พื้นไม้ลามิเนต
พื้นลามิเนต Kronoswiss Collection
พื้นลามิเนต Kronoswiss มีให้เลือกทั้งหมด 5 รุ่น โดยแต่ละรุ่นมาพร้อมผิวสัมผัส (Texture) ที่แตกต่างกัน ช่วยให้คุณเลือกพื้นไม้ที่ตรงกับสไตล์และความรู้สึกที่เป็นตัวเองได้อย่างลงตัว
Nobleless
Swiss Sync Chrome
Swiss Solid
Swiss
Solid Chrome
Grand Selection Oak
Nobleless
ขนาด : 8 x 193 x 1380 มม
10 x 159 x 1380 มม
ตร.ม./กล่อง : 2.15 | 1.536 ตร.ม.
ลาย : ลายตรง
Swiss Sync Chrome
ขนาด : 8 x 193 x 1380 มม
ตร.ม./กล่อง : 2.15 ตร.ม.
ลาย : ลายตรง
Swiss Solid Chrome
ขนาด : 12 x 193 x 1380 มม
ตร.ม./กล่อง : 1.33 ตร.ม.
ลาย : ลายตรง
Swiss Solid
ขนาด : 12 x 193 x 1380 มม
ตร.ม./กล่อง : 1.33 ตร.ม.
ลาย : ลายตรง
Grand Selection Oak
ขนาด : 12 x 193 x 1380 มม
ตร.ม./กล่อง : 1.33 ตร.ม.
ลาย : ลายตรง
Sustainable Wood
พื้นลามิเนตของเราผลิตจากไม้ป่าปลูก 100% เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ไม่ทำลายที่อยู่ของสัตว์ป่า
Swiss Made
ผลิตและใช้ไม้จากสวิตเซอร์แลนด์ 100%
มั่นใจได้ในมาตรฐานคุณภาพระดับสูง
Click Lock System
ติดตั้งแบบคลิกล็อก ไม่ต้องใช้กาว ติดตั้งง่าย และ
ลดการปล่อยสาร VOC
Water & Termite
เสริมความทนทาน ด้วยแกนกลาง HDF คุณภาพสูง ช่วยป้องกันความชื้นและปลวก
ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
Scratch : Aluminium Oxide
ทนรอยขีดขวน ระดับAC5 ด้วยเทคโนโลยี
Aluminium Oxide สามารถใช้ทั้ง
บ้านที่เลี้ยงสัตว์และพื้นที่เชิงพาณิชย์
EIR Texture Tech
เทคโนโลยี EIR Texture จากประเทศสวิตเซอร์แลนด์
ให้ผิวสัมผัสเสมือนไม้จริง
หรูหราและสมจริงในทุกรายละเอียด
โครงสร้าง พื้นลามิเนต
โครงสร้าง
พื้นไม้ลามิเนต
100% Swiss Made
Water & Termite
Resistence
Click lock
Installation
Sustainable Wood
Premium Wood Texture
E1/Low VOC
For Health
พื้นลามิเนต Kronoswiss รุ่น Nobleless
-
พื้นลามิเนต Kronoswiss SWISS-Plank Elite 2218 WG
฿2,325.00 -
พื้นลามิเนต Kronoswiss Nobleless 8 mm. (8614)
฿3,591.82 -
พื้นลามิเนต Kronoswiss Nobleless 8 mm.(8014-N)
฿3,591.82 -
พื้นลามิเนต Kronoswiss Nobleless (8013)
฿3,591.82 -
พื้นลามิเนต Kronoswiss Nobleless (4202-N)
฿3,591.82 -
พื้นลามิเนต Kronoswiss Nobleless 8 mm. (3035)
฿3,591.82 -
พื้นลามิเนต Kronoswiss Nobleless 8 mm. (2887)
฿3,591.82 -
พื้นลามิเนต Kronoswiss Nobleless 8 mm. (2834)
฿3,591.82 -
พื้นลามิเนต Kronoswiss Nobleless 8 mm. (2539)
฿3,591.82 -
พื้นลามิเนต Kronoswiss Nobleless 8 mm. (2413)
฿3,591.82 -
พื้นลามิเนต Kronoswiss Nobleless 8 mm. (2253)
฿3,591.82 -
พื้นลามิเนต Kronoswiss Nobleless 8 mm. (2249)
฿3,591.82 -
พื้นลามิเนต Kronoswiss Nobleless 8 mm. (1497)
฿3,591.82 -
พื้นลามิเนต Kronoswiss Nobleless 8 mm. (1416)
฿3,591.82 -
พื้นลามิเนต Kronoswiss Nobleless 8 mm. (1365)
