• ช่างไม้: ที่ต้องการวัสดุราคาย่อมเยา ทำงานง่าย น้ำหนักเบา และใช้ได้กับเครื่องมือทั่วไป ทั้งยังเหมาะกับงานผลิตชิ้นส่วนที่ต้องการความแม่นยำ เช่น โครงเฟอร์นิเจอร์ บานพับ ลิ้นชัก ไปจนถึงชั้นวางของ บันไดไม้ หรือท็อปโต๊ะเล็ก ๆ ที่เน้นงานฝีมือและความประณีต

• นักออกแบบภายใน: ที่มองหาไม้ลายเรียบ สีอ่อน สัมผัสนุ่มตา ซึ่งเข้าได้กับสไตล์โมเดิร์น สแกนดิเนเวียน หรือญี่ปุ่น งานตกแต่งภายในที่นิยมใช้ไม้ยางพารา เช่น ผนังตกแต่ง พื้นไม้ลามิเนตลายไม้ยาง เฟอร์นิเจอร์บิวท์อิน และเคาน์เตอร์โชว์สินค้า เพราะไม้ชนิดนี้สามารถเคลือบผิว ปิดผิวลามิเนต หรือทำสีได้อย่างเรียบเนียน

• เจ้าของบ้าน: ที่อยากสร้างของใช้ DIY ในบ้านด้วยไม้จริง เช่น โต๊ะกาแฟ ชั้นวางของ โต๊ะอ่านหนังสือ ไปจนถึงงานตกแต่งเล็ก ๆ อย่างกรอบรูป กล่องใส่ของ หรือชั้นไม้แขวนผนัง เนื่องจากไม้ยางพาราตัดง่าย เจาะง่าย และสามารถพ่นสีหรือเคลือบผิวได้หลากหลาย เหมาะกับคนที่รักงานทำมือและต้องการเฟอร์นิเจอร์ที่มีความอบอุ่นแบบธรรมชาติ

• ผู้รับเหมาและโรงงานเฟอร์นิเจอร์: ที่ต้องการวัสดุแปรรูปในปริมาณมาก โดยไม้ยางพาราประสาน (Finger Joint) และไม้โครงยางพาราได้รับความนิยมสูง เพราะมีต้นทุนต่ำกว่าไม้เนื้อแข็งอื่น ๆ แต่ยังคงความแข็งแรงเพียงพอต่อการผลิตเฟอร์นิเจอร์ขนาดใหญ่ เช่น เตียงนอน ตู้เสื้อผ้า โต๊ะทานอาหาร หรือชุดครัวบิวท์อิน และสามารถนำไปใช้ผลิตเฟอร์นิเจอร์แบบ mass production ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ไม้ยางพาราจึงไม่ได้จำกัดเฉพาะงานเล็กหรือชิ้นเดียว แต่ยังสามารถขยายไปสู่งานเฟอร์นิเจอร์เต็มชุด งานตกแต่งระดับโครงการ หรือแม้แต่การสร้างแบรนด์ผลิตภัณฑ์ไม้เองได้เช่นกัน หากเลือกใช้ให้เหมาะสมกับลักษณะงาน และแหล่งจัดซื้อที่เชื่อถือได้