“เจาะลึกไม้แอช” จาก พฤกษศาสตร์ สู่คุณสมบัติ และการใช้งานจริง

“เจาะลึกไม้แอช” จาก พฤกษศาสตร์ สู่คุณสมบัติ และการใช้งานจริง
“เจาะลึกไม้แอช” จาก พฤกษศาสตร์ สู่คุณสมบัติ และการใช้งานจริง

หากคุณเป็นคนหนึ่งที่กำลังมองหาไม้เนื้อแข็งคุณภาพดี มีทั้งความแข็งแรง ความยืดหยุ่น และเส้นลายไม้ที่สวยสะอาดตา “ ไม้แอช ” (Ash Wood) คือหนึ่งในตัวเลือก ไม้แปรรูป ที่ไม่ควรมองข้าม ไม่ใช่แค่เรื่องของความสวยงามหรือความนิยมในวงการตกแต่งเท่านั้น แต่ไม้ชนิดนี้ยังมีภูมิหลังที่น่าสนใจตั้งแต่ระดับโครงสร้างทางพฤกษศาสตร์ ไปจนถึงคุณสมบัติทางกายภาพที่ตอบโจทย์การใช้งานหลากหลาย

บทความนี้จะพาคุณไปรู้จัก “ไม้แอช” ให้ลึกกว่าที่เคย ตั้งแต่ต้นกำเนิด ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ที่น่าทึ่ง จุดเด่นด้านวัสดุศาสตร์ ไปจนถึงการประยุกต์ใช้งานจริง ทั้งในงานเฟอร์นิเจอร์ พื้นไม้ และของแต่งบ้านสไตล์ต่าง ๆ

1.ไม้แอช คือไม้จากต้นอะไร?

White Ash หรือที่รู้จักในชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Fraxinus americana คือหนึ่งในไม้แอชที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในโลก และเป็นไม้เนื้อแข็งที่มีความสำคัญทางเศรษฐกิจในทวีปอเมริกาเหนือ โดยเฉพาะในสหรัฐอเมริกาและแคนาดา

2. ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ของต้นแอช

ต้นแอช (Fraxinus spp.) เป็นไม้ยืนต้นผลัดใบ (deciduous tree) ที่เติบโตในภูมิอากาศเขตอบอุ่น พบได้ในทวีปอเมริกาเหนือ ยุโรป และเอเชีย ลักษณะโดยรวมของต้นแอชเต็มไปด้วยองค์ประกอบที่สะท้อนถึงความแข็งแรงแต่ก็มีความยืดหยุ่นในตัวเอง

2.1 ลำต้น (Trunk)

  • ต้นแอชเมื่อโตเต็มที่จะสูงประมาณ 20–35 เมตร โดยมีลำต้นตั้งตรง เส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 0.5–1 เมตร
  • เปลือกไม้ช่วงอายุน้อยจะเรียบ สีเทาหรือเทาอ่อน แต่เมื่อมีอายุมากขึ้น เปลือกจะแตกเป็นร่องลึก สีออกเทาเข้มหรือสีน้ำตาล
  • เนื้อไม้ภายในแน่นและเสี้ยนตรง เป็นลักษณะที่ทำให้ไม้แอชถูกเลือกใช้ในการแปรรูปมากกว่าสายพันธุ์อื่นในวงศ์เดียวกัน

2.2 กิ่งและก้าน (Branches & Twigs)

  • กิ่งของต้นแอชเติบโตแบบตรงและแผ่เป็นวงกว้าง สร้างทรงพุ่มที่สมดุล
  • กิ่งอ่อนมีสีเทาเข้มหรือม่วงอมเทา ผิวเรียบ มีรูระบายอากาศขนาดเล็ก (lenticels)
  • ระบบกิ่งของแอชออกเป็นคู่ตรงข้าม (opposite branching) ซึ่งเป็นลักษณะเด่นเฉพาะของพืชในสกุล Fraxinus

2.3 ใบ (Leaves)