฿3,591.82 -
พื้นลามิเนต Kronoswiss Nobleless 8 mm. (1321)
฿3,591.82
Kronoswiss Laminate Floor Showcase
ประสบการณ์งานไม้มากกว่า 50 ปี
ส่งมอบผลงาน ไปมากกว่า 10,000 ยูนิต
Kronoswiss พื้นลามิเนตเกรดพรีเมี่ยม ยกระดับพื้นไม้ลามิเนตแบบเดิมๆทั้ง
– ผลิตจากประเทศสวิตเซอร์แลนด์ 100%
– เคลือบผิวหน้าด้วย Aluminium Oxide และ Melamine Resin ทำให้ป้องกันรอยขีดขวนระดับ AC5 ใช้เชิงพาณิชย์ได้
– ชั้นให้ลวดลายไม้ ผลิตจาก เทคโนโลยี EIR ทำให้สวยเป็นธรรมชาติเหมือนไม้จริง
– มาตราฐาน สุขภาพและสิ่งแวดล้อมระดับสูงสุดเพื่อให้มั่นใจว่าปลอดภัยต่อ ผู้อยู่อาศัย และ สิ่งแวดล้อมอย่างแท้จริง
– ใช้ไม้ป่าปลูก FSC / Swiss Wood / Green Guard Gold
– มาตราฐานสุขภาพ E1 / Floor Score
– ทนความชื้น ทนปลวก* เพราะแกนกลางเป็น HDF ไม้เนื้อแข็ง
พื้นลามิเนต Kronoswiss รุ่น Swiss Sync Chrome
-
พื้นลามิเนต Kronoswiss Swiss Sync Chrome (3033-SC)
฿2,650.00 -
พื้นลามิเนต Kronoswiss Swiss Sync Chrome (3032)
฿2,650.00 -
SOLD OUT พื้นลามิเนต Kronoswiss Swiss Sync Chrome (2025)
฿2,650.00
พื้นลามิเนต Kronoswiss รุ่น Swiss Solid Chrome
-
SALE พื้นลามิเนต Swiss-Solid Chrome D4202 – Davos Oak
฿1,750.00Original price was: ฿1,750.00.฿1,570.00Current price is: ฿1,570.00. -
SALE พื้นลามิเนต Swiss-Solid Chrome D3033 CP 1.2 – Zermatt Oak
฿1,750.00Original price was: ฿1,750.00.฿1,570.00Current price is: ฿1,570.00. -
SALE พื้นลามิเนต Swiss-Solid Chrome D3032 CP 1.2 – Verbier Oak
฿1,750.00Original price was: ฿1,750.00.฿1,570.00Current price is: ฿1,570.00.
พื้นลามิเนต Kronoswiss รุ่น Swiss Solid
-
พื้นลามิเนต Kronoswiss Swiss Solid (8014-S)
฿2,324.82 -
พื้นลามิเนต Kronoswiss Swiss Solid (4202-S)
฿2,324.82 -
พื้นลามิเนต Kronoswiss Swiss Solid (3030)
฿2,324.82
พื้นลามิเนต Kronoswiss รุ่น Grand Selection Oak
-
พื้นลามิเนต Kronoswiss Grand Selection Oak (4197)
฿3,130.20 -
SOLD OUT พื้นลามิเนต Kronoswiss Grand Selection Oak (4193)
฿3,130.20 -
พื้นลามิเนต Kronoswiss Grand Selection Oak (4192)
฿3,130.20 -
พื้นลามิเนต Kronoswiss Grand Selection Oak (4196)
฿3,130.20
1. พื้นลามิเนตคืออะไร?
พื้นลามิเนตคือ วัสดุปูพื้นที่ออกแบบมาให้ดูเหมือนไม้ธรรมชาติมากที่สุด แต่ตอบโจทย์การใช้งานจริงในชีวิตประจำวันได้ดีกว่าไม้แท้ทั่วไป ด้วยการผสมผสานองค์ประกอบหลายอย่างให้เกิดเป็นแผ่นวัสดุที่มีความคงทน ติดตั้งง่าย และดูแลรักษาง่าย — กล่าวคือ พื้นลามิเนตไม่ได้เป็นไม้ “ทั้งชิ้น” แต่เป็นวัสดุสังเคราะห์ที่ใช้ไม้หรือไฟเบอร์บอร์ดเป็นแกนกลาง และมีชั้นเคลือบและลวดลายที่ถูกออกแบบมาให้เลียนแบบเนื้อไม้ ความได้เปรียบหลักของพื้นลามิเนตคือ ความสามารถในการรองรับการใช้งานในระดับปานกลางถึงหนัก และให้สัมผัสที่อบอุ่น ไม่แข็งเย็นเหมือนกระเบื้อง ในขณะที่ราคาย่อมเยากว่าไม้จริงหลายเท่า
