พื้นไวนิล คืออะไร? เจาะลึกตั้งแต่โครงสร้างยันข้อควรระวัง ก่อนติดตั้งต้องอ่านให้จบ!

พื้นไวนิล คืออะไร? เจาะลึกตั้งแต่โครงสร้างยันข้อควรระวัง ก่อนติดตั้งต้องอ่านให้จบ!

พื้นไวนิลคืออะไร? เจาะลึกตั้งแต่โครงสร้างยันข้อควรระวัง ก่อนติดตั้งต้องอ่านให้จบ!

ในยุคที่ความสวยงามต้องมาคู่กับความทนทานและติดตั้งง่าย “พื้นไวนิล” กลายเป็นตัวเลือกยอดนิยมที่เข้ามาแทนพื้นไม้ กระเบื้อง หรือหินธรรมชาติในหลายพื้นที่ ไม่ว่าจะเป็นบ้านพักอาศัย คอนโด ไปจนถึงร้านค้าและสำนักงานต่าง ๆ แต่รู้หรือไม่? พื้นไวนิลไม่ได้เหมือนกันทั้งหมด! ทั้งโครงสร้าง การผลิต วัสดุ ไปจนถึงวิธีติดตั้ง ล้วนมีรายละเอียดที่ส่งผลต่ออายุการใช้งาน ความปลอดภัย และความคุ้มค่าในระยะยาว บทความนี้จะพาคุณเจาะลึกทุกมิติของพื้นไวนิล ตั้งแต่ชนิดของวัสดุ โครงสร้างแต่ละชั้น วิธีติดตั้ง ไปจนถึงข้อควรระวัง ก่อนตัดสินใจเลือกพื้นไวนิลที่ใช่สำหรับคุณ!

1.พื้นไวนิลคืออะไร?

พื้นไวนิล (Vinyl Flooring) หรือที่หลายคนรู้จักกันในชื่อกระเบื้องยางไวนิล คือวัสดุปูพื้นที่ถูกออกแบบมาให้มีลวดลายและพื้นผิวใกล้เคียงกับไม้หรือหินธรรมชาติ แต่ผลิตจากวัสดุสังเคราะห์ โดยพื้นไวนิลส่วนใหญ่ทำจากพลาสติกโพลิเมอร์ประเภทโพลิไวนิลคลอไรด์ (PVC) สามารถแบ่งออกเป็น 3 ประเภทหลัก ๆ ตามวัตถุดิบที่ใช้

1.1 Virgin Vinyl 100% (ไวนิลบริสุทธิ์ 100%)

ข้อดี:

  • โครงสร้างแน่นหนา ไม่บิด ไม่หดตัว
  • สีและลายพิมพ์คมชัด ไม่ซีดง่าย
  • ปล่อยสาร VOC ต่ำ (ปลอดภัยต่อสุขภาพ)
  • อายุการใช้งานยาวนานกว่า 10-15 ปี
  • ไม่มีสิ่งเจือปนหรือกลิ่นฉุน

ข้อเสีย:

  • ราคาสูงที่สุดในทั้ง 3 ประเภท
  • มีน้ำหนักมากกว่าเล็กน้อย

1.2 Virgin Vinyl + Recycled Vinyl (ผสมระหว่างของใหม่และของรีไซเคิล)

ข้อดี:

  • ราคาเข้าถึงง่ายกว่าประเภท Virgin 100%
  • คุณภาพโดยรวมถือว่า “ดีพอใช้” สำหรับการใช้งานทั่วไป
  • ได้ทั้งความแข็งแรงระดับหนึ่ง และลดต้นทุนการผลิต

ข้อเสีย:

  • สีและลายอาจไม่คมเท่า Virgin 100%
  • อาจมีโอกาสปล่อย VOC ในปริมาณปานกลาง
  • หากสัดส่วน Recycle มากเกินไป อาจส่งผลต่อความทนทาน

1.3 Recycled Vinyl 100% (ไวนิลรีไซเคิลล้วน)

ข้อดี:

  • ราคาถูกที่สุด เหมาะกับงบจำกัด
  • เป็นทางเลือกที่ดีสำหรับงานชั่วคราวหรืองานที่ไม่เน้นคุณภาพสูง

ข้อเสีย:

