เมื่อพูดถึงการรีโนเวทบ้าน หลายคนมักนึกถึงการทาสี เปลี่ยนเฟอร์นิเจอร์ หรือตกแต่งผนังใหม่ แต่รู้หรือไม่ว่า “พื้นบ้าน” คือส่วนที่เปลี่ยนบรรยากาศได้มากที่สุด พื้นที่เก่าชำรุด สีซีด หรือแตกร้าว มักทำให้บ้านดูโทรมกว่าความเป็นจริง การรีโนเวทพื้นจึงไม่ใช่แค่เรื่องของความสวยงาม แต่ยังช่วยเพิ่มความปลอดภัย ความสบาย และมูลค่าทาง อสังหาริมทรัพย์ให้กับบ้านของคุณด้วย บทความนี้จะพาคุณเจาะลึกทุกขั้นตอนของการรีโนเวทพื้น ตั้งแต่การตรวจเช็กพื้นเดิม เลือกวัสดุปูพื้นให้เหมาะสม วางแผนงบประมาณ ไปจนถึงเทรนด์ดีไซน์ปี 2025 เพื่อให้คุณเปลี่ยนบ้านเก่าให้กลับมาดูใหม่อย่างมืออาชีพ
1.ทำไมการ รีโนเวทบ้าน จึงสำคัญ?
การรีโนเวทบ้าน เป็นขั้นตอนสำคัญที่หลายคนมักมองข้าม ทั้งที่ “พื้น” คือองค์ประกอบใหญ่ที่สุดของบ้านที่ส่งผลต่อทั้งความสวย ความปลอดภัย และความรู้สึกในการอยู่อาศัย พื้นบ้านที่ผ่านการใช้งานมานานมักเกิดปัญหาชำรุด เช่น กระเบื้องแตกร้าว สีซีด ไม้บวมจากความชื้น หรือพื้นทรุดไม่เรียบ การรีโนเวท จึงไม่ใช่แค่เพื่อความสวยงาม แต่ยังช่วยให้บ้านสะอาด ดูใหม่เหมือนสร้างใหม่ เพิ่มความปลอดภัยในการเดิน และยังช่วยเพิ่มมูลค่าทรัพย์สินเมื่อต้องการขายหรือปล่อยเช่าในอนาคตอีกด้วย
2.ก่อนรีโนเวทพื้น ต้องประเมินพื้นเดิมอย่างไรบ้าง
ก่อนจะเริ่มรีโนเวทพื้นบ้าน สิ่งแรกที่ควรทำคือ ประเมินสภาพพื้นเดิมให้ละเอียด เพื่อวางแผนการซ่อมหรือปูทับได้อย่างถูกต้อง ปัญหาที่ไม่ตรวจเช็กตั้งแต่ต้นมักกลายเป็นสาเหตุให้พื้นใหม่เสียหายเร็ว ซึ่งขั้นตอนหลัก ๆ ที่ควรดูมีดังนี้
พื้นไม้เดิม: ตรวจสอบว่าแผ่นไม้ยังแน่นหรือไม่ มีอาการโก่ง บวม หรือยุบตัวจากปลวกและความชื้นหรือเปล่า หากมีเสียงเอี๊ยดหรือหลวมควรซ่อมก่อนปูใหม่
พื้นปูน: ดูว่ามีรอยร้าวหรือร่องน้ำซึม ความชื้น หรือพื้นทรุดหรือไม่ เพราะจะทำให้วัสดุปูพื้นใหม่บวมและหลุดง่าย ควรซ่อมหรือเทปรับระดับก่อนติดตั้ง
พื้นกระเบื้อง: เคาะฟังเสียงกลวงหรือหลุดล่อน หากพบหลายจุดให้รื้อออกทั้งหมดเพื่อปูใหม่ ไม่ควรปูทับเพราะอาจเกิดโพรงอากาศใต้พื้น
ตรวจความชื้น: ใช้เครื่องวัดความชื้น (Moisture Meter) หรือติดต่อช่างมืออาชีพช่วยประเมิน เพื่อให้แน่ใจว่าพื้นแห้งและพร้อมสำหรับการติดตั้งวัสดุปูพื้นใหม่อย่างปลอดภัยและยืดอายุการใช้งานได้ยาวนาน
3.เลือกวัสดุปูพื้นแบบไหนดี? เปรียบเทียบข้อดี-ข้อเสียแต่ละประเภท
การเลือกวัสดุปูพื้นเป็นหัวใจของการรีโนเวทบ้าน เพราะวัสดุแต่ละชนิดมีทั้งจุดเด่นและข้อจำกัดต่างกัน การตัดสินใจที่ดีควรพิจารณาจากงบประมาณ ความสวยงาม และการใช้งานจริงในชีวิตประจำวัน วัสดุปูพื้นที่นิยมในปัจจุบันมีอยู่ 4 ประเภทหลัก ได้แก่