  • ใบของต้นแอชเป็น ใบประกอบแบบขนนก (pinnate compound leaves) มีใบย่อยเรียงอยู่ข้างแกนกลาง
  • ใบย่อยมีขอบหยักละเอียด ปลายใบเรียว โคนสอบ มักมีจำนวน 5–11 ใบย่อยต่อใบหลัก
  • ขนาดของใบแต่ละใบอยู่ที่ประมาณ 20–40 ซม. ทั้งใบรวมกัน
  • ใบของต้นแอชจะเปลี่ยนสีเป็นเหลืองทองในฤดูใบไม้ร่วงก่อนจะร่วงหมดในฤดูหนาว

2.4 ระบบราก (Roots)

  • ต้นแอชมีระบบรากที่ ลึกและแผ่กว้าง ทำให้ยึดเกาะดินได้ดีและทนต่อแรงลม
  • รากแก้ว (taproot) จะพัฒนาในช่วงต้นของการเติบโต จากนั้นจะแตกแขนงเป็นรากด้านข้าง (lateral roots) อย่างมั่นคง
  • รากของแอชมีบทบาทสำคัญในการดูดซับน้ำในพื้นที่ที่มีความชื้นไม่สม่ำเสมอ และทำให้ต้นไม้สามารถอยู่รอดในพื้นที่หลากหลายได้ดี

2.5 ดอกและผล (Flowers & Fruit)

  • ต้นแอชออกดอกเป็นช่อขนาดเล็ก สีขาวหรือม่วงอ่อนในช่วงฤดูใบไม้ผลิ
  • ดอกมักไม่มีกลีบ หรือมีกลีบเล็กมาก (ในบางสายพันธุ์) และมักแยกเพศ
  • ผลมีลักษณะเป็น ซามารา (samara) — เมล็ดมีปีกด้านหนึ่ง ช่วยให้ปลิวไปตามลมคล้ายเมล็ดมะม่วงหิมพานต์
  • ช่วงที่เมล็ดสุกและร่วงจะอยู่ในฤดูใบไม้ร่วงถึงต้นฤดูหนาว

 

6 ประเภทของไม้แอช พร้อมชื่อวิทยาศาสตร์และจุดเด่นของแต่ละสายพันธุ์

3.จุดเด่นของ White Ash ที่ทำให้โดดเด่นเหนือไม้ชนิดอื่น

  • สีไม้: กระพี้สีขาวนวลถึงเหลืองอ่อน ส่วนแก่นไม้มีสีน้ำตาลอ่อนถึงเข้ม แตกต่างชัดเจน ให้ลวดลายธรรมชาติที่โดดเด่น
  • ลายไม้: เสี้ยนไม้ตรง ลายชัด ดูสะอาดตา เหมาะกับงานตกแต่งภายในที่ต้องการความเรียบหรู
  • น้ำหนักเบาแต่แข็งแรง: แม้จะเบากว่าไม้โอ๊คและฮิคคอรี แต่กลับมีความแข็งแรงสูงมาก
  • ความยืดหยุ่น: สามารถดัดโค้งด้วยไอน้ำได้ดีเยี่ยม จึงนิยมใช้ในงานเฟอร์นิเจอร์ที่มีเส้นโค้งหรือดีไซน์ออร์แกนิก

4. ตำนานและความเชื่อของไม้แอช

ต้นแอชไม่ได้เป็นเพียงไม้เนื้อแข็งที่ใช้ในงานก่อสร้างหรือเฟอร์นิเจอร์เท่านั้น แต่ยังแฝงไปด้วยเรื่องเล่าลี้ลับและความเชื่อในหลากหลายวัฒนธรรมมาตั้งแต่โบราณ ในหลายภูมิภาคของยุโรป เชื่อกันว่า ต้นแอชมีพลังในการรักษาและปกป้อง ผู้คนมักนำไม้แอชไปเผาเพื่อขับไล่วิญญาณชั่วร้าย หรือใช้เป็นเครื่องรางเพื่อป้องกันภัยจากสิ่งที่มองไม่เห็น