  • อายุใช้งานสั้น อาจหดตัวหรือบิดงอง่าย
  • ลายพิมพ์ไม่คม สีอาจซีด
  • มีกลิ่นสารเคมีมากกว่าปกติ
  • มีโอกาสปล่อย VOC สูง
  • ไม่แนะนำสำหรับพื้นที่เปียกหรือใช้งานหนัก

ซึ่งมีความแข็งแรงและยืดหยุ่นคล้ายยางรถยนต์ ทนทาน ราคาเข้าถึงได้ และติดตั้งง่ายกว่าพื้นไม้จริงหรือกระเบื้องเซรามิกทั่วไป ขณะเดียวกันก็มีประเภทที่ผลิตจากยางธรรมชาติ 100% ซึ่งให้ผิวสัมผัสนุ่ม เหมาะกับการใช้งานในพื้นที่ที่ต้องการลดแรงกระแทก เช่น ห้องเด็ก หรือบ้านพักอาศัยทั่วไป ทำให้พื้นไวนิลกลายเป็นทางเลือกยอดนิยมในยุคใหม่ที่ต้องการความสวยงาม ทนทาน และใช้งานได้หลากหลาย

2.โครงสร้างของพื้นไวนิล

โครงสร้างของพื้นไวนิลแต่ละชั้น ตั้งแต่ชั้นเคลือบ UV จนถึงชั้นรองพื้น

โครงสร้าง 7 ชั้นของพื้นไวนิล Allure ซึ่งอาจจะมีโครงสร้างต่างจากพื้นไวนิลทั่วไป

1. Environment Friendly Ceramic Bead Coating ชั้นเคลือบผิวด้วยเม็ดเซรามิก เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

หน้าที่:

  • ช่วยป้องกันพื้นจากรังสี UV
  • ลดการซีดจางของสีเมื่อโดนแสงแดด
  • เพิ่มความแข็งแรงผิวหน้า และความทนทานต่อรอยขีดข่วน
  • ไม่ปล่อยสารพิษ เป็นมิตรกับผู้ใช้งานและสิ่งแวดล้อม

2. 0.5 mm Thick Commercial Grade Wear Layer ชั้นกันรอยเกรดพาณิชย์ หนา 0.5 มม. (พื้นไวนิลทั่วไป)

หน้าที่:

  • ป้องกันรอยขีดข่วน รอยลากจากเฟอร์นิเจอร์หรือรองเท้า
  • ยืดอายุการใช้งานของพื้นในพื้นที่ที่มีการใช้งานหนัก เช่น โรงแรม ออฟฟิศ
  • เป็นตัวรับแรงเสียดสีโดยตรง

3. Decorative PVC Printed Film ชั้นฟิล์มพีวีซีลวดลาย (เป็นมาตรฐานพื้นไวนิล)

หน้าที่:

  • แสดงลวดลายไม้ หิน หรือดีไซน์อื่น ๆ บนผิวพื้น
  • เป็นชั้นที่กำหนด “ความสวย” และโทนสีของพื้น
  • พิมพ์ลายด้วยเทคโนโลยีคุณภาพสูง ให้ภาพเสมือนไม้จริง

4. 2 Layers of Solid Virgin Vinyl ชั้นโครงสร้างพีวีซีบริสุทธิ์ 2 ชั้น

หน้าที่:

  • เสริมความแข็งแรงให้กับพื้นโดยไม่ใช้วัสดุรีไซเคิล
  • คงรูป ไม่ยืดหรือหดง่าย
  • ช่วยรองรับน้ำหนักการเดินและแรงกดจากของหนักได้ดี

5. Fiberglass Sheet แผ่นใยแก้วเสริมโครงสร้าง

หน้าที่:

  • เพิ่มความเสถียรให้พื้น ลดการโก่งหรือบิดตัว
  • ควบคุมการขยาย-หดตัวจากอุณหภูมิและความชื้น
  • ทำให้แผ่นพื้นวางแนบสนิทกับพื้นจริง

6. 3 Layers of Solid Virgin Vinyl พีวีซีบริสุทธิ์ 3 ชั้นเสริมพิเศษ (พื้นไวนิล จะมีเพียง 1 ชั้น)

หน้าที่:

