Home » Wood Flooring » Laminate Flooring » พื้นลามิเนต คืออะไร? รู้จักพื้นไม้ยอดฮิต โครงสร้าง-ประเภท-คุณสมบัติครบในบทความเดียว
พื้นลามิเนตคืออะไร? รู้จักพื้นไม้ยอดฮิต โครงสร้าง-ประเภท-คุณสมบัติครบในบทความเดียว
หากคุณกำลังมองหาวัสดุปูพื้นที่สวยเหมือนไม้จริง ติดตั้งง่าย ราคาเข้าถึงได้ และดูแลรักษาไม่ยุ่งยาก “ พื้นลามิเนต ” คือหนึ่งในตัวเลือกยอดนิยมที่ไม่ควรมองข้าม ไม่ว่าจะใช้ในบ้าน คอนโด หรือออฟฟิศ พื้นลามิเนต ก็สามารถสร้างบรรยากาศอบอุ่นและหรูหราได้อย่างลงตัว
บทความนี้จะพาคุณไปรู้จัก พื้นลามิเนตให้ลึกซึ้ง ตั้งแต่โครงสร้างแต่ละชั้น ประเภท ไปจนถึงคุณสมบัติที่ควรรู้ก่อนตัดสินใจ พร้อมคำแนะนำในการเลือกใช้งานอย่างมืออาชีพในบทความเดียว!
1.พื้นลามิเนตคืออะไร?
พื้นลามิเนต คือวัสดุปูพื้นที่ผลิตจากวัสดุหลายชั้น ซึ่งถูกอัดแน่นเข้าด้วยกันผ่านกระบวนการ Laminate Pressing โดยใช้แรงดันและความร้อนสูง จุดเด่นสำคัญของพื้นไม้ลามิเนตอยู่ที่ ชั้นแกนกลาง ซึ่งมักทำจากแผ่นไม้อัดความหนาแน่นสูง หรือที่เรียกว่า HDF (High-Density Fiberboard) วัสดุชนิดนี้ผลิตจากเยื่อไม้คุณภาพดีที่ผ่านการอัดแน่นด้วยแรงดันสูง จนได้แผ่นที่มีความหนาแน่นสูงมาก มีความแข็งแรง ทนแรงกระแทก และไม่โก่งงอง่าย
2.ประวัติที่มาของพื้นลามิเนต
พื้นไม้ลามิเนตเริ่มต้นขึ้นในปี พ.ศ. 2520 จากการพัฒนาแผ่นลามิเนตแบบ HPL (High Pressure Laminate) ซึ่งใช้การอัดเมลามีนด้วยแรงดันสูงบริเวณผิวหน้าลวดลายเพื่อความทนทาน ต่อมาเทคโนโลยีและการออกแบบได้พัฒนาอย่างต่อเนื่อง จนถึงปัจจุบัน (พ.ศ. 2568) พื้นไม้ลามิเนตยังคงได้รับความนิยมและถูกพัฒนาให้มีความแข็งแรง ลวดลายเสมือนไม้จริงมากขึ้น พร้อมทั้งเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและตอบโจทย์การใช้งานในทุกพื้นที่
3.โครงสร้างพื้นลามิเนต

พื้นลามิเนต Kronoswiss จากประเทศสวิตเซอร์แลนด์มีชื่อเสียงในด้านคุณภาพระดับพรีเมียม ด้วยโครงสร้าง 4 ชั้นที่ผ่านกระบวนการผลิตขั้นสูง ให้ความทนทาน ความปลอดภัย และดีไซน์ที่สวยงามเหมือนไม้จริง
3.1 High Resistance Overlay (ชั้นผิวหน้าคุณภาพสูง)