ในแง่ของการใช้งานจริง พื้นลามิเนตสามารถ “ลอยตัว (floating)” บนพื้นชั้นล่างได้โดยไม่ต้องยึดติดกับพื้นคอนกรีตหรือพื้นเดิม ทำให้ลดปัญหาการแตกร้าวเมื่อมีการขยายตัวตามอุณหภูมิ (ในขอบเขตที่เหมาะสม) และยังสามารถรื้อซ่อมเฉพาะจุดได้ง่ายกว่าวัสดุปูพื้นหลายประเภท (เช่น กระเบื้องเซรามิก) อีกทั้งไอเดียเรื่อง “มาตรฐานการรับรอง (certification)” เช่น มาตรฐานเรื่องสารระเหยต่ำ (Low VOC), มาตรฐานสุขภาพอากาศภายในอาคาร (เช่น Greenguard, FloorScore) หรือมาตรฐานไม้ปลูกยั่งยืน (เช่น FSC
2.โครงสร้าง พื้นไม้ลามิเนต
เมื่อคนทั่วไปพูดถึง “พื้นลามิเนต” มักนึกถึงเพียงแผ่นไม้เลียนแบบที่ดูคล้ายไม้จริง แต่เบื้องหลังนั้น พื้นลามิเนตก็มีโครงสร้างภายในที่ซับซ้อนพอควรเพื่อให้ใช้งานได้จริง ทนทาน และมีเสถียรภาพในการใช้งานในชีวิตประจำวัน ในรุ่นมาตรฐาน พื้นลามิเนตมักประกอบด้วย 4 ชั้นหลัก ประกอบด้วย ชั้นเคลือบผิวเพื่อป้องกันรอย ชั้นลวดลายไม้ ชั้นแกนกลาง (HDF) และชั้นฐานเพื่อรักษาเสถียรภาพและป้องกันความชื้น (Backing / Balancing Layer)
2.1 High Resistance Overlay – ชั้นเคลือบผิวกันรอยคุณภาพสูง
เป็นชั้นผิวหน้าสุดของพื้นลามิเนต ผลิตจาก Melamine Resin ชนิดพิเศษ ที่ผสมผง Aluminum Oxide ซึ่งมีคุณสมบัติป้องกันรอยขีดข่วน คราบสกปรก และความร้อนจากแสงแดด รวมถึงแรงกดทับจากเฟอร์นิเจอร์ ทำให้พื้นมีอายุการใช้งานยาวนาน และคงความเงางามได้แม้ใช้มาหลายปี
2.2 Decorative Film – ชั้นลวดลายไม้สมจริง
ใช้เทคโนโลยีการพิมพ์ลาย EIR (Electron Impulse Registered) จากประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ซึ่งทำให้ลายไม้และลายเสี้ยนตรงกันกับผิวสัมผัส (Emboss in Register) จึงให้ความรู้สึกเหมือนไม้จริงทั้งในมุมมองและการสัมผัส ไม่ว่าจะเป็นลาย Oak, Walnut หรือ Teak พื้นผิวแต่ละรุ่นจะมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว เหมาะกับงานออกแบบตั้งแต่ Modern ไปจนถึง Classic Luxury
2.3 High Density Fiber Board (HDF Green Board E1)
คือหัวใจของพื้นลามิเนต ชั้นนี้ทำจากเส้นใยไม้บดละเอียดอัดด้วยแรงดันสูง ทำให้แผ่นมีความหนาแน่นมากกว่า 850–900 กก./ลบ.ม. หรือราว 2 เท่าของไม้ธรรมดา จึงไม่บิดงอง่ายและรับน้ำหนักได้ดี นอกจากนี้ HDF ที่ผ่านมาตรฐาน E1 ยังปลอดฟอร์มัลดีไฮด์ ช่วยให้คุณมั่นใจว่าปลอดภัยต่อสุขภาพของคนในบ้าน โดยเฉพาะเด็ก ผู้สูงอายุ และสัตว์เลี้ยง
2.4 Stable Balance Layer – ชั้นรองกันชื้นและรักษาสมดุล
เป็นแผ่นฟิล์มที่ช่วยป้องกันความชื้นจากพื้นล่าง ลดการโก่งงอของแผ่น และช่วยดูดซับแรงกระแทกจากการเดินหรือวางเฟอร์นิเจอร์ ทำให้พื้นมีความนิ่ง แน่น และเสียงเดินเบา ในขณะเดียวกันยังช่วยเพิ่มความมั่นคงให้แผ่นลามิเนตคงรูป ไม่โก่งหรือแอ่นเมื่อใช้งานในระยะยาว
3. คุณสมบัติเด่นของพื้นลามิเนต
พื้นลามิเนตเป็นวัสดุปูพื้นที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย เพราะรวมเอาคุณสมบัติ “สวย + ใช้งานได้จริง” เข้าด้วยกัน นี่คือคุณสมบัติเด่นที่มักถูกหยิบมาใช้เป็นจุดขาย:
3.1 ทนทานต่อรอยขีดข่วนและการสึกหรอ
พื้นลามิเนตมักมีชั้นเคลือบที่แข็งแรง (Wear Layer) ซึ่งสามารถต้านทานการขูดขีด รอยรองเท้า ขีดเขียนของเด็ก หรือแรงกดจากเฟอร์นิเจอร์ไว้ได้ดี ช่วยให้พื้นยังคงดูสวยแม้ใช้งานมานาน
3.2 ติดตั้งง่าย / ระบบคลิกล็อก
ระบบ Click-Lock หรือ Tongue-and-Groove ช่วยให้ติดตั้งได้เร็ว โดยไม่จำเป็นต้องใช้กาวหรือตอกยึด ช่วยลดงานติดตั้งและข้อผิดพลาดจากการติดตั้งแบบเดิม
3.3 บำรุงรักษาง่าย
ไม่ต้องขัดหรือเคลือบพื้นบ่อย ๆ แค่กวาดและถูพื้นด้วยผ้าหมาด (หลีกเลี่ยงน้ำขัง) ก็เพียงพอ ทำให้ประหยัดเวลาและค่าใช้จ่ายในการดูแลรักษา
3.4 หลากหลายดีไซน์และพื้นผิวสัมผัส
พื้นลามิเนตสามารถจำลองลายไม้ ลายหิน หรือลวดลายตกแต่งอื่น ๆ ได้หลากหลาย
3.4 ต้านทานแสง UV / สีซีดจาง
ชั้นเคลือบบนสุดมักมีคุณสมบัติป้องกันรังสี UV ช่วยลดการซีดจางของสีเมื่อถูกแสงแดด ไม่ให้สีพื้นจางเร็ว
3.5 เสถียรทางมิติ / หด-ขยายตัวน้อย
เมื่อเทียบกับไม้จริง พื้นลามิเนตจะหดหรือขยายตัวตามอุณหภูมิน้อยกว่า จึงลดโอกาสเกิดรอยต่อหลวม บิดงอ หรือพองในสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงบ่อย
4. พื้นลามิเนต Kronoswiss ดีกว่าพื้นลามิเนตทั่วไปอย่างไร?
พื้นลามิเนต Kronoswiss คือการยกระดับมาตรฐานของพื้นไม้ลามิเนตแบบเดิม ๆ ทั้งในด้านวัสดุ เทคโนโลยี และมาตรฐานความปลอดภัย จนกลายเป็นแบรนด์ลามิเนตระดับพรีเมียมที่ได้รับความไว้วางใจจากโครงการบ้านและคอนโดหรูทั่วโลก
4.1 ผลิตจากประเทศสวิตเซอร์แลนด์ 100%
ทุกขั้นตอนการผลิต ตั้งแต่การเลือกวัตถุดิบจนถึงการอัดแผ่นและเคลือบผิว ถูกควบคุมโดยโรงงานในประเทศสวิตเซอร์แลนด์ มั่นใจได้ถึงคุณภาพระดับโลกที่มีความเที่ยงตรง แม่นยำ และได้มาตรฐานสากล
4.2 เคลือบผิวหน้าด้วย Aluminium Oxide และ Melamine Resin
ชั้นผิวหน้าของพื้น Kronoswiss เคลือบด้วย Aluminium Oxide ผสม Melamine Resin ซึ่งมีความทนทานต่อรอยขีดข่วน ความร้อน และแรงกดในระดับสูงสุด (AC5) เหมาะกับทั้งการใช้งานในบ้านและเชิงพาณิชย์ เช่น โชว์รูม คาเฟ่ หรือสำนักงานที่มีการสัญจรมาก
4.3 ลวดลายไม้สมจริงด้วยเทคโนโลยี EIR (Embossed in Register)
พื้นลามิเนตทั่วไปมักจะมีเพียงภาพพิมพ์ลายไม้บนพื้นผิว แต่ Kronoswiss ใช้เทคโนโลยี EIR Texture ที่ทำให้ “ลายไม้” และ “ลายสัมผัส” ตรงกันทุกจุด ให้ความรู้สึกเหมือนไม้จริงทั้งภาพและสัมผัส เหมาะกับผู้ที่ต้องการความหรูหราและธรรมชาติในเวลาเดียวกัน
4.4 แกนกลาง HDF เนื้อแน่นพิเศษ – ทนความชื้นและปลวก
แกนกลางของพื้น Kronoswiss ใช้ไม้เนื้อแข็งบดละเอียดอัดแรงดันสูง (High Density Fiberboard – HDF) ความหนาแน่นเฉลี่ยมากกว่า 850–900 กก./ลบ.ม. จึงทนต่อแรงกด รับน้ำหนักได้ดี และลดโอกาสการบิดงอจากความชื้น ทั้งยังมีการเคลือบสารป้องกันปลวกและเชื้อราเพิ่มเติม
4.5 มาตรฐานสุขภาพและสิ่งแวดล้อมระดับสูงสุด
