Table of Contents
สำหรับคนรักสัตว์ บ้านคือพื้นที่แห่งความสุขที่ได้ใช้ชีวิตร่วมกับเพื่อนสี่ขาในทุกวัน แต่สิ่งหนึ่งที่เจ้าของหลายคนอาจมองข้ามคือ “พื้นบ้าน” ที่ต้องรองรับทั้งการวิ่งเล่น การกระโดด และพฤติกรรมตามธรรมชาติของสัตว์เลี้ยง พื้นไม้ทั่วไปอาจดูสวยหรู แต่กลับกลายเป็นจุดอ่อนเมื่อเจอกับเล็บ รอยขีดข่วน หรือคราบน้ำที่เกิดซ้ำ ๆ จนทำให้พื้นเสียหายเร็วกว่าที่คิด
ในบทความนี้ เราจะพาไปดูว่า ปัญหาพื้นบ้านยอดฮิตของคนเลี้ยงสัตว์มีอะไรบ้าง และจะแก้ไขได้อย่างไรด้วยการเลือกใช้ พื้นไม้สำหรับสัตว์เลี้ยง (Pet-Friendly Flooring) ที่ออกแบบมาให้ทั้งสวย ทน ปลอดภัย และดูแลง่าย เพื่อให้ทั้งคุณและสัตว์เลี้ยงอยู่ร่วมกันได้อย่างสบายใจในทุกย่างก้าว
1.รอยขีดข่วนและรอยเล็บบนพื้นไม้ ปัญหาคลาสสิกของบ้านที่มีสัตว์เลี้ยง
หนึ่งในปัญหาที่เจ้าของบ้านที่มีสัตว์เลี้ยงพบเจอบ่อยที่สุด คือ “พื้นไม้เป็นรอย” โดยเฉพาะในบ้านที่มีสุนัขหรือแมวซึ่งมักชอบวิ่งเล่น กระโดด หรือขุดพื้นในบางจุด พื้นไม้ทั่วไปที่ไม่มีการเคลือบป้องกันรอยจะเกิดรอยขีดข่วนได้ง่าย โดยเฉพาะพื้นไม้จริงและลามิเนตผิวเงา เมื่อเวลาผ่านไปจะเห็นร่องรอยเล็บและรอยถลอกที่ทำให้พื้นดูเก่าเร็วกว่าปกติ ส่งผลต่อความสวยงามและมูลค่าของบ้านในระยะยาว
แนวทางแก้ไขปัญหารอยขีดข่วนจากสัตว์เลี้ยง:
เลือกใช้ พื้นไม้สำหรับสัตว์เลี้ยง (Pet-Friendly Flooring) ที่มีชั้นเคลือบกันรอย เช่น UV Coating หรือ Aluminum Oxide Coating เพื่อเพิ่มความแข็งแรงและทนต่อแรงขีดข่วนได้ดีกว่าพื้นทั่วไป
หมั่น ตัดเล็บสัตว์เลี้ยงเป็นประจำ ลดโอกาสที่พื้นจะเป็นรอยจากการเดินหรือวิ่งเล่น
วาง พรมกันรอยหรือแผ่นรองพื้น ในจุดที่สัตว์ชอบกระโดดหรือหมุนตัว เช่น หน้าประตูหรือโซฟา เพื่อกระจายแรงและลดการเสียดสีโดยตรง
หากใช้พื้นไม้จริง ควรลงแวกซ์หรือโพลียูรีเทนเพิ่มชั้นป้องกันผิวหน้า ช่วยให้พื้นมีความทนทานต่อรอยมากขึ้น
2.พื้นบวมและชื้นจากน้ำหกหรือปัสสาวะสัตว์เลี้ยง
หนึ่งในปัญหาที่มักเกิดขึ้นกับบ้านที่มีสัตว์เลี้ยง คือ “พื้นบวมและชื้น” โดยเฉพาะเมื่อใช้พื้นไม้จริงหรือพื้นลามิเนต ซึ่งมีคุณสมบัติดูดซับน้ำ เมื่อเกิดเหตุการณ์อย่างน้ำหก หรือสัตว์เลี้ยงขับถ่ายไม่เป็นที่ ความชื้นจะซึมเข้าสู่เนื้อไม้ ทำให้พื้นบวม เสียรูป หรือเกิดเชื้อราตามรอยต่อได้ง่าย ปัญหานี้ไม่เพียงกระทบต่อความสวยงาม แต่ยังเป็นอันตรายต่อสุขภาพและกลิ่นในบ้านด้วย
