Home » Wood Flooring » Engineered Wood Flooring » พื้นไม้เอ็นจิเนียร์ (Engineered Wood) รู้จักให้ลึกตั้งแต่ชั้นโครงสร้าง คุณสมบัติ จนถึงอายุการใช้งาน ไขทุกข้อสงสัยเรื่องพื้นไม้เอ็นจิเนียร์
พื้นไม้เอ็นจิเนียร์ (Engineered Wood) คือ วัสดุปูพื้นที่ผสานเสน่ห์ของไม้จริงเข้ากับเทคโนโลยีการผลิตที่ทันสมัย ให้ทั้งความสวยงามแบบธรรมชาติและความทนทานต่อการใช้งานประจำวัน ด้วยโครงสร้างหลายชั้นที่ออกแบบมาเพื่อลดการบิดงอและรับมือกับความชื้นได้ดี บทความนี้จะพาคุณไปรู้จักพื้นไม้เอ็นจิเนียร์ ให้ลึก ตั้งแต่ชั้นโครงสร้าง วัสดุที่ใช้ปิดผิว คุณสมบัติเด่น ไปจนถึงอายุการใช้งาน พร้อมไขทุกข้อสงสัยที่เจ้าของบ้านและนักออกแบบควรรู้ก่อนตัดสินใจเลือกใช้
1.คุณสมบัติของพื้นไม้เอ็นจิเนียร์ (Engineered Wood)

1.1 ลวดลายไม้เฉพาะตัว
เพราะใช้ไม้จริงทุกแผ่น ลวดลายและโทนสีจึงไม่ซ้ำกัน ให้ความเป็นธรรมชาติและมีชีวิตชีวา การคัดเกรดไม้ เช่น Prime หรือ Rustic ช่วยให้เลือกสไตล์ได้ตามต้องการ และเทคนิคตกแต่งผิว
1.2 ขัดผิวหน้าและทำสีใหม่ได้
รุ่นที่มีชั้นผิวหน้า (Veneer) หนา 2–4 มม. สามารถขัดและทำสีใหม่ได้หลายครั้ง ทำให้ยืดอายุการใช้งานและเปลี่ยนโทนสีพื้นให้เข้ากับการตกแต่งใหม่ในอนาคตได้ง่าย เหมือนได้พื้นใหม่โดยไม่ต้องรื้อเปลี่ยนทั้งแผ่น
1.3 แข็งแรง ทนทาน โก่งตัวน้อย
โครงสร้างไม้สลับเสี้ยนหลายชั้นช่วยเพิ่มความเสถียร ป้องกันการบิดงอหรือโก่งตัวเมื่อเจอความชื้นและอุณหภูมิเปลี่ยนแปลง อีกทั้งยังรองรับแรงกดและแรงกระแทกได้ดี เหมาะกับทั้งบ้านที่อยู่อาศัยและพื้นที่ใช้งานหนัก
2.โครงสร้างของ พื้นไม้เอ็นจิเนียร์ (Engineered Wood)

จากภาพ โครงสร้างพื้นไม้เอ็นจิเนียร์ (Engineered Wood Floor) ของแบรนด์ Imondi ที่แสดงอยู่สามารถอธิบายเพิ่มเติมได้ดังนี้
2.1 Matt Lacquer
- เป็นชั้นเคลือบผิวด้านบนของไม้ โดยใช้สารเคลือบแบบด้าน (Matt Lacquer)
- หน้าที่คือป้องกันรอยขีดข่วน รอยคราบน้ำ และการซีดจางจากแสง UV
- ให้ผิวสัมผัสเป็นธรรมชาติ ไม่เงาจนเกินไป เหมาะกับสไตล์การตกแต่งที่ต้องการความอบอุ่นและดูหรูแบบธรรมชาติ
2.2 White Oak Veneer (3 mm)
- ชั้นผิวหน้าทำจากไม้โอ๊คขาวแท้ (White Oak) ซึ่งมีความแข็งแรงสูง เสี้ยนไม้สวยชัดเจน