4.1 ในตำนานนอร์ส

ต้นแอชถูกยกให้เป็น “ต้นไม้แห่งชีวิต” (Tree of Life) ที่มีชื่อว่า Yggdrasil — เป็นต้นไม้ขนาดมหึมาที่เชื่อมโยงทั้ง 9 โลกในจักรวาลของเทพเจ้านอร์ส และมีรากลึกลงไปถึงโลกแห่งคนตาย ในขณะเดียวกันก็แผ่กิ่งก้านไปถึงโลกของมนุษย์และเทพเจ้า ตามตำนาน มนุษย์คนแรกของโลกก็ถือกำเนิดจากต้นแอชนี้เอง

5.ประเภทของไม้แอช

5.1 Black Ash (Fraxinus nigra) – ไม้แอชดำ

  • แหล่งกำเนิด: แถบตะวันออกของแคนาดาและภาคตะวันออกเฉียงเหนือของสหรัฐฯ

  • ลักษณะเด่น: เปลือกสีเทาเข้ม หนา และแตกเป็นร่องเมื่อโตขึ้น ใบประกอบมี 7–13 แฉก

  • ประโยชน์ทางธรรมชาติ: สัตว์กินเมล็ด, กวางและมูสกินใบ

  • ความสูง: 15–20 เมตร

  • ดิน: ร่วน ทราย เป็นกรดถึงด่างอ่อน

  • ความทนต่อ Emerald Ash Borer (EAB): ต่ำมาก (ถูกทำลายง่าย)

  • เหมาะกับพื้นที่ชุ่มชื้น และมีระบบนิเวศหลากหลาย


5.2  Green Ash (Fraxinus pennsylvanica) – แอชเขียว / แอชน้ำ / แอชแดง

  • แหล่งกำเนิด: อเมริกาเหนือ

  • ลักษณะเด่น: ใบ 5–9 แฉก สีเหลืองในฤดูใบไม้ร่วง เปลือกลายเพชร

  • ข้อดี: ทนต่อมลพิษและเกลือ ใช้ปลูกในเมืองได้ดี

  • ความสูง: 15–21 เมตร

  • ดิน: เป็นกรดถึงด่างอ่อน

  • ความทนต่อ EAB: ต่ำมาก

  • ไม่แนะนำปลูกในพื้นที่มีปัญหา EAB


5.3 White Ash (Fraxinus americana) – แอชขาว / Biltmore Ash

  • แหล่งกำเนิด: อเมริกาตะวันออก

  • ลักษณะเด่น: ใบ 5–9 แฉก ด้านบนเขียว ด้านล่างสีอ่อน เปลี่ยนสีเป็นเหลืองม่วง

  • เปลือก: ลายเพชรชัดเจนมากในต้นแก่

  • ความสูง: 18–36 เมตร

  • ดิน: ร่วน ชุ่มน้ำ ระบายน้ำดี

  • ความทนต่อ EAB: ต่ำมาก

  • นิยมใช้ทำไม้เบสบอล เฟอร์นิเจอร์ งานไม้คุณภาพสูง


5.4 Blue Ash (Fraxinus quadrangulata) – แอชน้ำเงิน

  • แหล่งกำเนิด: แถบมิดเวสต์ของสหรัฐฯ

  • จุดเด่น: เปลือกชั้นในกลายเป็นสีฟ้าได้ กิ่งอ่อนเป็นรูปสี่เหลี่ยม

  • ใบ: 7–11 แฉก สีเทาและเหลืองหม่น

  • ความสูง: 15–23 เมตร

  • ดิน: ร่วน ระบายน้ำดี กรด–ด่างได้หมด

  • ความทนต่อ EAB: ปานกลาง

  • ทนแล้งได้ดี เหมาะกับพื้นที่แห้ง


5.5 California Ash (Fraxinus dipetala) – แอชแคลิฟอร์เนีย / Two-Petal Ash

  • แหล่งกำเนิด: California, Arizona, Utah, Nevada

  • ขนาดเล็ก: เป็นพุ่มหรือไม้ต้นเล็ก

  • ดอก: สีขาว มีกลิ่นหอม 2 กลีบ

  • ใบ: 3–9 แฉก ปลายมน ขอบฟันเลื่อย

  • ความสูง: 6–7 เมตร

  • ความทนต่อ EAB: ยังไม่ทราบแน่ชัด (เริ่มแพร่ในฝั่งตะวันตก)

