
Engineered Wood
Imondi
พื้นไม้เอ็นจิเนียร์ (Engineered Wood Flooring) Imondi โดดเด่นด้วย ผิวหน้าไม้ไวท์โอ๊ควีเนียร์จริงหนาถึง 3 มม ซึ่งสามารถทนรอยขีดขวนได้มากกว่าไม้โอ๊คปกติ มากไปกว่านั้นยังใช้ไม้อัดสลับชั้นถึง 7 ชั้น ช่วยลดอัตราการขยายและ หดตัวของพื้นไม้ได้อีกด้วย ปัจจุบันมีสาขากระจายอยู่ 6 ประเทศทั่วโลก
โครงสร้าง พื้นไม้เอ็นจิเนียร์ Imondi
Sustainable Wood
พื้นไม้เอ็นจิเนียร์ของเราผลิตจากไม้ป่าปลูก 100% เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ไม่ทำลายที่อยู่ของสัตว์ป่า
White Oak Veneer 3mm
ผิวหน้า ไม้ไวท์โอ๊คจริงหนา 3 มม ทนรอยขีดขวนได้มากกว่าไม้โอ๊คปกติ
Resandable 2-3 times
สามารถขัดผิว ทำสีใหม่ได้ 2–3 ครั้ง ยืดอายุการใช้งานยาวนาน

British Business Award
ได้รับการยอมรับจากวงการธุรกิจในสหราชอาณาจักรสำหรับความสำเร็จในด้านการพัฒนาและนวัตกรรมในอุตสาหกรรม

America’s Archaizer A+Award
ได้รับการยกย่องในด้านการออกแบบที่เป็นเลิศและการใช้วัสดุที่ยั่งยืนจากผลงาน การพัฒนาผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง
SOLD OUT พื้นไม้คอมพาวด์ Boen Oak Warm Cotton 111
SOLD OUT พื้นไม้คอมพาวด์ Boen Oak Smoked Marcato 110
SOLD OUT พื้นไม้คอมพาวด์ Boen Oak Sand 109
SOLD OUT พื้นไม้คอมพาวด์ Boen Oak Pearl 108
SOLD OUT พื้นไม้คอมพาวด์ Boen Oak Grey Harmony 107
SOLD OUT พื้นไม้คอมพาวด์ Boen Oak Arizona 106
SOLD OUT พื้นไม้คอมพาวด์ Boen Oak Andante White LN 105
SOLD OUT พื้นไม้คอมพาวด์ Boen Oak Smoked 104
SOLD OUT พื้นไม้คอมพาวด์ Boen Oak Andante White LP 103
SOLD OUT พื้นไม้คอมพาวด์ Boen Oak Andante 102
SOLD OUT พื้นไม้คอมพาวด์ Boen Oak Toscana 101
Imondi
Engineered Wood
Showcase
ด้วยประสบการณ์งานไม้มากกว่า 50 ปี
Vk Floor ได้ส่งมอบผลงาน ไปมากกว่า 10,000 ยูนิต
Imondi เป็นพื้นไม้เอ็นจิเนียร์ ที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม ผลิตจากไม้ป่าปลูกที่ได้รับการรับรอง FSC และผ่านมาตรฐานความปลอดภัยระดับโลก เช่น LEED, CARB 2, E1, และ JAS F4 ปลอดภัยต่อสุขภาพ ไม่ปล่อยสารระเหยที่เป็นอันตราย เหมาะกับบ้านที่ใส่ใจทั้งคุณภาพชีวิตและสิ่งแวดล้อม