แนวทางแก้ไขพื้นบวมในบ้านที่มีสัตว์เลี้ยง:
ใช้พื้นไม้สำหรับสัตว์เลี้ยง (Pet-Friendly Flooring) เช่น พื้น SPC หรือพื้นไวนิล ที่กันน้ำ
ปูฟิล์มกันชื้น (PE Sheet) รองพื้นก่อนติดตั้ง เพื่อป้องกันความชื้นจากใต้พื้นขึ้นมาทำลายแผ่นไม้
รีบเช็ดคราบน้ำหรือปัสสาวะทันที ด้วยผ้าชุบน้ำหมาด เพื่อป้องกันการซึมลึกและกลิ่นสะสม
หากมีพื้นที่เสี่ยง เช่น ห้องครัวหรือโซนให้อาหารสัตว์ ควรเลือกวัสดุพื้น กันน้ำและทำความสะอาดง่าย เป็นพิเศษ
3.พื้นลื่นจนสัตว์เลี้ยงล้ม ปัญหาที่หลายบ้านมองข้าม
พื้นลื่นเป็นอีกหนึ่งปัญหาที่เกิดขึ้นบ่อยในบ้านที่มีสัตว์เลี้ยง โดยเฉพาะเมื่อใช้พื้นกระเบื้องหรือพื้นไม้เงามันซึ่งมีแรงเสียดทานต่ำ ทำให้สัตว์เลี้ยงเกิดอุบัติเหตุได้ง่าย เช่น การลื่นล้ม การบาดเจ็บที่ข้อขา หรือกล้ามเนื้ออักเสบ ซึ่งมักเกิดกับสุนัขพันธุ์ใหญ่หรือสัตว์สูงอายุ ปัญหานี้ไม่เพียงสร้างความเจ็บปวดให้สัตว์เลี้ยง แต่ยังทำให้เจ้าของต้องเสียค่าใช้จ่ายรักษาพยาบาลโดยไม่จำเป็น
แนวทางแก้ไขพื้นลื่นในบ้านที่มีสัตว์เลี้ยง:
เลือกใช้ พื้นไม้สำหรับสัตว์เลี้ยง (Pet-Friendly Flooring) ที่มีผิว กันลื่น (Slip-Resistant) เช่น พื้น SPC หรือพื้นลามิเนตเกรดพิเศษ
เลือกพื้นผิวแบบ Matte Finish หรือมี Texture เบา ๆ เพื่อช่วยเพิ่มแรงยึดเกาะของอุ้งเท้าสัตว์
ปู พรมกันลื่นหรือเสื่อยางรองพื้น ในบริเวณที่สัตว์ชอบวิ่งเล่น เช่น หน้าประตู โซนรับแขก หรือโถงบันได
หลีกเลี่ยงการใช้พื้นผิวเงามันเกินไป โดยเฉพาะในพื้นที่หลักของบ้านที่สัตว์เลี้ยงใช้เดินบ่อย
4.กลิ่นอับและคราบฝังพื้น ศัตรูของบ้านสะอาด
กลิ่นอับและคราบฝังพื้นถือเป็นอีกหนึ่งปัญหาใหญ่ของบ้านที่มีสัตว์เลี้ยง โดยเฉพาะหากใช้พื้นไม้จริงหรือลามิเนตที่ดูดซับของเหลวได้ง่าย เมื่อสัตว์เลี้ยงขับถ่ายหรือทำของเหลวหกบนพื้น ความชื้นจะซึมเข้าสู่เนื้อไม้จนเกิดกลิ่นสะสมและคราบเหลืองที่เช็ดไม่ออก ทำให้บ้านมีกลิ่นไม่พึงประสงค์และยากต่อการทำความสะอาดในระยะยาว ปัญหานี้ยังส่งผลต่อสุขอนามัยของทั้งคนและสัตว์เลี้ยง หากพื้นไม่ได้ออกแบบให้รองรับการใช้งานลักษณะนี้โดยเฉพาะ
แนวทางแก้ไขปัญหากลิ่นอับและคราบฝังพื้น:
เลือกใช้ พื้นไม้สำหรับสัตว์เลี้ยง (Pet-Friendly Flooring) ที่ กันน้ำ กันกลิ่น และไม่ดูดซับคราบ เช่น พื้น SPC หรือพื้นไวนิลคุณภาพสูง