พื้นลามิเนต Kronoswiss ผ่านการรับรองมาตรฐานสากลที่สำคัญ เช่น
FSC® (Forest Stewardship Council) ใช้ไม้ป่าปลูกจากแหล่งยั่งยืน
Green Guard Gold® และ FloorScore® รับรองคุณภาพอากาศภายในอาคาร
E1 Standard (European Emission Standard) ควบคุมค่าการปล่อยสารฟอร์มัลดีไฮด์ให้อยู่ในระดับปลอดภัย
พื้นจึงปลอดภัยต่อสุขภาพของผู้ใช้งานทุกเพศวัย โดยเฉพาะเด็ก ผู้สูงอายุ และสัตว์เลี้ยง
4.6 ความสวยงามเหนือระดับและการออกแบบที่หลากหลาย
Kronoswiss มีดีไซน์ลายไม้มากกว่า 40 แบบ ครอบคลุมตั้งแต่ลุคธรรมชาติ (Natural Oak) ไปจนถึงสไตล์โมเดิร์นเข้ม (Dark Walnut) ทุกแบบให้สัมผัสที่หรูหราและลงตัวกับงานตกแต่งทุกประเภท
4.7 รับรองคุณภาพระดับโครงการ Luxury
ด้วยความแข็งแรงระดับ AC5 และเทคโนโลยีป้องกันความชื้น ทำให้พื้น Kronoswiss ถูกเลือกใช้ในโครงการระดับ Luxury ทั้งในยุโรปและเอเชีย รวมถึงโรงแรมและรีสอร์ตที่ต้องการภาพลักษณ์ระดับพรีเมียมและอายุการใช้งานยาวนาน
5. พื้นลามิเนต เหมาะกับพื้นที่ใช้งานแบบไหน?
พื้นลามิเนตเป็นวัสดุปูพื้นที่ให้ความสมดุลระหว่างความสวยงามและการใช้งานจริง จึงเหมาะกับหลายพื้นที่ภายในบ้าน แต่อย่างไรก็ดี ไม่ได้เหมาะกับทุกพื้นที่ในบ้าน ดังนั้นมาดูวีธีเลือกและขอบเขตการใช้งานที่แนะนำครับ:
5.1 พื้นที่ ที่สามารถใช้ได้
- ห้องนั่งเล่น / ห้องรับแขก / โถงทางเดิน
เป็นพื้นที่ที่ผู้คนใช้เดินผ่านบ่อย พื้นลามิเนตสามารถรับแรงสัญจรได้ดี (โดยเฉพาะแผ่นที่มีเกรด AC4-AC5) ทำให้ทนทานต่อการใช้งานในชีวิตประจำวัน - ห้องนอน / ห้องทำงาน / ห้องพักผ่อน
พื้นลามิเนตให้ความรู้สึกอบอุ่นใกล้เคียงไม้จริง ช่วยสร้างบรรยากาศนุ่มนวล เงียบสงบ เหมาะกับการพักผ่อนหรือทำงาน - ห้องทานอาหาร / ครัวแบบเปิด (Open Kitchen)
หากเลือกรุ่นที่มีคุณสมบัติกันน้ำบางส่วน และติดตั้งอย่างถูกวิธี (มีชั้นกันซึม / ซีลขอบ) พื้นลามิเนตก็สามารถใช้ในพื้นที่ที่มีโอกาสโดนน้ำหกได้ เช่น ครัวหรือโซนทานอาหารแบบเปิด (แต่ควรเลี่ยงพื้นที่ที่โดนน้ำมาก เช่นอ่างล้างจานหรือตรงที่มีน้ำขังนาน) - โครงการ / ออฟฟิศ / พื้นที่พาณิชย์เบาบาง
ใช้ลามิเนตเกรดสูง (AC4–AC5) สามารถรับแรงสัญจรสูงได้ จึงถูกเลือกใช้ในโครงการบ้านพักอาศัย, ร้านกาแฟ, โชว์รูม, ห้องประชุม ฯลฯ ได้
5.2 พื้นที่ที่ควรระวังหรือหลีกเลี่ยง
ห้องน้ำ / บริเวณที่มีความชื้นสูงจัด
พื้นลามิเนตโดยทั่วไปไม่ทนต่อน้ำขังเป็นเวลานาน หากโดนน้ำมากอาจเกิดการพอง บวม หรือแยกชั้นได้ห้องซักล้าง / พื้นที่เปียกชื้น
เลี่ยงติดตั้งพื้นลามิเนตในพื้นที่ที่มีโอกาสโดนน้ำบ่อย เช่น บริเวณเครื่องซักผ้า หากอยากใช้ให้เลือกรุ่นที่ออกแบบพิเศษสำหรับการทนน้ำ พร้อมระบบซีลขอบบริเวณภายนอกร่มหรือใต้ฝ้าเปิด
ไม่ควรติดตั้งพื้นลามิเนตภายนอกบ้านโดยตรง เพราะจะถูกแสงแดด ฝน และความชื้นทำลายได้
*หมายเหตุ : สามารถดูบทความไอเดียและพื้นที่การใช้งานของพื้นลามิเนตเพิ่มเติมได้ที่นี่
6. ทำไมคนที่รักโลก และคุณที่รักสุขภาพ ต้องใช้พื้นลามิเนต Kronoswiss?