- ความหนา 3 มม. ช่วยให้สามารถขัดผิวและรีเฟรชพื้นได้หลายครั้งเมื่อใช้งานไปนาน ๆ
- คุณสมบัติเด่นคือทนต่อแรงกดและการสึกหรอ เหมาะกับพื้นที่ที่มีการใช้งานบ่อย เช่น ห้องนั่งเล่นหรือโถงทางเดิน
2.3 Multi-Layer Plywood (11 mm)
- แกนกลางทำจากไม้อัดสลับชั้น (Multi-Layer Plywood) โดยแต่ละชั้นวางสลับเสี้ยนกันเพื่อเพิ่มความแข็งแรง
- การสลับชั้นแบบนี้ช่วยลดการขยายตัวและการหดตัวของไม้จากความชื้นและอุณหภูมิ
- ทำให้พื้นไม้คงรูป ไม่บิดงอแม้ติดตั้งในสภาพอากาศเปลี่ยนแปลง
2.4 Total Thickness 14 mm
- ความหนารวมทั้งหมดของพื้นคือ 14 มม. ซึ่งถือว่าอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานของพื้นไม้เอ็นจิเนียร์คุณภาพสูง
- ให้ความรู้สึกมั่นคงเวลาเดิน ลดเสียงก้อง และช่วยเพิ่มอายุการใช้งาน
3.ข้อดีของ พื้นไม้เอ็นจิเนียร์ (Engineered Wood)

3.1 พื้นไม้รักษ์โลก
พื้นไม้เอ็นจิเนียร์ใช้ “ไม้จริง” เฉพาะชั้นบน (วีเนียร์) ส่วนแกนกลางเป็นไม้อัดสลับเสี้ยน จึงใช้เนื้อไม้คุณภาพสูงน้อยกว่าไม้แผ่นตันมาก แต่ยังคงลุคและสัมผัสของไม้แท้ ช่วยลดการตัดไม้ทั้งต้นและเพิ่มประสิทธิภาพการใช้ทรัพยากร วัสดุหลายแบรนด์รองรับมาตรฐานความปลอดภัยอากาศภายในบ้าน (E1/E0, CARB) และสามารถเลือกแหล่งไม้ปลูกถูกกฎหมาย/FSC ได้ อายุใช้งานยาว ซ่อม/ขัด/เคลือบใหม่ได้ (ขึ้นกับความหนาวีเนียร์) ทำให้ “ยืดวงจรชีวิตสินค้า” และลดของเสียจากการต้องรื้อเปลี่ยนทั้งพื้นในอนาคต
3.2 สร้างบรรยากาศลักชูรี่
ไม้จริงให้โทนสีและลายเสี้ยนที่มีเอกลักษณ์ในแต่ละแผ่น จึงสร้างบรรยากาศพรีเมียมแบบที่วัสดุเลียนแบบทำได้ยาก เลือกชนิดไม้และการคัดเกรดได้ เช่น White Oak แบบ Prime โทนเนียนหรู หรือ Walnut โทนเข้มอบอุ่น รวมถึงเลือกฟินิช (แมตต์/UV/น้ำมัน) และเท็กซ์เจอร์ (Brushed, Hand‑scraped) เพื่อคุมภาพรวมให้รองรับงานออกแบบตั้งแต่โมเดิร์น มินิมอล ไปจนคลาสสิก นอกจากนี้ แผ่นขนาดใหญ่/หน้ากว้างช่วยให้พื้นที่ดูโล่ง โปร่ง และ “แพง” ขึ้นโดยไม่ต้องลงทุนตกแต่งอื่นมาก
3.3 ผิวสัมผัสไม้จริงทุกย่างก้าว
ชั้นบนเป็นไม้แท้ 100% จึงสัมผัสได้ถึงความอุ่น นุ่มเท้า และเนื้อไม้จริงเมื่อเดินผ่าน ต่างจากพื้นสังเคราะห์ที่ฟีลลิ่งมักเรียบแข็งและเย็นกว่า เทคนิคผิวอย่าง wire‑brushed จะดึงลายเสี้ยนให้รู้สึกเป็นธรรมชาติและช่วยพรางรอยขีดข่วนเล็ก ๆ โครงสร้างเอ็นจิเนียร์ยังช่วยซับแรงและเสียง จึงเดินสบาย ไม่สะท้อนเสียงก้องจนรบกวนการใช้งานในชีวิตประจำวัน โดยเฉพาะเมื่อใช้รองพื้นที่เหมาะสม
