เทคนิคดูแลพื้นไม้ Pet-Friendly ให้เหมือนใหม่ทุกวัน

Table of Contents

               สำหรับคนรักสัตว์ บ้านคือพื้นที่แห่งความสุขที่ได้ใช้ชีวิตร่วมกับเพื่อนสี่ขา แต่สิ่งที่หลายคนอาจไม่คาดคิดคือ “พื้นบ้าน” กลับกลายเป็นจุดที่รับผลกระทบมากที่สุดจากการเลี้ยงสัตว์ ไม่ว่าจะเป็นรอยเล็บ ขนสัตว์ กลิ่นอับ หรือพื้นลื่นจนสัตว์ล้มได้ พื้นไม้ทั่วไปอาจไม่ทนต่อการใช้งานหนักแบบนี้ และทำให้บ้านดูเก่าเร็วกว่าที่คิด

            ในบทความนี้ เราจะพามารู้จักกับ ปัญหาพื้นบ้านยอดฮิตที่คนเลี้ยงสัตว์ต้องเจอ พร้อมแนวทางแก้ไขง่าย ๆ ด้วย พื้นไม้สำหรับสัตว์เลี้ยง (Pet-Friendly )  ช่วยให้ทั้งเจ้าของและสัตว์เลี้ยงอยู่ร่วมกันได้อย่างมีความสุขในทุกวัน

1.พื้นไม้สำหรับสัตว์เลี้ยง (Pet-Friendly) ทำไมต้องดูแลให้ถูกวิธี

แม้พื้นไม้สำหรับสัตว์เลี้ยง (Pet-Friendly Flooring) จะถูกออกแบบมาให้ทนต่อรอยขีดข่วน กันน้ำ และทำความสะอาดง่าย แต่การดูแลอย่างถูกวิธีก็ยังสำคัญมาก เพราะช่วยยืดอายุการใช้งานและคงความเงางามเหมือนใหม่ในทุกวัน บ้านที่มีสัตว์เลี้ยงย่อมต้องเจอกับปัญหาเล็บข่วน ขนหล่น และรอยเปื้อนจากน้ำหรือคราบต่าง ๆ หากปล่อยทิ้งไว้โดยไม่ดูแลอย่างเหมาะสม อาจทำให้พื้นหมอง หรือเกิดความเสียหายในระยะยาวได้

การทำความสะอาดประจำวันและการเลือกผลิตภัณฑ์ที่ปลอดภัยต่อสัตว์เลี้ยง จึงเป็นหัวใจสำคัญในการดูแลพื้นไม้ Pet-Friendly ให้คงสภาพสวยเหมือนวันแรกที่ติดตั้ง

2.เทคนิคดูแลพื้นไม้

2.1 ทำความสะอาดพื้นทุกวันเพื่อป้องกันรอยและฝุ่นจากขนสัตว์

2.2 ตัดเล็บสัตว์เลี้ยงสม่ำเสมอ ป้องกันรอยขีดข่วนบนพื้นไม้

2.3 เช็ดคราบน้ำและของเหลวทันที ป้องกันปัญหาพื้นบวมและกลิ่นอับ 

2.4 ปูพรมกันลื่นหรือเสื่อรองพื้นในจุดที่สัตว์เลี้ยงชอบเล่น

2.5 เคล็ดลับเพิ่มเติม: ตรวจสภาพพื้นไม้เป็นประจำทุก 6 เดือน

3.ทำความสะอาดพื้นทุกวันเพื่อป้องกันรอยและฝุ่นจากขนสัตว์

บ้านที่มีสัตว์เลี้ยงมักมีขนหล่นหรือฝุ่นจากอุ้งเท้าเกาะพื้นอยู่เสมอ การปล่อยให้สิ่งเหล่านี้สะสมอาจทำให้เกิดรอยขีดข่วนได้ง่ายเมื่อมีการเดินผ่าน ควรทำความสะอาดพื้นทุกวันด้วยวิธีง่าย ๆ เช่น