  • เหมาะกับพื้นที่แห้งและปลูกในกระถางได้


5.6 Carolina Ash (Fraxinus caroliana) – แอชแคโรไลนา / Florida Ash / Swamp Ash

  • แหล่งกำเนิด: รัฐ Carolinas และพื้นที่ชุ่มน้ำ

  • เหมาะกับ: ดินเปียก น้ำขัง ชายป่า

  • ความสูง: 9–18 เมตร

  • ความทนต่อ EAB: ยังไม่แน่ชัด

  • เหมาะกับพื้นที่ชื้นมาก และปลูกในเงาได้


5.7 European Ash (Fraxinus excelsior) – แอชยุโรป / Common Ash

  • แหล่งกำเนิด: ทั่วยุโรป

  • ลักษณะเด่น: ใบ 7–13 แฉก ตากลมดำ

  • ความสูง: 18–24 เมตร (มักกว้างกว่าสูง)

  • ความทนต่อ EAB: ปานกลาง

  • มีพันธุ์ที่ใช้ประดับ และบางพันธุ์มีสีเหลืองในฤดูใบไม้ร่วง


5.8 Gregg’s Ash (Fraxinus greggii) – แอชเกร็ก / Little Leaf Ash

  • แหล่งกำเนิด: Arizona, New Mexico, Texas

  • ลักษณะเด่น: ใบเล็กมาก (3–11 แฉก) เปลือกเรียบ

  • ขนาด: เป็นไม้พุ่มขนาดใหญ่ สูง ~3–4.5 เมตร

  • ความทนต่อ EAB: ยังไม่แน่ชัด

  • ปลูกในกระถางหรือสวนแห้งได้ดี ทนแล้ง


5.9 Manna Ash (Fraxinus ornus) – แอชมานา / Flowering Ash

  • แหล่งกำเนิด: ยุโรปใต้และเอเชียตะวันตกเฉียงใต้

  • จุดเด่น: น้ำยางหวาน ใช้ทำยาหรือของหวาน

  • ดอก: สวยงามมาก ออกดอกเดือนพฤษภาคม

  • ความสูง: 12–15 เมตร

  • ความทนต่อ EAB: ปานกลางถึงต่ำ

  • เหมาะปลูกประดับ ต้นไม้สวยงาม ดินหลากหลาย


5.10 Narrow Leaf Ash (Fraxinus angustifolia) – แอชใบแคบ / Claret Ash

  • แหล่งกำเนิด: ยุโรป แอฟริกา และเอเชีย

  • ลักษณะเด่น: ใบยาวแคบ 3–13 แฉก ดอกม่วงในฤดูใบไม้ร่วง

  • ความสูง: 15–24 เมตร

  • ความทนต่อ EAB: ปานกลางถึงต่ำ

  • นิยมปลูกในเมืองหรือพื้นที่แห้ง


5.11 Pumpkin Ash (Fraxinus profunda) – แอชฟักทอง

  • แหล่งกำเนิด: อเมริกาตะวันออก

  • จุดเด่น: โคนต้นพองเป็นก้อนเหมือนฟักทอง

  • ใบ: 7–9 แฉก สีแดงบรอนซ์ในฤดูใบไม้ร่วง

  • ความสูง: 18–24 เมตร

  • ความทนต่อ EAB: ต่ำมาก

  • ไม่แนะนำปลูกแล้ว เนื่องจาก EAB รุนแรงมาก


5.12 Velvet Ash (Fraxinus velutina) – แอชขนนุ่ม / Arizona Ash / Modesto Ash

  • แหล่งกำเนิด: ตะวันตกเฉียงใต้ของสหรัฐ

  • ลักษณะเด่น: กิ่งอ่อนมีขน เปลือกแตกเป็นร่อง

  • ความสูง: 6–12 เมตร

  • ความทนต่อ EAB: ยังไม่แน่ชัด

  • โตเร็ว เหมาะกับดินด่างหรือเปียก


5.13 Manchurian Ash (Fraxinus mandschurica) – แอชแมนจูเรีย

  • แหล่งกำเนิด: เอเชียตะวันออก (จีน เกาหลี ญี่ปุ่น)