พื้นไม้จริง (Solid Wood Floor): ให้ความรู้สึกหรูหราและอบอุ่นแบบธรรมชาติ อายุการใช้งานยาวนานหลายสิบปี สามารถขัดเคลือบซ้ำได้ แต่ราคาสูงและไม่ทนต่อความชื้น เหมาะกับพื้นที่ภายในบ้านที่แห้งและมีการดูแลสม่ำเสมอ
พื้นไม้เอ็นจิเนียร์ (Engineered Wood Floor): ผลิตจากไม้จริงด้านบนและชั้นรองรับหลายชั้นด้านล่าง ทำให้ทนความชื้นและการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิได้ดีกว่าไม้จริง แต่ยังคงลวดลายและสัมผัสของไม้แท้ เหมาะกับห้องนั่งเล่นหรือห้องนอน
พื้นลามิเนต (Laminate Floor): ทำจากแผ่นไม้ HDF เคลือบผิวลายไม้ ราคาย่อมเยา ติดตั้งง่ายและรวดเร็ว เหมาะกับการรีโนเวทที่ต้องการประหยัดงบ แต่ไม่ทนต่อน้ำหรือการขูดขีดมากนัก
พื้นไวนิล / SPC (Vinyl SPC Floor): เป็นวัสดุสังเคราะห์ที่ทนชื้น กันน้ำ และกันปลวก 100% พื้นผิวลายไม้สวยสมจริง เดินสบาย ราคาเข้าถึงได้ เหมาะกับบ้านยุคใหม่หรือพื้นที่ที่มีความชื้น เช่น ห้องครัวหรือคอนโด
4.เตรียมพื้นก่อนติดตั้งใหม่อย่างไรให้ได้มาตรฐาน
การลอกพื้นเดิมออก
การเทปูนปรับระดับ
การทา Primer หรือป้องกันความชื้น
การปูโฟมรองพื้น
5.วางแผนงบประมาณรีโนเวทพื้นบ้านให้คุ้มค่า
การวางแผนงบประมาณคือขั้นตอนสำคัญที่จะช่วยให้การรีโนเวทพื้นบ้านคุ้มค่าและไม่บานปลาย โดยเริ่มจากการคำนวณ ค่าวัสดุปูพื้น ซึ่งมักเป็นส่วนที่ใช้เงินมากที่สุด เช่น พื้นไม้จริงราคาประมาณ 1,800–3,000 บาท/ตร.ม. พื้นเอ็นจิเนียร์อยู่ที่ 1,200–2,000 บาท/ตร.ม. ส่วนพื้นลามิเนตและพื้นไวนิล SPC จะอยู่ในช่วง 500–1,200 บาท/ตร.ม. จากนั้นควรรวม ค่าแรงติดตั้ง ซึ่งอาจต่างกันตามประเภทวัสดุและสภาพพื้นที่ เฉลี่ยประมาณ 150–400 บาท/ตร.ม. และอย่าลืม ค่าใช้จ่ายเสริม เช่น ค่ารื้อพื้นเดิม, ค่าเทปรับระดับ, ค่าโฟมรองพื้น หรือบัวพื้น ปกติจะเพิ่มอีก 10–20% ของงบรวมทั้งหมด การคำนวณงบล่วงหน้าจะช่วยให้เจ้าของบ้านเลือกวัสดุได้เหมาะกับงบที่ตั้งไว้ และควรเผื่อเงินสำรองประมาณ 10% สำหรับค่าใช้จ่ายฉุกเฉินที่อาจเกิดขึ้นระหว่างการรีโนเวท เพื่อให้ได้พื้นบ้านใหม่ที่ทั้งสวย คุ้ม และไม่มีค่าใช้จ่ายแอบแฝงในภายหลัง
*หมายเหตุ : จำนวนราคาเป็นเพียงการยกตัวอย่างเพื่อให้เข้าใจมากขึ้น
6.อัปเดตเทรนด์พื้นบ้านปี 2025: สี โทน และสไตล์ยอดนิยม
โทนไม้ธรรมชาติ (Natural Wood Tone): กลับมาได้รับความนิยมอีกครั้ง เพราะให้ความรู้สึกอบอุ่น ผ่อนคลาย เหมาะกับบ้านที่ต้องการบรรยากาศใกล้ชิดธรรมชาติ โทนสีอย่างโอ๊กอ่อน เบิร์ช หรือสนขาวได้รับความนิยมมากในห้องนั่งเล่นและห้องนอน