ชั้นผิวหน้าของพื้นไม้ลามิเนตผลิตจาก Melamine Resin ชนิดพิเศษ ที่ผสม Aluminium Oxide เพื่อเพิ่มความแข็งแรงและทนทานเป็นพิเศษ โดยผ่านกระบวนการ Thermosetting หรือการเคลือบด้วยความร้อน ซึ่งช่วยให้พื้นผิวทนต่อแรงกดกระแทก รอยขีดข่วน ความร้อน แสงแดด และสารเคมีได้อย่างมีประสิทธิภาพ อีกทั้งยังช่วยคงสภาพพื้นผิวให้ดูใหม่และไม่ซีดจางง่ายแม้ใช้งานเป็นระยะเวลานาน
3.2 Decorative Film (ชั้นลวดลายไม้)
ชั้นลวดลายไม้ของลามิเนตเป็นฟิล์มที่ผลิตจาก กระดาษพิมพ์ลายคุณภาพสูง ซึ่งสามารถจำลองลวดลายของไม้ธรรมชาติได้อย่างสมจริงที่สุด ทั้งในด้านสีสันและพื้นผิว โดยมีลายให้เลือกหลากหลายสไตล์ เช่น คลาสสิก โมเดิร์น หรือวินเทจ ลายไม้คมชัดและสม่ำเสมอ ทำให้เหมาะกับการตกแต่งภายในทุกรูปแบบที่ต้องการความอบอุ่นจากลายไม้แท้
3.3 Core Board – High Density Fiberboard (HDF Green Board – E1 Grade)
แกนกลางของพื้นลามิเนตทำจาก แผ่น HDF (High-Density Fiberboard) ผ่านกระบวนการอัดแน่นด้วยแรงดันสูงจนได้แผ่นที่แข็งแรง หนาแน่น และทนต่อแรงกดได้ดี โดยใช้วัสดุเกรด Green Board ซึ่งผ่านมาตรฐานความปลอดภัย E1 (European Formaldehyde Emission Standard) ทำให้ปลอดภัยต่อสุขภาพของผู้อยู่อาศัยและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
3.4 Stabilizing Film (ชั้นเสถียรภาพด้านล่าง)
ชั้นล่างสุดของพื้นลามิเนตคือ แผ่นฟิล์มเสถียรภาพ (Stabilizing Film) ซึ่งช่วยป้องกันความชื้นจากพื้นด้านล่างไม่ให้เข้าสู่ชั้นแกนกลาง อีกทั้งยังช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อราและแบคทีเรีย พร้อมทั้งรักษาเสถียรภาพของแผ่นพื้นไม่ให้เกิดการโก่งงอหรือบิดเบี้ยว ทำให้พื้นลามิเนตมีความมั่นคงตลอดอายุการใช้งาน สินค้าพื้นลามิเนตคลิกที่นี่
4. คุณสมบัติของพื้นลามิเนต
- ทนต่อรอยขีดข่วนและแรงกระแทก เคลือบผิวหน้าด้วยเรซินชนิดพิเศษ ทำให้ใช้งานในพื้นที่สัญจรบ่อยได้โดยไม่เสียหายง่าย อ่านบทความทนรอยขีดข่วนเพิ่มเติมได้ที่นี่
- มีลวดลายเสมือนไม้จริง พิมพ์ลายด้วยเทคโนโลยีคุณภาพสูง ให้ภาพลักษณ์เหมือนพื้นไม้ธรรมชาติ
- ติดตั้งง่ายด้วยระบบคลิกล็อก (Click Lock) ไม่ต้องใช้กาว ติดตั้งเร็วและถอดเปลี่ยนแผ่นได้สะดวก
- ดูแลรักษาง่าย ไม่ต้องขัดเคลือบหรือใช้น้ำยาไม้พิเศษ เพียงแค่กวาดและถูแบบหมาดก็เพียงพอ