  • เพิ่มความหนาแน่น แข็งแรงยิ่งขึ้น
  • ช่วยเสริมชั้นกลางให้มีความทนทานระดับสูง
  • รองรับแรงกระแทกได้ดีกว่าโครงสร้างทั่วไป

7. Bonden Vinyl Back ชั้นฐานพีวีซีล่างสุด

หน้าที่:

  • ช่วยให้พื้นยึดเกาะกับพื้นผิวเดิมได้แน่นหนา
  • ป้องกันความชื้นจากพื้นล่าง
  • เสริมความยืดหยุ่นและคงรูปของแผ่นพื้นโดยรวม

3. วิธีติดตั้งพื้นไวนิล

3.1 พื้นไวนิลแบบทากาว (Glue Down Vinyl Flooring)

การติดตั้งพื้นไวนิลแบบทากาว เป็นวิธีที่นิยมใช้ในพื้นที่ที่ต้องการความแน่นหนาและการยึดเกาะที่ดี เช่น อาคารสำนักงาน ร้านค้า หรือห้องที่มีการสัญจรบ่อย โดยพื้นจะถูกติดลงบนพื้นผิวที่เตรียมไว้แล้วอย่างเรียบเนียน จากนั้นใช้กาวพิเศษสำหรับพื้นไวนิลทาให้ทั่วก่อนวางแผ่นไวนิลลงไป การติดตั้งแบบนี้จะให้ผลลัพธ์ที่เรียบสนิท ไม่มีเสียงฝืดหรือโยกเมื่อเดินผ่าน และมีความทนทานสูง แต่จะใช้เวลามากกว่าวิธีอื่น ต้องอาศัยช่างที่มีประสบการณ์เพื่อให้แน่ใจว่าแผ่นไวนิลเรียงตรงและยึดแน่นกับพื้นเดิมอย่างไม่มีช่องว่าง

3.2 พื้นไวนิลแบบคลิกล็อค (Click Lock Vinyl Flooring)

พื้นไวนิลระบบคลิกล็อค เป็นตัวเลือกที่เหมาะกับผู้ที่ต้องการติดตั้งเองหรือกำลังรีโนเวทบ้าน เพราะติดตั้งง่าย ไม่ต้องใช้กาว แค่เตรียมพื้นให้สะอาดและเรียบ จากนั้นวางแผ่นไวนิลโดยให้แต่ละแผ่น “คลิก” เข้าหากันตามระบบลิ้น-ร่องที่ออกแบบมาให้แนบสนิท ซึ่งช่วยลดปัญหาพื้นลอยหรือเผยอในอนาคต พื้นชนิดนี้เหมาะกับพื้นที่พักอาศัยทั่วไป เช่น ห้องนั่งเล่น ห้องนอน หรือคอนโด เพราะทั้งสวย ติดตั้งเร็ว และหากต้องการเปลี่ยน ก็สามารถถอดและรื้อแผ่นออกได้โดยไม่ทำลายพื้นเดิม

4. คุณสมบัติของพื้นไวนิล

พื้นไวนิลกับคุณสมบัติเด่น ทั้งกันน้ำ ทนรอยขีดข่วน และดูแลรักษาง่าย
  • ทนน้ำ 100% ไม่ดูดซึมน้ำ เหมาะกับพื้นที่เปียก เช่น ห้องครัว ห้องน้ำโซนแห้ง
  • กันปลวกและแมลง เพราะไม่มีส่วนผสมของไม้จริง ปลวกไม่กิน
  • ทนรอยขีดข่วน ด้วยชั้น Wear Layer ที่ออกแบบมาสำหรับป้องกันรอยรองเท้าและเฟอร์นิเจอร์
  • ยืดหยุ่น เดินนุ่มเท้า ลดแรงกระแทกจากการเดิน เหมาะกับบ้านที่มีผู้สูงอายุหรือเด็ก
  • ติดตั้งง่าย มีทั้งแบบคลิกล็อค (Click Lock) และแบบทากาว ปูทับพื้นเดิมได้โดยไม่ต้องรื้อ
  • ลวดลายเสมือนไม้จริง/หินธรรมชาติ ให้ความสวยงาม เหมือนได้อารมณ์วัสดุธรรมชาติ แต่ดูแลง่ายกว่า