โทนเอิร์ธ (Earth Tone): สีน้ำตาลอบอุ่น เทาอมเบจ หรือโทนคาเฟ่ช่วยให้บ้านดูสงบและนุ่มนวล เหมาะกับบ้านสไตล์โมเดิร์นมินิมอล และช่วยขับให้เฟอร์นิเจอร์ไม้แท้ดูโดดเด่นขึ้น
โทนเทาโมเดิร์น (Modern Grey Tone): เหมาะกับบ้านเมืองและคอนโด สื่อถึงความเรียบหรูร่วมสมัย ใช้ได้ดีกับพื้นไม้เอ็นจิเนียร์หรือพื้นลามิเนตเฉดเทาเข้ม เพิ่มความรู้สึกทันสมัยและลดความร้อนในภาพรวมของบ้าน
สไตล์มินิมอล / ลอฟต์ / สแกนดิเนเวีย / ญี่ปุ่น: แนวทางยอดนิยมในปี 2025 เน้นเส้นสายเรียบง่าย วัสดุธรรมชาติ และโทนสีอ่อน เช่น ขาว เบจ หรือไม้ธรรมชาติ สไตล์ลอฟต์จะใช้พื้นไม้เข้มตัดกับผนังปูนเปลือย ส่วนสไตล์ญี่ปุ่นนิยมพื้นไม้สักหรือพื้นโทนอ่อนเพื่อให้แสงสะท้อนอบอุ่นนุ่มตา
การแมทช์พื้นกับผนังและเฟอร์นิเจอร์: เคล็ดลับคือเลือกพื้นให้ “ต่างระดับโทน” กับผนังหรือเฟอร์นิเจอร์ เช่น พื้นโทนกลางคู่กับผนังสีขาว หรือพื้นไม้เข้มตัดกับเฟอร์นิเจอร์โทนอ่อน เพื่อสร้างมิติและความสมดุลของแสงในห้อง ทั้งยังช่วยให้บรรยากาศโดยรวมดูหรูและกลมกลืนมากขึ้น
7.เคล็ดลับดูแลพื้นหลัง รีโนเวทบ้าน ให้สวยทนนาน
7.1 หลีกเลี่ยงการใช้น้ำมากเกินไป
: โดยเฉพาะพื้นไม้จริงและพื้นลามิเนต ไม่ควรใช้น้ำถูพื้นจนชุ่ม เพราะจะทำให้พื้นบวม พอง หรือเกิดคราบด่างได้ ควรใช้ผ้าชุบน้ำหมาด ๆ หรือเครื่องดูดฝุ่นชนิดแห้งแทน และหมั่นเปิดหน้าต่างให้อากาศถ่ายเทลดความชื้นในบ้าน
7.2 ใช้แผ่นรองขาเฟอร์นิเจอร์
: เพื่อป้องกันรอยขีดข่วนจากการขยับโต๊ะ เก้าอี้ หรือโซฟา พื้นไม้เอ็นจิเนียร์และพื้น SPC แม้จะทนกว่าไม้จริง แต่ก็ยังเสี่ยงเกิดรอยได้เมื่อมีแรงกดหรือการลากของหนัก
7.3 ใช้น้ำยาทำความสะอาดเฉพาะพื้นไม้
: หลีกเลี่ยงน้ำยาที่มีกรดหรือแอลกอฮอล์สูง เพราะอาจกัดผิวเคลือบ ควรเลือกสูตรเฉพาะสำหรับพื้นไม้หรือพื้นไวนิล และใช้ผ้าไมโครไฟเบอร์เช็ดตามแนวเสี้ยนไม้เพื่อรักษาความเงางามของผิว
การรีโนเวทพื้นบ้านที่ดี ไม่ได้อยู่ที่การเลือกวัสดุแพงที่สุด แต่อยู่ที่ “การเลือกให้เหมาะกับบ้านและการใช้งานจริง” หากคุณวางแผนล่วงหน้าอย่างรอบคอบ ประเมินพื้นเดิม เลือกวัสดุที่ตอบโจทย์งบและสไตล์ของคุณ พร้อมดูแลหลังติดตั้งอย่างถูกวิธี บ้านของคุณจะกลับมาสวย แข็งแรง และอบอุ่นได้อีกครั้งในทุกย่างก้าว สำหรับผู้ที่กำลังมองหาพื้นไม้คุณภาพสูง ทั้งพื้นไม้จริง พื้นเอ็นจิเนียร์ พื้นลามิเนต หรือพื้น SPC คุณสามารถขอคำปรึกษาจากทีมผู้เชี่ยวชาญของ VK Floor ได้ฟรี เพื่อให้การรีโนเวทของคุณ “คุ้มค่าในระยะยาว และสวยเหมือนบ้านใหม่ตั้งแต่วันแรกที่เสร็จงาน”