พื้นลามิเนต Kronoswiss ไม่ใช่แค่เรื่องดีไซน์และความทนทาน แต่มาพร้อมกับแนวคิด “เพื่อโลก & เพื่อสุขภาพ” ที่ช่วยให้คุณอยู่ในบ้านที่สวยงามและปลอดภัยในเวลาเดียวกัน:
Kronoswiss ได้รับ ใบรับรอง FloorScore® ซึ่งยืนยันว่าผลิตภัณฑ์มีการปล่อยสารระเหยน้อยมาก เหมาะสำหรับอากาศภายในบ้าน และช่วยลดปัญหาคุณภาพอากาศภายในอาคาร
มี GreenGuard Gold Certification ซึ่งเป็นการรับรองระดับสูงว่าสาร VOC และฟอร์มัลดีไฮด์ที่หลุดออกมานั้นอยู่ในระดับต่ำที่สุด — ทำให้พื้นลามิเนต Kronoswiss เป็นตัวเลือก “สุขภาพดี” สำหรับบ้านที่มีเด็ก ผู้สูงอายุ หรือผู้มีอาการแพ้
ใช้ ไม้จากแหล่งที่ยั่งยืน (sustainable core) และกระบวนการผลิตที่เพิ่มประสิทธิภาพ ลดของเสีย ใช้ทรัพยากรให้คุ้มค่า พร้อมการใช้หมึกพิมพ์แบบ low-VOC / water-based — ลดการปล่อยสารระเหยตั้งแต่ต้นทางจนถึงการใช้งานจริง kingoffloors.com+1
ความทนทานสูงของพื้น Kronoswiss — เช่น ความแข็งแรง ความสามารถต้านทานรอยขีดข่วน และความเสถียรเมื่อเผชิญกับความชื้น — ช่วยให้พื้นไม่ต้องถูกเปลี่ยนใหม่บ่อย ๆ ส่งผลให้ลดขยะและลดการใช้ทรัพยากรซ้ำอีกครั้ง
การดูแลรักษาง่าย โดยไม่จำเป็นต้องใช้สารเคมีรุนแรงหรือเคลือบใหม่เป็นประจำ — เพียงกวาดและถูพื้นแบบหมาด ก็เพียงพอ — ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อสุขภาพของผู้อยู่อาศัย
7. วิธีดูแลทำความสะอาดพื้นลามิเนต อย่างถูกวิธี
การดูแลพื้นลามิเนตให้สวยงามและใช้งานได้ยาวนาน ไม่ใช่เรื่องยุ่งยากหากทำอย่างถูกวิธี โดยสิ่งสำคัญที่สุดคือ การหลีกเลี่ยงน้ำขังและคราบที่กัดกร่อน เป็นหลัก เมื่อเกิดคราบหรือของเหลวหยดลงบนพื้น ควรรีบซับออกทันทีด้วยผ้าไมโครไฟเบอร์หมาด ๆ เพื่อป้องกันการซึมผ่านรอยต่อไปยังแกนกลางที่อาจทำให้บวมได้ อีกทั้งควรถูพื้นด้วยผ้าหมาด — หลีกเลี่ยงการใช้ผ้าชุบน้ำหมาดจนน้ำหยด เพราะความชื้นส่วนเกินอาจทำลายชั้นป้องกันของพื้นลามิเนตได้ นอกจากนี้ การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดเป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม ให้เลือกน้ำยาที่ออกแบบสำหรับพื้นลามิเนตโดยเฉพาะ หลีกเลี่ยงสารเคมีรุนแรง เช่น สารฟอกขาว, แอมโมเนีย, หรือน้ำยาขัดเงาแรง ๆ เพราะอาจกัดผิวเคลือบและทำให้พื้นซีดจางได้
นอกจากการใช้งานประจำแล้ว การป้องกันรอยขีดข่วนก็สำคัญ — ควรติดแผ่นรองใต้ขาเฟอร์นิเจอร์ ใช้พรมทางเข้าเพื่อลดการเข้า-ออกของฝุ่นและทราย และหลีกเลี่ยงการลากเฟอร์นิเจอร์หนักบนพื้นโดยตรง หากจำเป็นควรยกหรือใช้แผ่นรองช่วยเคลื่อนย้าย รองเท้าที่สวมในบ้านก็ควรเป็นพื้นอ่อนหรือไม่มีขอบแข็งแหลม เพื่อไม่ให้เกิดรอยข่วน จากประสบการณ์จริงและคู่มือดูแลพื้นลามิเนตจากผู้ผลิตชั้นนำ เช่น Swiss Krono ก็แนะนำวิธีเหล่านี้ในเอกสาร “Care and Maintenance” เพื่อให้พื้นใช้งานได้ยาวนานโดยไม่เสื่อมเสีย prematurely