- มีชั้นป้องกันความชื้นด้านล่าง ช่วยลดโอกาสการโก่งงอหรือบิดเบี้ยวจากความชื้นใต้พื้น
- เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม หลายรุ่นผ่านมาตรฐาน E1 หรือสูงกว่า ปลอดภัยต่อสุขภาพ ไม่มีสารฟอร์มัลดีไฮด์ในระดับอันตราย
- เหมาะกับพื้นที่ใช้งานหลากหลาย ทั้งห้องนอน ห้องนั่งเล่น โฮมออฟฟิศ หรือแม้แต่คอนโดและบ้านพักอาศัยทั่วไป
5.ประเภทของพื้นลามิเนต

5.1 High Density Fiberboard (HDF)
คือวัสดุแผ่นไม้สังเคราะห์คุณภาพสูงที่ผลิตจากเส้นใยไม้บดละเอียด ผสมกับเรซิน แล้วอัดด้วยแรงดันและความร้อนสูง ทำให้ได้แผ่นไม้ที่บาง แข็งแรง และมีความหนาแน่นสูงกว่าพาร์ติเคิลบอร์ดทั่วไป จุดเด่นของ HDF คือทนต่อแรงกด ความชื้น การสึกหรอ และการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิ เหมาะสำหรับงานที่ต้องการความทนทานสูง เช่น พื้นลามิเนต เฟอร์นิเจอร์ที่รับน้ำหนักมาก หรือใช้งานในพื้นที่ที่มีการสัญจรสูง
5.2Medium Density Fiberboard (MDF)
คือแผ่นไม้สังเคราะห์ที่ผลิตจากเศษไม้เนื้อแข็งหรือไม้เนื้ออ่อน ผสมกับแวกซ์และเรซิน แล้วอัดขึ้นรูปเป็นแผ่น MDF มีผิวเรียบเนียน ไม่หดตัวหรือบิดงอง่าย นิยมใช้ในงานตกแต่งภายในหรือเฟอร์นิเจอร์ที่ต้องการผิวเรียบ เช่น ตู้ ชั้นวาง หรือแผงผนัง แม้จะไม่แข็งแรงเท่า HDF และมีความเสี่ยงต่อแรงกระแทกมากกว่า แต่ก็เป็นวัสดุที่คุ้มค่าและใช้งานได้หลากหลาย
6.มาตรฐานการใช้งานของพื้นลามิเนต
พื้นลามิเนตมีการจัดเกรดตามมาตรฐานยุโรป โดยใช้ค่า AC (Abrasion Classification) เพื่อวัดความทนต่อการสึกถลอก และค่า IC (Impact Classification) เพื่อวัดความทนต่อแรงกระแทก โดยค่ายิ่งสูง ยิ่งแสดงถึงความแข็งแรงและทนทานมากขึ้น
6.1 AC Rating (AC1 – AC5):
ใช้ระบุความทนต่อการสึกหรอของผิวหน้า เช่น
- AC1–AC2: สำหรับพื้นที่ใช้งานเบา เช่น ห้องนอน
- AC3: สำหรับบ้านทั่วไป เช่น ห้องนั่งเล่น, บันได
- AC4–AC5: สำหรับเชิงพาณิชย์หรือพื้นที่ใช้งานหนัก
6.2 IC Rating (IC1 – IC3):
ใช้ระบุความสามารถในการรับแรงกระแทกจากของตกหรือแรงกด เช่น
- IC1: รับน้ำหนักได้เบา เหมาะกับใช้งานทั่วไป
- IC2–IC3: รับแรงกระแทกได้มาก เหมาะกับพื้นที่ที่มีโอกาสโดนกระแทกบ่อย
7.พื้นไม้ลามิเนต เหมาะกับใช้งานในพื้นที่แบบไหนบ้าง?