  • จุดเด่น: ทน EAB ได้ดีมาก ใบ 11 แฉก สีเหลืองในฤดูใบไม้ร่วง

  • ความสูง: 12–15 เมตร

  • ดิน: ชื้น ระบายน้ำดี pH หลากหลาย

  • กำลังเป็นสายพันธุ์ทางเลือกที่ใช้พัฒนาไม้แอชลูกผสมในอเมริกา

ref : https://www.thespruce.com/twelve-species-of-ash-trees-3269661

ลักษณะพฤกษศาสตร์ของไม้แอช เช่น ใบประกอบแบบขนนก กิ่งแผ่สวยงาม เปลือกแตกเป็นร่อง 2. Title:

6.ค่าทางเทคนิคที่สำคัญของไม้แอช

  • ความถ่วงจำเพาะ (ที่ความชื้น 12%) 0.6
  • น้ำหนักเฉลี่ย 673 กก./ลบ.ม.
  • อัตราการหดตัวโดยเฉลี่ย (จากไม้สดถึงแห้ง 6%) 10.70%
  • โมดูลัสการดัด (Modulus of Rupture) 103.425 MPa
  • โมดูลัสความยืดหยุ่น (Modulus of Elasticity) 11,977 MPa
  • ความแข็ง (Janka Hardness) 5,871 N
  • ความต้านแรงอัด (ขนานเสี้ยนไม้) 51.092 MPa

ref : https://www.americanhardwood.org/th/american-hardwood

7.การใช้งานหลักของไม้แอช

ไม้แอชเป็นหนึ่งในไม้เนื้อแข็งที่มีการจัดการป่าไม้อย่างยั่งยืน ได้รับการรับรองด้านสิ่งแวดล้อมระดับสากล จึงกลายเป็นตัวเลือกยอดนิยมในหมู่นักออกแบบ สถาปนิก และผู้ใช้งานทั่วโลก

จุดเด่นของไม้แอชอยู่ที่ความแข็งแรง เส้นลายสวย และการตอบสนองต่อการใช้งานจริง ทำให้สามารถนำไปใช้ได้ในงานหลากหลายประเภท เช่น:

  • วัสดุปูพื้นห้อง (เช่น พื้นไม้จริง)
  • เฟอร์นิเจอร์ (เช่น เก้าอี้ โต๊ะ ตู้)
  • ประตู (ทั้งภายในและภายนอก)

รวมถึงใช้ในโครงการตกแต่งภายใน อาคารพาณิชย์ หรือแม้แต่อุปกรณ์กีฬาและเครื่องมือในครัว ที่ต้องการวัสดุที่ทั้งทนทานและดูดีในระยะยาว

การใช้งานของไม้แอชในงานเฟอร์นิเจอร์และพื้นไม้จริง

ไม้แอชไม่ใช่แค่ไม้เนื้อแข็งธรรมดา แต่เป็นวัสดุที่เต็มไปด้วยเสน่ห์ ทั้งในแง่ของลวดลาย สีสัน ความแข็งแรง และความหมายเชิงวัฒนธรรม จากต้นไม้ในตำนานนอร์ส สู่ไม้เฟอร์นิเจอร์ที่ได้รับความนิยมทั่วโลก ไม้แอชคือคำตอบสำหรับใครที่ต้องการวัสดุที่ “ทั้งสวย ทั้งแกร่ง และใช้งานได้จริง”

 

และหากคุณกำลังมองหาไม้แอชคุณภาพสูงจากแหล่งที่เชื่อถือได้ “วิวัฒน์ชัยค้าไม้” คัดสรรและนำเข้าไม้แอชแท้จากอเมริกาทุกแผ่นผ่านการคัดเกรดอย่างพิถีพิถัน เหมาะสำหรับงานตกแต่ง เฟอร์นิเจอร์ และโครงการระดับมืออาชีพ

Contact :
Line OA : @viwatchai
Social Media Link : https://linktr.ee/viwatchai.kamai
Google Map : https://maps.app.goo.gl/9SUJ3URFxuuzTVc19
Call : 02-585-7575, 02-585-6950

 
Google Map
Line
Line
Google Map