1. พื้นไม้เอ็นจิเนียร์ (Engineered Wood Floor) คืออะไร
พื้นไม้เอ็นจิเนียร์คือพื้นไม้แท้ที่มีโครงสร้างหลายชั้น โดยชั้นบนสุดเป็นไม้จริง (ไม้ Veneer) เช่น Oak, Walnut หรือ Teak ติดบนแกนกลางไม้ประกอบที่มีความเสถียรสูง เช่น Plywood หรือ HDF จึงให้ความรู้สึกเหมือนไม้จริงทุกประการ แต่ทนต่อการหดขยาย และเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิได้ดีกว่าพื้นไม้แท้
2. จุดเด่นของ พื้นไม้เอ็นจิเนียร์ คืออะไร ดีกว่าพื้นไม้จริงอย่างไร
พื้นไม้เอ็นจิเนียร์ให้ผิวสัมผัสเหมือนพื้นไม้จริง แต่มีความเสถียรสูงกว่า ติดตั้งง่าย ใช้งานในคอนโดหรือบ้านที่มีระบบแอร์ได้โดยไม่เกิดการโก่งหรือบิดงอ นอกจากนี้ยังสามารถติดตั้งแบบลอยตัวหรือระบบ Click Lock ได้ ไม่จำเป็นต้องตอกตะปูเหมือนพื้นไม้จริง อีกทั้งราคายังคุ้มค่ากว่า เหมาะกับผู้ที่ต้องการความสวยของไม้แท้ในรูปแบบที่ดูแลง่ายกว่า
3. วิธีการดูแลพื้นไม้เอ็นจิเนียร์
ทำความสะอาดง่าย ใช้เพียงไม้กวาดหรือเครื่องดูดฝุ่น และไม้ถูพื้นแบบหมาด หลีกเลี่ยงน้ำขังและสารเคมีรุนแรง ไม่ควรใช้แปรงแข็งถูผิวหน้า และควรติดแผ่นรองใต้เฟอร์นิเจอร์ เพื่อป้องกันรอยขีดข่วน พื้นไม้เอ็นจิเนียร์ไม่ควรใช้ในพื้นที่เปียก เช่น ห้องน้ำ หรือภายนอกอาคาร
4. พื้นไม้เอ็นจิเนียร์ขัดทำสีใหม่ได้ไหม
พื้นไม้เอ็นจิเนียร์สามารถขัดและทำสีใหม่ได้ เฉพาะรุ่นที่มีความหนาของชั้นไม้จริง (Veneer) ตั้งแต่ 2 มม. ขึ้นไป โดยทั่วไปจะขัดได้ประมาณ 1–3 ครั้ง ขึ้นอยู่กับความหนาและลักษณะผิวเดิม หากเป็นพื้นไม้เอ็นจิเนียร์แบบสำเร็จรูป (Prefinished) จะต้องขัดลอกชั้นเคลือบผิวเดิมออกก่อนทำสีใหม่
สำหรับแบรนด์ระดับพรีเมียม เช่น Imondi มักใช้ไม้จริงหนา 3 มม. ขึ้นไป จึงสามารถขัดและรีเฟรชสีได้จริง ช่วยยืดอายุการใช้งานและเปลี่ยนสไตล์ของบ้านได้ตามต้องการ
5. ไม้ที่นิยมนำมาปิดผิวพื้นไม้เอ็นจิเนียร์ มีอะไรบ้าง
พื้นไม้เอ็นจิเนียร์มีชั้นบนสุดเป็นไม้แท้ (Veneer) ซึ่งเลือกใช้ไม้คุณภาพสูงที่ให้ความงามตามธรรมชาติ โดยไม้ที่ได้รับความนิยมมีดังนี้:
White Oak (โอ๊คขาว) – สีอ่อน ลายไม้ชัด แข็งแรง นิยมในบ้านสไตล์สแกนดิเนเวียนหรือมินิมอล
Walnut (วอลนัท) – โทนเข้ม หรูหรา ลายไม้สวยเป็นธรรมชาติ เหมาะกับงานดีไซน์ระดับพรีเมียม
Teak (ไม้สัก) – กันปลวกดีเยี่ยม สีทองน้ำผึ้งคลาสสิก เหมาะกับบ้านเขตร้อน
Ash (แอช) – สีอ่อน โทนอบอุ่น ลายชัดเจน ดูร่วมสมัย
Maple (เมเปิ้ล) – ผิวเนียน ลายละเอียด สีอ่อน นิยมในตลาดอเมริกา
Hickory (ฮิคคอรี) – แข็งแรง ทนทาน ลายเด่นชัด ให้ลุค Rustic
ไม้แต่ละชนิดมีบุคลิกและโทนสีเฉพาะตัว การเลือกไม้ปิดผิวจึงควรคำนึงถึงทั้งความสวยงาม ความทนทาน และความเหมาะสมกับไลฟ์สไตล์ของคุณ
6. จุดเด่นของ พื้นไม้เอ็นจิเนียร์ Imondi
Imondi ใช้ไม้ White Oak และ Walnut Veneer คุณภาพสูง ผ่านการรับรองมาตรฐานด้านสิ่งแวดล้อม เช่น FSC®, CARB2, JAS F4 และ LEED พื้นผิวสามารถขัดใหม่ได้ 2–3 ครั้ง รองรับการใช้งานระยะยาว พร้อมดีไซน์หลากหลาย ทั้งแบบลายตรงและ Herringbone เหมาะกับบ้านที่ต้องการสไตล์หรูหราและรักษ์โลกในเวลาเดียวกัน