- ภายในบ้าน ทางเดินและห้องต่าง ๆ พื้นลามิเนตเหมาะกับห้องนั่งเล่น ห้องนอน ห้องทำงาน หรือโถงทางเดิน เพราะให้ความรู้สึกอบอุ่นแบบไม้จริง ติดตั้งได้เร็ว ดูแลรักษาง่าย และยังทนต่อรอยขีดข่วนจากการใช้งานในชีวิตประจำวันได้ดี เหมาะสำหรับบ้านที่ต้องการความสวยงามและความคุ้มค่าในระยะยาว
- ร้านค้า ในร้านค้าที่มีคนเดินเข้าออกทั้งวัน พื้นลามิเนตที่มีค่า AC Rating สูง (AC4 หรือ AC5) จะช่วยรองรับแรงกระแทกจากการใช้งานหนักได้ดี อีกทั้งยังสร้างบรรยากาศอบอุ่นน่าเดิน เหมาะกับร้านเสื้อผ้า ร้านกาแฟ หรือโชว์รูมสินค้าทั่วไป
- โรงแรม พื้นลามิเนตช่วยเพิ่มความหรูหราให้กับห้องพักในโรงแรมได้โดยไม่ต้องใช้ไม้จริง ราคาประหยัดกว่า ดูแลง่าย และยังมีลวดลายหลากหลายให้เลือก เหมาะกับทั้งโถงต้อนรับ ห้องพัก หรือทางเดินในอาคาร
- โรงเรียน พื้นลามิเนตสามารถใช้ในห้องเรียน ห้องประชุม หรือห้องพักครู เพราะมีผิวที่ทนทานต่อการใช้งานหนัก และไม่ลื่น จึงปลอดภัยสำหรับเด็กและบุคลากร อีกทั้งยังช่วยดูแลรักษาได้ง่ายในพื้นที่ที่มีการใช้งานต่อเนื่องตลอดวัน
- บ้านที่มีสัตว์เลี้ยง สำหรับคนที่มีสัตว์เลี้ยง เช่น หมา หรือแมว ควรเลือกพื้นลามิเนตที่มีผิวหน้าแบบด้านและค่า AC สูง เพื่อช่วยลดรอยเล็บ ป้องกันคราบ และทำความสะอาดได้ง่าย แนะนำเลือกลายไม้แบบวินเทจหรือขัดลายเพื่อช่วยพรางรอยเล็ก ๆ ที่เกิดจากสัตว์เลี้ยงได้ดีขึ้น
8.การดูแลพื้นลามิเนต
- กวาดหรือดูดฝุ่นเป็นประจำ เพื่อป้องกันเศษฝุ่นหรือเม็ดทรายที่อาจขูดผิวพื้นจนเป็นรอย
- ถูพื้นด้วยผ้าชุบน้ำหมาด ๆ หลีกเลี่ยงการใช้น้ำมากหรือปล่อยให้น้ำขัง เพราะความชื้นมากเกินไปอาจทำให้พื้นบวม
- หลีกเลี่ยงน้ำยาทำความสะอาดที่มีฤทธิ์รุนแรง น้ำยาขัดพื้นแบบกรด/ด่าง เพราะอาจทำลายชั้นเคลือบของผิวลามิเนต
- ใช้แผ่นรองใต้ขาเฟอร์นิเจอร์ ป้องกันรอยขีดข่วนจากการเลื่อนเก้าอี้ โต๊ะ หรือของหนัก
- เช็ดของเหลวที่หกทันที เช่น น้ำซุป น้ำผลไม้ หรือกาแฟ เพราะหากทิ้งไว้อาจซึมเข้าสู่รอยต่อได้
- ไม่ควรใช้แว็กซ์หรือเคลือบเงาแบบไม้จริง เพราะพื้นลามิเนตมีชั้นเคลือบในตัว ไม่ต้องขัดหรือลงเงา
- เปิดหน้าต่างระบายอากาศสม่ำเสมอ เพื่อควบคุมความชื้นภายในห้องและลดการสะสมของกลิ่นอับ
- ทำความสะอาดตามแนวลายไม้ เพื่อไม่ให้คราบหรือฝุ่นเกาะในร่องและช่วยถนอมพื้นได้มากกว่า
พื้นลามิเนตถือเป็นทางเลือกยอดนิยมของคนรักบ้านยุคใหม่ ด้วยคุณสมบัติที่ครบทั้งความสวยงาม ความทนทาน และราคาที่จับต้องได้ เมื่อคุณเข้าใจโครงสร้าง ประเภท และคุณสมบัติของพื้นลามิเนตแล้ว การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ได้มาตรฐานก็เป็นอีกก้าวสำคัญ VK Floor คือผู้เชี่ยวชาญด้านวัสดุปูพื้นคุณภาพสูงที่คัดสรรพื้นลามิเนตเกรดพรีเมียมจากแบรนด์ชั้นนำระดับโลก เรามีให้เลือกหลากหลายลายไม้ สีสัน และระดับความหนา พร้อมระบบ Click Lock ที่ติดตั้งง่าย และมาตรฐานกันน้ำ กันปลวก ทนรอยขีดข่วน
หากคุณกำลังมองหาพื้นลามิเนตที่ “สวย ทน ดูดี ระยะยาว” พร้อมทีมให้คำปรึกษาที่เข้าใจการใช้งานจริง VK Floor พร้อมดูแลคุณทุกขั้นตอน