3.4 ราคาคุ้มค่ากว่าไม้จริง
เมื่อเทียบ “ลุคและฟีล” ที่ใกล้เคียงไม้แผ่นตัน พื้นเอ็นจิเนียร์ราคาคุ้มค่า มีต้นทุนวัสดุและค่าติดตั้งที่มักต่ำกว่า ติดตั้งได้เร็วด้วยระบบคลิกล็อก (ลดค่าแรง/เวลาหน้างาน) หรือกาวเต็มแผ่นในพื้นที่เชิงพาณิชย์เพื่อความแน่นเงียบ การดูแลรักษาไม่ยุ่งยาก ทำความสะอาดแบบแห้งเป็นหลัก ป้องกันทราย/ความชื้นเฉพาะจุด และเมื่อต้องการรีเฟรชพื้นก็ขัด‑ทำสีใหม่ได้ตามความหนาวีเนียร์ ทำให้ “ต้นทุนตลอดอายุการใช้งาน” คุ้มกว่า โดยยังได้ภาพลักษณ์ระดับสูงเหมือนไม้แท้
4.ข้อควรระวังของ พื้นไม้เอ็นจิเนียร์ (Engineered Wood)

เพื่อยืดอายุการใช้งาน ควรหลีกเลี่ยงความชื้นสะสมและรีบเช็ดน้ำที่หกทันที ทำความสะอาดด้วยผ้าหมาดและน้ำยาสำหรับพื้นไม้ หลีกเลี่ยงเครื่องฉีดไอน้ำและน้ำยาที่มีสารกัดกร่อน ป้องกันรอยขีดข่วนด้วยแผ่นกันรอยใต้ขาเฟอร์นิเจอร์และยกเฟอร์นิเจอร์เมื่อต้องเคลื่อนย้าย จัดการคราบทันทีไม่ให้ซึมฝัง และตรวจเช็คพร้อมบำรุงรักษาพื้นอย่างสม่ำเสมอทุก 3–6 เดือน
5.คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ พื้นไม้เอ็นจิเนียร์ (Engineered Wood)
5.1 จำนวนชั้นของ พื้นไม้เอ็นจิเนียร์ ส่งผลต่อการใช้งานหรือไม่?
จำนวนชั้นของพื้นไม้เอ็นจิเนียร์ ส่งผลต่อการใช้งานโดยตรง เพราะชั้นของมันไม่ได้มีแค่เรื่องความสวยงาม แต่ยังเกี่ยวข้องกับความแข็งแรง ความทนทาน และอายุการใช้งาน โดยชั้นของพื้นไม้เอ็นจิเนียร์จะมีอยู่ 3-14 ชั้น ขึ้นอยู่กับแบรนด์แต่ละแบรนด์ หลัก ๆ ผลกระทบจะมีดังนี้
- ความเสถียรและต้านการบิดงอ (Stability)
- ยิ่งมีหลายชั้น (เช่น 5–7 ชั้น) การจัดเรียงไม้สลับทิศทางจะช่วยลดการหด/ขยายตัวจากความชื้นและอุณหภูมิ
- เหมาะกับพื้นที่ที่มีความชื้นและอุณหภูมิเปลี่ยนแปลงบ่อย
- ความทนทานต่อแรงกดและแรงกระแทก
- ชั้นมากขึ้นช่วยกระจายแรงได้ดีขึ้น พื้นจึงรับน้ำหนักเฟอร์นิเจอร์หรือการเดินเหยียบได้โดยไม่บุบง่าย
- ราคาและความคุ้มค่า
- ชั้นมากขึ้น = ใช้วัสดุมากขึ้น = ราคาสูงขึ้น แต่ก็มักได้อายุการใช้งานยาวกว่าและเสถียรกว่า
5.2 นิยมใช้ไม้อะไรบ้างปิดผิววีเนียร์ ?