สุดท้าย อย่าใช้เครื่องมือที่ให้ความร้อนสูง เช่น ไอน้ำ (steam mop) หรือน้ำร้อนจัดมาเช็ดพื้น เพราะอาจทำให้แผ่นลามิเนตบิดงอหรือเคลือบหลุด การดูแลพื้นลามิเนตให้ดีไม่ใช่แค่เรื่องความสวยงามวันนี้ แต่คือการรักษามูลค่าของพื้นให้ใช้งานได้ไปนาน ๆ ครับ
8.วิธีติดตั้งพื้นลามิเนตแบบมืออาชีพ
การติดตั้งพื้นลามิเนตให้ได้ผลลัพธ์ที่เรียบร้อย สวยงาม และทนทานในระยะยาว ต้องอาศัยขั้นตอนที่แม่นยำและการเตรียมที่ดี ดังนี้:
8.1 การเตรียมพื้นที่ (Pre-installation Preparation)
เคลียร์พื้นที่ & รื้อวัสดุปูพื้นเดิม
เอาเฟอร์นิเจอร์ เครื่องใช้ ของตกแต่ง และพื้นเดิม (กระเบื้อง, พรม, วัสดุปูอื่น) ออกให้หมด เพื่อให้ติดตั้งได้สะดวกตรวจสอบพื้นชั้นล่าง (Subfloor)
พื้นชั้นล่างต้องเรียบ เสมอกัน ไม่มีจุดแตกล่อน หรือสูง-ต่ำมากเกินไป (มักควบคุมให้เรียบภายใน ±3 มม. ต่อตารางเมตร)
ถ้ามีจุดต่ำ ให้เติมด้วย compound leveling หรือปูนทรายให้เรียบ
ถ้ามีจุดสูง ให้เจียรหรือเจียระไนให้เรียบเช็กความชื้น / ความแห้งของพื้น
หากพื้นชั้นล่างเป็นคอนกรีต ต้องวัดระดับความชื้นก่อนติดตั้ง — หากความชื้นสูงเกินเกณฑ์ อาจทำให้ลามิเนตเสียหาย
ถ้าจำเป็น อาจใช้แผ่นกันความชื้น (moisture barrier) ก่อนลง underlaymentใช้งานปรับสภาพวัสดุปูพื้น (Acclimatization)
พื้นลามิเนตควรตั้งไว้ในห้องที่จะติดตั้งเป็นเวลาอย่างน้อย 48 ชั่วโมง เพื่อให้วัสดุปรับอุณหภูมิและความชื้นให้ใกล้เคียงกับสภาพแวดล้อมในห้องก่อนติดตั้งจริงถอดบัว / เตรียมจุดจบ
ถอดบัว ขอบพื้น หรือตัวจบ (molding / trim) ออก เพื่อให้เมื่อปูเสร็จสามารถติดตั้งบัวครอบรอยต่อได้สวย
8.2 วางแผ่นรอง / Underlayment
ใช้แผ่นรองเฉพาะสำหรับพื้นลามิเนต (sound-absorbing / cushion underlayment)
ปูแผ่นรองให้ครบพื้นที่ โดยไม่ให้แผ่นรองซ้อนทับกัน หรือหากซ้อน ต้องซ้อนเล็กน้อย และเทปปิดรอยต่อ (ตามคำแนะนำผู้ผลิต)
ตรวจสอบว่าแผ่นรองเรียบ ไม่มีรอยพับหรือคลื่น
8.3 วางแผนแนวการติดตั้ง (Layout & Planning)
กำหนดทิศทางการติดตั้ง — มักติดให้แนวลามิเนตไปตามทิศที่แสงตก หรือในแนวยาวของห้อง
Dry fit / ทดแผ่นวางลองก่อน
วางแผ่นลามิเนตแบบไม่ล็อกเข้าด้วยกัน เพื่อดูว่าแถวสุดท้ายต้องตัดแผ่นกว้างเท่าใด และเพื่อหลีกเลี่ยงแผ่นแคบเกินเว้นรอยขยาย (Expansion Gap) รอบพื้นที่ติดตั้ง— ประมาณ 8–10 มม. หรือขึ้นอยู่กับข้อกำหนดของผู้ผลิต เพื่อให้พื้นสามารถขยายตัว/หดตัวตามอุณหภูมิและความชื้น
8.4 ติดตั้งแผ่นลามิเนตทีละแถว (Laying the Planks)
เริ่มแถวแรกเข้ากับผนังโดยใช้ spacers คั่นรอบ ๆ เพื่อเว้นรอยขยาย
ใช้ระบบคลิกล็อก (Click / Fold-down / Locking System) ล็อกแผ่นเข้าด้วยกันโดยใช้ค้อนยาง + บล็อกเคาะ (tapping block)
