไม่ว่าจะเป็น ไม้โครง, ไม้อัด, MDF, HMR และไม้จริง ที่เหมาะสำหรับการทำสีทุกประเภท ไม้ของเราผ่านกระบวนการอบแห้ง ช่วยลดการยืดหดตัว และมีพื้นผิวเรียบเนียน ทำให้สีติดง่ายและติดทนนาน ไม่ซีดเร็ว นอกจากนี้ยังมีไม้เกรดพรีเมียมที่เหมาะกับงานเฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งบ้าน
เลือกใช้ไม้จาก “วิวัฒน์ชัยค้าไม้” เพื่อให้งานสีของคุณออกมาสวยงาม ติดทนนาน และคุ้มค่ากับการลงทุน
Contact :
Social Media Link : https://linktr.ee/VkFloor
Google Map : https://maps.app.goo.gl/9SUJ3URFxuuzTVc19
Call : 081-808-8283, 081-831-9291