1) ไวท์โอ๊ค (White Oak) : วีเนียร์ยอดนิยมสุดเพราะลายเสี้ยนตรงสวย มี “medullary rays” เด่นมากเมื่อทำ quarter‑sawn ให้ลุคหรูแบบยุโรป สีพื้นฐานครีม‑น้ำตาลอ่อน ย้อมได้กว้างตั้งแต่โทนอ่อนแบบ Nordic จนถึงน้ำตาลเข้มคลาสสิก ความแข็งราว Janka ~1360 lbf ทนรอยขีดข่วนดี เหมาะทั้งบ้านอยู่อาศัยและงานโปรเจกต์
2) ไม้สัก (Teak) : โทนทอง‑น้ำตาลพร้อมน้ำมันธรรมชาติในเนื้อไม้ ทำให้ทนชื้นและทนปลวกแบบโดดเด่น เหมาะพื้นที่เสี่ยงความชื้น เช่น คอนโดชั้นล่างหรือโซนใกล้ครัว (แต่ยังไม่แนะนำให้โดนน้ำขัง) ความเสถียรดีเมื่อเป็นเอ็นจิเนียร์ ดูแลง่ายเพราะคราบซึมน้อยและไม่บิดงอง่าย สีโดยธรรมชาติหรูหรา ไม่จำเป็นต้องย้อมมาก ราคาค่อนข้างพรีเมียม ควรเลือกแหล่งไม้ปลูกถูกกฎหมายเพื่อความยั่งยืน
3) วอลนัท (Walnut) : ลุคเข้มพรีเมียม โทนช็อกโกแลตมีไส้สีม่วง‑เทาบ้าง ให้บรรยากาศอบอุ่นหรูหรา เหมาะงานดีไซน์โมเดิร์น/ลักซ์ชัวรี ความแข็ง Janka ~1010 lbf จึงนุ่มกว่าโอ๊คเล็กน้อย เดินสบายเท้าแต่ควรป้องกันขาเฟอร์นิเจอร์เพื่อลดรอยบุบ วอลนัทมีแนวโน้ม “เฟด” สว่างขึ้นจากแสง UV จึงควรใช้โค้ทที่มีตัวกรองแสงหรือเลือกโทนเข้มเผื่อการเปลี่ยนแปลง ด้านจะโชว์ลายเสี้ยนสวยมาก และด้วยความเข้มของไม้ มักกลบคราบเล็ก ๆ ได้ดี เหมาะพื้นที่รับแขก ห้องนอน หรือโฮมออฟฟิศ
4) แอช (Ash) : สีอ่อน โปร่ง สว่าง ลายเสี้ยนชัดให้คาแรกเตอร์แบบสแกนดิเนเวียน ความแข็ง Janka ~1320 lbf รับแรงกระแทกได้ดีและยืดหยุ่น เหมาะบ้านมีเด็ก/สัตว์เลี้ยง ต้องการโทนสว่างที่ไม่จืด แอชรับสีได้ดีมาก ถ้าต้องการ “look ไม้โอ๊คสีอ่อน” ในงบคุ้มค่าก็ทำได้ แต่แอชอาจออกโทนเหลืองเมื่อเจอแสงยาวนาน ควรคุมแสงในพื้นที่ติดหน้าต่าง เหมาะห้องนั่งเล่นสไตล์มินิมอล สตูดิโอหรือคาเฟ่ที่ต้องการความสว่าง
5) เรดโอ๊ค (Red Oak) : ลายเปิดชัดเจน เสี้ยนเด่น ให้เท็กซ์เชอร์ชัดแบบอเมริกันคลาสสิก โทนพื้นมีชมพู‑แดงเล็กน้อย ทำให้ดูอบอุ่นและ “เข้าถึงง่าย” ความแข็ง Janka ~1290 lbf ทนทานดี ย้อมสีรับได้หลากหลายตั้งแต่อ่อนถึงเข้ม แต่เนื่องจากโครงสร้างเซลล์เปิดมากกว่าไวท์โอ๊ค จึงกันชื้นตามธรรมชาติได้ต่ำกว่าเล็กน้อย (ในรูปแบบเอ็นจิเนียร์ยังเสถียรอยู่แต่ไม่ควรโดนน้ำขัง) เหมาะโครงการที่ต้องการงบคุ้มค่า ลุคอบอุ่น และงานสไตล์อเมริกัน
อ่านบทความ สีพื้นไม้เอ็นจิเนียร์ยอดนิยม ได้ที่นี่
5.3 พื้นไม้เอ็นจิเนียร์เหมาะกับสภาพแวดล้อมที่ชื้นหรือไม่?
เหมาะกว่าไม้จริงอย่างชัดเจน เพราะแกนไม้แบบสลับเสี้ยนหลายชั้น (cross‑ply/multi‑layer) ทำให้การหด‑ขยายตัวจากความชื้นกระจายไปหลายทิศ ไม่บิดงอง่าย จึงรับสภาพความชื้นสัมพัทธ์ได้ราว 30–70% RH (ช่วงที่ผู้ผลิตส่วนใหญ่แนะนำมักอยู่ราว 40–60% RH เพื่ออายุงานสูงสุด) “ทนชื้น” ไม่ได้แปลว่า “กันน้ำ” ควรหลีกเลี่ยงน้ำขัง/การถูพื้นแบบแฉะ และคุมความชื้นพื้นก่อนติดตั้งเสมอ พื้นที่เสี่ยงละอองน้ำอย่างครัวหรือโถงทางเข้าใช้งานได้แต่ควรมีพรมกันน้ำ ส่วนห้องน้ำหรือซักรีดยังไม่แนะนำเพราะมีโอกาสน้ำขังและไอน้ำสูง
5.4 พื้นไม้เอ็นจิเนียร์ สามารถขัดผิวและทำสีใหม่ได้หรือไม่?