5.ข้อควรระวังในการใช้งานพื้นไวนิล

  • ไม่ควรติดตั้งในพื้นที่กลางแจ้งหรือโดนแดดจัด แสง UV รุนแรงอาจทำให้สีซีดหรือแผ่นโค้งงอได้ แม้จะมีชั้นป้องกัน UV ก็ตาม
  • ควรเตรียมพื้นให้เรียบก่อนติดตั้ง หากพื้นไม่เรียบ อาจทำให้แผ่นคลิกล็อคไม่สนิทหรือเกิดเสียงเวลาเดิน
  • ไม่ทนต่อของมีคม/ความร้อนสูงโดยตรง หลีกเลี่ยงการวางของร้อน เช่น เตารีด หรือหม้อร้อนบนพื้นโดยตรง
  • ต้องเลือกเกรดที่เหมาะกับการใช้งาน พื้นบางรุ่นออกแบบมาเพื่อใช้ในบ้าน (residential) บางรุ่นเพื่อพื้นที่เชิงพาณิชย์ (commercial)

6.พื้นที่ใช้งานที่เหมาะสม

พื้นที่ใช้งานที่เหมาะสมสำหรับพื้นไวนิล เช่น ห้องครัว ห้องน้ำ ห้องนั่งเล่น

6.1 บ้านพักอาศัย: ห้องนอน, ห้องนั่งเล่น, ห้องครัว

ทำไมถึงเหมาะ:

พื้นไวนิลมีผิวสัมผัสนุ่ม เดินสบายเท้า ไม่เย็นเหมือนกระเบื้อง และไม่แข็งกระด้างเหมือนไม้จริง เหมาะมากสำหรับห้องที่เน้นความรู้สึกอบอุ่น นอกจากนี้ยังกันน้ำได้ดี จึงเหมาะกับห้องครัวที่อาจมีความชื้นหรือน้ำหกบ่อยครั้ง และยังดูแลทำความสะอาดง่ายในชีวิตประจำวัน

6.2 คอนโด: พื้นที่ภายในทุกส่วน (ยกเว้นระเบียงกลางแจ้ง)

ทำไมถึงเหมาะ: ด้วยความบางของพื้นไวนิลเมื่อเทียบกับพื้นไม้หรือกระเบื้อง ทำให้ไม่เพิ่มความสูงของพื้นห้องมากนัก ซึ่งเหมาะกับการรีโนเวทคอนโด นอกจากนี้ระบบ Click Lock ยังช่วยให้ติดตั้งง่ายโดยไม่ต้องรื้อพื้นเก่า การดูแลรักษาก็ง่าย และยังช่วยเก็บเสียงได้ดีในพื้นที่อยู่อาศัยร่วม

6.3 ฟิตเนส

ทำไมถึงเหมาะ: พื้นไวนิลแบบ commercial grade มี Wear Layer หนาถึง 0.5 มม. จึงสามารถรองรับการเดินสัญจรหนัก ๆ ได้ดี พร้อมทั้งทนรอยขีดข่วนจากล้อเก้าอี้หรือการลากเฟอร์นิเจอร์ และยังช่วยสร้างภาพลักษณ์ให้สำนักงานดูอบอุ่นและเป็นมิตรยิ่งขึ้น

6.4 ร้านค้า / โชว์รูม

ทำไมถึงเหมาะ: พื้นไวนิลมีลวดลายหลากหลาย ตั้งแต่ลายไม้ธรรมชาติไปจนถึงลายหินหรู จึงช่วยให้ร้านค้าดูดีระดับพรีเมียมโดยไม่ต้องลงทุนสูง อีกทั้งยังติดตั้งเร็ว ไม่รบกวนการเปิดร้าน และเมื่อใช้งานแล้วเกิดรอยเล็ก ๆ ก็สามารถเปลี่ยนเฉพาะแผ่นได้ง่าย

6.5 โรงแรม: ห้องพัก, ล็อบบี้, โถงทางเดิน

ทำไมถึงเหมาะ: พื้นไวนิลให้ผิวสัมผัสที่เงียบและนุ่มกว่ากระเบื้อง เหมาะกับการใช้งานในโรงแรมที่ต้องการความสงบ ไม่เสียงดังเมื่อเดินผ่าน อีกทั้งยังมีดีไซน์หรูหราให้เลือกมากมาย โดยไม่ต้องกลัวเรื่องปลวก หรือการซีดจางเมื่อเจอแสงจากโถงทางเดินที่เปิดไฟตลอดเวลา