ใช้น้ำยาทำความสะอาดสูตรอ่อนโยนแบบ Pet-Safe เพื่อขจัดกลิ่นโดยไม่ทำลายผิวหน้าของพื้นไม้
เปิดหน้าต่างหรือใช้ เครื่องฟอกอากาศ (Air Purifier) ช่วยลดกลิ่นและความชื้นสะสมในห้อง
หากมีจุดที่เกิดคราบบ่อย เช่น โซนให้อาหารหรือห้องสัตว์เลี้ยง ควรใช้แผ่นรองกันเปื้อนหรือพรมกันน้ำช่วยเสริมป้องกัน
5.ค่า R ในพื้นไม้คืออะไร และสำคัญอย่างไรกับบ้านที่มีสัตว์เลี้ยง
ค่า R (Slip Resistance Value) หรือ “ค่าความต้านทานการลื่นของพื้น” คือค่ามาตรฐานที่ใช้วัดระดับการกันลื่นของวัสดุปูพื้น ทั้งในสภาพเปียกและแห้ง ซึ่งนิยมใช้กันอย่างแพร่หลายในยุโรปเพื่อบ่งบอกความปลอดภัยของพื้น ค่า R ยิ่งสูง หมายถึงพื้นยิ่งกันลื่นได้ดี โดยทั่วไปแบ่งออกเป็น 3 ระดับ ได้แก่ R9–R10 พื้นผิวเรียบ ลื่นง่าย เหมาะกับพื้นที่แห้ง เช่น ห้องนั่งเล่น, R11–R12 พื้นกันลื่นระดับกลาง เหมาะกับบ้านที่มีสัตว์เลี้ยงหรือเด็ก และ R13 พื้นกันลื่นสูงสุด มักใช้ในพื้นที่เปียก เช่น ห้องน้ำหรือภายนอกอาคาร
สำหรับบ้านที่มีสัตว์เลี้ยง ค่า R ถือเป็นปัจจัยสำคัญที่หลายคนมักมองข้าม เพราะสุนัขและแมวมีอุ้งเท้าที่มีแรงยึดเกาะน้อยกว่ามนุษย์ หากเลือกพื้นผิวเรียบหรือเงามากเกินไป (ค่า R ต่ำ) อาจทำให้สัตว์เลี้ยงลื่นล้ม เสี่ยงบาดเจ็บที่ข้อขาหรือสะโพกได้ โดยเฉพาะในสุนัขพันธุ์ใหญ่หรือสัตว์สูงอายุ ดังนั้น การเลือก พื้นไม้สำหรับสัตว์เลี้ยง (Pet-Friendly Flooring) ที่มีค่า R10–R12 จึงเหมาะสมที่สุด เพราะให้สมดุลระหว่างความสวยงามแบบพื้นไม้ธรรมชาติ ความปลอดภัยจากการกันลื่น และความสบายในการเดินของทั้งสัตว์เลี้ยงและเจ้าของบ้าน
*อ่านบทความ ค่า R ในพื้นไม้คืออะไร? พื้นไม้สำหรับสัตว์เลี้ยง (Pet-Friendly) ได้ในที่นี่
การเลี้ยงสัตว์ไม่ควรทำให้คุณต้องกังวลเรื่องพื้นบ้านที่เป็นรอยหรือบวมเสียรูป เพราะปัจจุบันมีทางเลือกอย่าง พื้นไม้สำหรับสัตว์เลี้ยง (Pet-Friendly Flooring) ที่ทั้งแข็งแรง ทนรอย กันน้ำ และกันลื่นได้จริง ช่วยลดปัญหาที่เคยเจอในชีวิตประจำวัน และยืดอายุการใช้งานของพื้นได้อย่างยาวนาน
หากคุณกำลังวางแผนรีโนเวทหรือสร้างบ้านใหม่ ลองเลือกพื้นไม้ Pet-Friendly จาก VK Floor พื้นไม้คุณภาพที่รวมเทคโนโลยีป้องกันรอยและกันน้ำระดับพรีเมียม ดีไซน์สวยเหมือนไม้จริง แต่เพิ่มความปลอดภัยและความสบายให้ทั้งเจ้าของบ้านและสัตว์เลี้ยงอย่างแท้จริง