สำหรับต่อแนวแถว ให้สลับรอยต่อ (stagger joints) อย่างน้อย 20–30 ซม. (หรือเป็นไปตามคำแนะนำผู้ผลิต) เพื่อให้โครงสร้างพื้นแข็งแรง
ตรวจสอบความแน่นของรอยต่อทุกแผ่นเพื่อหลีกเลี่ยงรอยรั่วหรือเสียง
เมื่อต้องตัดแผ่นสำหรับแถวสุดท้าย ใช้ pull bar ดึงเข้าให้แน่น
8.5 ติดตั้งจบงาน (Finishing)
เอา spacers ออกจากรอบผนัง
ติดตั้งบัว / ขอบ / โมลด์ลิ่ง เพื่อปิดรอยขยายให้เรียบร้อย
ติดตั้งข้อต่อ (transition strip) หากพื้นลามิเนตต่อกับพื้นชนิดอื่น
ตรวจสอบรอบผนังและขอบว่าไม่มีช่องว่าง
8.6 การตรวจสอบ & งานหลังติดตั้ง (Post Installation Check)
ตรวจสอบความเรียบ แนวตรง และไม่มีปัญหาเสียงก้อง
ทำความสะอาดฝุ่น เศษไม้ เศษวัสดุติดตั้ง
แนะนำให้รอ 24–48 ชม. ก่อนวางเฟอร์นิเจอร์หนัก เพื่อให้พื้น “เซตตัว”
ติดตั้งแผ่นรองใต้ขาเฟอร์นิเจอร์ (felt pads) เพื่อป้องกันรอยขีดข่วนในอนาคต
9.พื้นลามิเนต และ พื้นSPC ต่างกันอย่างไร เลือกแบบไหนดีกว่ากัน
พื้นลามิเนตและพื้น SPC ต่างกันในหลายด้าน — แต่ละแบบมีจุดแข็ง-จุดอ่อนที่ควรพิจารณาให้เหมาะกับการใช้งานของคุณ:
พื้น SPC จะได้เปรียบเรื่องความทนทานต่อความชื้นและสภาพแวดล้อมที่เปียก เพราะแกนเป็นวัสดุหินผสมพลาสติก จึงไม่พองง่ายเหมือนลามิเนตทั่วไป แต่บางคนพบว่าพื้น SPC อาจให้สัมผัส “แข็ง” กว่าลามิเนตในบางรุ่น ในแง่ ดีไซน์ / ผิวสัมผัส พื้นลามิเนตมักได้เปรียบ เพราะสามารถจำลองลวดลายไม้และ texture ได้ใกล้เคียงธรรมชาติมากกว่า SPC บางรุ่น เรื่อง ราคา / ความคุ้มค่า ลามิเนตมักมีราคาที่จับต้องได้มากกว่า SPC เมื่อเทียบคุณภาพในระดับใกล้เคียง
สรุปคือ ถ้าพื้นที่จะติดตั้งอยู่ในพื้นที่ชื้นหรือเสี่ยงโดนน้ำบ่อย SPC จะเป็นตัวเลือกที่ปลอดภัยกว่า แต่ถ้าเน้นความสวย สัมผัสใกล้ไม้ และงบลงทุนที่สมเหตุสมผล ลามิเนตก็เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ
วัสดุปูพื้นที่มีแกนไม้ความหนาแน่นสูง (HDF) เคลือบผิวลวดลายไม้ + ชั้นกันรอย ให้ลักษณะคล้ายไม้ธรรมชาติ
ติดตั้งง่าย ดูแลรักษาง่าย ให้สัมผัสใกล้เคียงไม้จริง และราคาคุ้มค่ากว่าไม้แท้
ติดตั้งง่าย ดูแลรักษาง่าย ให้สัมผัสใกล้เคียงไม้จริง และราคาคุ้มค่ากว่าไม้แท้
ไม่ทนน้ำหรือความชื้นสูงได้ดี และแกนไม้มีโอกาสบวมเมื่อโดนน้ำ
ถ้าต้องการทนชื้น SPC มักดีกว่า แต่ถ้าต้องการสัมผัสให้ใกล้ไม้จริงและคุ้มราคา ลามิเนตก็มีจุดเด่น
พื้นลามิเนตทั่วไป ไม่กันน้ำเต็มที่ และมีโอกาสถูกปลวกกัดได้ในแกนไม้
พื้นลามิเนต ในปัจจุบันมีหลากหลายยี่ห้อมากๆ แต่ละแบรนด์ก็จะมีจุดเด่นที่แตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับเกรดและราคา อย่างไรก็ตามหากผู้ใช้ต้องการพื้นไม้ลามิเนตเกรดพรีเมี่ยม ที่มีมาตราฐานระดับโลก ทั้งด้านสินค้า สุขภาพ และ สิ่งแวดล้อม ผลิตจากประเทศสวิตเซอร์แลนด์100% พื้นลามิเนตแบรนด์ Kronoswiss ค่อนข้างที่จะตอบโจทย์