6.6 สถานศึกษา / ห้องเด็ก

ทำไมถึงเหมาะ: พื้นไวนิลปลอดภัยเพราะไม่ลื่นง่าย และยังยืดหยุ่นพอที่จะช่วยลดแรงกระแทกเมื่อล้ม เหมาะกับห้องเด็กหรือพื้นที่เรียนรู้ นอกจากนี้ยังทนสารเคมี ทำความสะอาดง่าย จึงเหมาะกับพื้นที่ที่ต้องดูแลเรื่องสุขอนามัยอย่างสม่ำเสมอ

 

ref : https://www.myglobalfair.com/

ในบทความนี้ จะเห็นได้ว่าพื้นไวนิลไม่ได้มีแค่ความสวย ,uความทนทาน ความปลอดภัย และการใช้งานที่หลากหลาย ตั้งแต่บ้าน ห้องเด็ก ไปจนถึงอาคารพาณิชย์ ความแตกต่างของวัสดุ Virgin Vinyl กับ Recycle Vinyl ก็เป็นอีกจุดที่ควรพิจารณาให้ดี รวมถึงการเลือกโครงสร้างที่มีชั้นเสริม เช่น Fiberglass หรือ Wear Layer หนา ๆ ก็มีผลต่ออายุการใช้งานโดยตรง

หากคุณกำลังมองหาพื้นไวนิลคุณภาพสูง นำเข้าจากแบรนด์ชั้นนำระดับโลก “Allure” คือคำตอบที่ VK Floor ภูมิใจนำเสนอ Allure จาก VK Floor มาพร้อมเทคโนโลยี ISOCORE® ที่ยกระดับพื้นไวนิลให้เหนือกว่ามาตรฐานทั่วไป ด้วยคุณสมบัติพิเศษที่ตอบโจทย์ทั้งความปลอดภัย สุขภาพ และความเงียบสงบในบ้าน

  • Soft for Knees – ลดแรงกระแทก ถนอมข้อเข่า
    ชั้นโฟมพิเศษในระบบ ISOCORE® ช่วยลดแรงกระแทกจากการเดิน ยืน หรือใช้งานเป็นเวลานาน ลดความเมื่อยล้า เหมาะอย่างยิ่งสำหรับบ้านที่มีผู้สูงอายุ เด็ก หรือผู้ที่มีปัญหาข้อเข่า
  • Anti-Bacterial – ป้องกันแบคทีเรียและเชื้อรา
    เคลือบผิวด้วย Ultra-Fresh Treatment ซึ่งช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อราและแบคทีเรีย ลดกลิ่นอับชื้น และช่วยรักษาสภาพแวดล้อมในบ้านให้สะอาดอยู่เสมอ
  • Noise Reduction – ลดเสียงรบกวนในบ้าน
    ชั้นรอง IXPE Foam ช่วยซับแรงกระแทกและลดเสียงสะท้อน ทำให้การเดินเงียบขึ้น เหมาะกับอาคารสูงหรือบ้านที่ต้องการความสงบ
  • Anti-Slip – ป้องกันการลื่นไถล เพิ่มความปลอดภัย
    พื้นผิวแบบ Embossed Texture ได้รับการออกแบบตามมาตรฐาน R10 Anti-Slip Rating ช่วยลดความเสี่ยงจากการลื่นล้ม โดยเฉพาะเมื่อพื้นเปียก
  • Eco-Friendly Product – ปลอดภัยต่อสุขภาพ เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
    ใช้วัสดุ Virgin PVC ที่ไม่มีโลหะหนักและปล่อยสารระเหยต่ำ (Low VOCs) จึงปลอดภัยทั้งต่อผู้อยู่อาศัยและสิ่งแวดล้อมรอบตัว
Contact :
Social Media Link : https://linktr.ee/VkFloor
Google Map : https://maps.app.goo.gl/9SUJ3URFxuuzTVc19
Call : 081-808-8283, 081-831-9291