ได้ ขึ้นอยู่กับ “ความหนาชั้นวีเนียร์ (wear layer)”
- ถ้าชั้นวีเนียร์บางน้อยกว่า 2 มม. จะเหมาะกับการขัดผิวเบา ๆ แล้วเคลือบหรือทาสีใหม่มากกว่า ไม่ควรขัดลึก เพราะอาจขัดทะลุถึงแกนกลาง
- ถ้าวีเนียร์หนาประมาณ 2–3 มม. จะสามารถขัดลึกได้ประมาณ 1 ครั้ง
- ถ้าวีเนียร์หนาประมาณ 3–4 มม. ขัดลึกได้ 1–2 ครั้ง
- ถ้าหนามากกว่า 4 มม. ก็จะขัดได้หลายรอบใกล้เคียงพื้นไม้จริง
5.5 พื้นไม้เอ็นจิเนียร์มีอายุการใช้งานนานเท่าไร?
โดยทั่วไป 25–30 ปี เป็นตัวเลขที่พบได้บ่อยในบ้านพักอาศัย และอาจยืดได้มากกว่านั้นเมื่อเลือกวีเนียร์หนา (3–4 มม. ขึ้นไป), ใช้รองพื้นที่เหมาะสม คุมอุณหภูมิ‑ความชื้นเสถียร ทำความสะอาดแบบแห้งเป็นหลัก และติดแผ่นรองขาเฟอร์นิเจอร์/พรมทางเข้า ปัจจัยที่ทำให้อายุสั้นลงได้คือฝุ่น, น้ำขัง, แสงแดดตรงโดยไร้ม่านกัน UV, เก้าอี้ล้อแข็ง “อายุจริง” ของเอ็นจิเนียร์จึงขึ้นกับสเปกและการดูแล มากกว่าชนิดวัสดุเพียงอย่างเดียว
5.6 ความหนาของชั้นวีเนียร์ในพื้นไม้เอ็นจิเนียร์สำคัญอย่างไร และควรเลือกแบบไหนให้เหมาะกับบ้านคุณ?
- 0.6–2 มม.: เป็นชั้นบาง ราคาย่อมเยา แต่ขัดหรือทำสีใหม่ได้จำกัด เหมาะกับงานตกแต่งที่ไม่ต้องซ่อมบ่อย
- 2–3 มม.: ขนาดมาตรฐาน ให้สมดุลระหว่างราคาและความทนทาน สามารถขัดฟื้นผิวได้ 1–2 ครั้ง
- 4 มม.ขึ้นไป: หนามาก ทนทานสูง เหมาะกับพื้นที่สัญจรเยอะและผู้ที่ต้องการใช้งานยาวนาน ขัดซ่อมได้หลายรอบ
พื้นไม้เอ็นจิเนียร์เป็นตัวเลือกที่ตอบโจทย์ทั้งความสวยงาม ความแข็งแรง และความคุ้มค่า ด้วยโครงสร้างหลายชั้นที่ช่วยลดการบิดงอและยืดอายุการใช้งาน อีกทั้งยังให้สัมผัสไม้จริงที่เป็นเอกลักษณ์ การเลือกสเปกที่เหมาะสมทั้งชนิดไม้ปิดผิว ความหนาชั้นวีเนียร์ และระบบติดตั้ง จะทำให้คุณได้พื้นไม้ที่ทั้งสวยและทน ใช้งานได้ยาวนานหลายสิบปี
เปลี่ยนทุกพื้นที่ให้สวยงามและคุ้มค่าด้วย VK Floor พื้นไม้คุณภาพสูงที่ผสานความงามจากไม้จริงกับเทคโนโลยีการผลิตมาตรฐานสากล ไม่ว่าจะเป็น สินค้าพื้นไม้เอ็นจิเนียร์, สินค้าพื้นไวนิล SPC, สินค้าพื้นลามิเนต หรือพื้นไม้สำหรับงานโครงการ เราคัดสรรวัสดุที่ทนทาน ปลอดสารพิษ (มาตรฐาน E1/E0, CARB) และรองรับการใช้งานทั้งในบ้านพักอาศัยและพื้นที่เชิงพาณิชย์
ด้วยประสบการณ์กว่า 50 ปีในวงการไม้และวัสดุปูพื้น VK Floor พร้อมให้คำปรึกษาโดยผู้เชี่ยวชาญ ช่วยเลือกวัสดุและดีไซน์ที่ตรงกับสไตล์และงบประมาณของคุณ พร้อมบริการจัดส่งทั่วประเทศ