  • ใช้ไม้กวาดขนละเอียดหรือเครื่องดูดฝุ่นหัวนุ่ม เพื่อลดแรงเสียดสี

  • ใช้ผ้าไมโครไฟเบอร์ชุบน้ำหมาดเช็ดเพื่อลดฝุ่นและคราบเบา ๆ

  • หลีกเลี่ยงการใช้น้ำมาก เพราะอาจทำให้ความชื้นสะสมโดยไม่จำเป็น

4.ตัดเล็บสัตว์เลี้ยงสม่ำเสมอ ป้องกันรอยขีดข่วนบนพื้นไม้

รอยขีดข่วนจากเล็บสุนัขหรือแมวคือปัญหาที่เจอบ่อยที่สุดในบ้านที่มีสัตว์เลี้ยง แม้พื้นไม้ Pet-Friendly จะมีชั้นเคลือบป้องกันรอย แต่หากเล็บของสัตว์ยาวเกินไปก็ยังสามารถสร้างรอยได้ ควรตัดเล็บสัตว์เลี้ยงทุก 1–2 สัปดาห์ และหมั่นตรวจสอบบริเวณที่สัตว์ชอบวิ่งหรือกระโดด หากพื้นเป็นรอยบ่อย ควรวางพรมหรือเสื่อกันรอยเพื่อช่วยลดแรงกระแทก

5.เช็ดคราบน้ำและของเหลวทันที ป้องกันปัญหาพื้นบวมและกลิ่นอับ

ถึงแม้พื้นไม้สำหรับสัตว์เลี้ยง (Pet-Friendly Flooring) อย่างพื้น SPC หรือพื้นไวนิลจะกันน้ำได้  แต่การปล่อยให้น้ำขังนานก็อาจทำให้เกิดคราบหรือกลิ่นสะสมได้ในระยะยาว ควรเช็ดน้ำหรือของเหลวที่สัตว์เลี้ยงทำหกทันทีด้วยผ้าชุบน้ำหมาด

หากเป็นพื้นไม้จริงหรือพื้นเอ็นจิเนียร์ ควรใช้น้ำยาเช็ดพื้นสูตรอ่อนโยน (pH Neutral Cleaner) เพื่อป้องกันการทำลายชั้นเคลือบผิว

6. ปูพรมกันลื่นหรือเสื่อรองพื้นในจุดที่สัตว์เลี้ยงชอบเล่น

แม้พื้นไม้ Pet-Friendly ส่วนใหญ่จะกันลื่นระดับ R10–R12 แต่การเสริมพรมกันลื่นหรือเสื่อรองพื้นในบริเวณที่สัตว์เลี้ยงชอบวิ่งหรือกระโดด จะช่วยลดแรงกระแทกและเพิ่มความปลอดภัยได้มากขึ้น โดยเฉพาะในบ้านที่มีสุนัขพันธุ์ใหญ่หรือสัตว์เลี้ยงสูงอายุ

เลือกพรมที่ซักได้ง่าย กันน้ำ และมีแผ่นกันลื่นด้านหลัง เพื่อป้องกันการลื่นไถลขณะสัตว์เลี้ยงวิ่งเล่น

7.เคล็ดลับเพิ่มเติม: ตรวจสภาพพื้นไม้เป็นประจำทุก 6 เดือน

แม้พื้นไม้ Pet-Friendly จะทนทาน แต่การตรวจสอบสภาพพื้นทุก 6 เดือนก็ช่วยให้คุณแก้ไขปัญหาได้ก่อนเกิดความเสียหาย เช่น

  • ตรวจรอยต่อที่หลวม หรือร่องขยายตัวที่ผิดปกติ

  • ตรวจขอบบัวหรือซิลิโคนรอบห้องว่ามีคราบหรือเชื้อราหรือไม่

  • ใช้น้ำยาเคลือบผิว (Refresher) เพื่อคืนความเงางามให้พื้นกลับมาดูใหม่

                การเลี้ยงสัตว์ไม่จำเป็นต้องแลกมาด้วยพื้นบ้านที่พังเร็วหรือกลิ่นไม่พึงประสงค์ หากคุณเลือกวัสดุที่เหมาะกับการใช้งานจริงอย่าง พื้นไม้ Pet-Friendly ที่ถูกออกแบบมาเพื่อรองรับรอยเล็บ ความชื้น และการวิ่งเล่นของสัตว์เลี้ยงโดยเฉพาะ คุณก็จะได้ทั้งความสวยงาม ความปลอดภัย และความสะดวกในการดูแล เพราะพื้นบ้านที่ดีไม่ใช่แค่พื้นสวย แต่ต้องเป็นพื้นไม้ที่อยู่ร่วมกับ “สัตว์เลี้ยงและความสุขของบ้าน” ได้อย่างยาวนาน

Google Map
Line
Line
Google Map