Home » Wood Flooring » วิธีดูแลและบำรุงรักษาพื้นไม้ให้สวยเหมือนใหม่ อายุการใช้งานยาวนาน
วิธีดูแลและบำรุงรักษาพื้นไม้ให้สวยเหมือนใหม่ อายุการใช้งานยาวนาน
พื้นไม้ ถือเป็นวัสดุปูพื้นที่ช่วยสร้างบรรยากาศอบอุ่นและสวยงามให้บ้าน แต่เมื่อใช้งานไปนาน ๆ ย่อมมีโอกาสเกิดรอยสึกหรอ ความชื้น หรือความเสียหายต่าง ๆ ที่ทำให้พื้นไม้ไม่สวยเหมือนเดิม การรู้จักสังเกต “สัญญาณเตือน” ว่าพื้นไม้ควรได้รับการซ่อมแซมหรือขัดเคลือบใหม่ จะช่วยยืดอายุการใช้งานและรักษาความสวยงามของบ้านให้คงอยู่เสมอ
1.การทำความสะอาดพื้นไม้ที่ถูกวิธีในชีวิตประจำวัน
1.1 กวาดพื้นด้วยอุปกรณ์ที่เหมาะสม
การกวาดพื้นไม้ควรใช้ไม้กวาดขนอ่อนหรือไม้กวาดไฟฟ้าสำหรับพื้นไม้โดยเฉพาะ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดรอยขีดข่วนจากเศษทรายหรือสิ่งแข็งที่ตกค้าง การกวาดอย่างสม่ำเสมอจะช่วยลดการสะสมของฝุ่นและสิ่งสกปรก ทำให้พื้นไม้ดูสะอาดและยืดอายุการใช้งานได้
1.2 ถูพื้นด้วยผ้าชุบน้ำหมาด ๆ
การถูพื้นไม้ไม่ควรใช้น้ำมากเกินไป เพราะความชื้นอาจซึมเข้าสู่เนื้อไม้และทำให้พื้นบวมได้ ควรใช้ผ้าไมโครไฟเบอร์หรือม็อบที่บิดหมาดแล้วเช็ดเบา ๆ ไปตามแนวลายไม้ วิธีนี้จะช่วยทำความสะอาดได้โดยไม่ทำลายผิวเคลือบของไม้
1.3 เลือกใช้น้ำยาทำความสะอาดที่เหมาะกับพื้นไม้
ควรเลือกใช้น้ำยาทำความสะอาดที่ออกแบบมาสำหรับพื้นไม้โดยเฉพาะ หลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ที่มีสารเคมีแรง ๆ หรือมีส่วนผสมของแอมโมเนียและกรด เพราะจะกัดกร่อนผิวเคลือบและทำให้สีของไม้หมองเร็วขึ้น น้ำยาที่ถูกต้องจะช่วยรักษาความเงางามและความคงทนของพื้นไม้ได้ยาวนาน
1.4 ทำความสะอาดคราบทันทีเมื่อเกิด
หากมีน้ำหกหรือของเหลวตกใส่พื้นไม้ ควรรีบซับออกด้วยผ้าแห้งหรือนุ่มทันที เพราะการปล่อยทิ้งไว้จะทำให้เกิดคราบฝังแน่นหรือความเสียหายจากความชื้นได้ การจัดการกับคราบทันทีจึงเป็นวิธีป้องกันพื้นไม้ไม่ให้เสื่อมสภาพก่อนเวลาอันควร
1.5 ทำความสะอาดเป็นประจำและสม่ำเสมอ
การดูแลพื้นไม้ไม่ใช่เรื่องยาก แต่ต้องทำอย่างต่อเนื่อง การกวาด ถู และดูแลความสะอาดทุกวันหรืออย่างน้อยสัปดาห์ละ 2–3 ครั้ง จะช่วยให้พื้นไม้คงความสวยงามเหมือนใหม่อยู่เสมอ นอกจากนี้ยังลดปัญหาการสะสมของฝุ่น เชื้อรา หรือสิ่งสกปรกที่อาจทำลายพื้นไม้ได้ในระยะยาว
2. การป้องกันรอยขีดข่วนจากการใช้งานและเฟอร์นิเจอร์
การป้องกันรอยขีดข่วนบนพื้นไม้จากการใช้งานและเฟอร์นิเจอร์เป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยยืดอายุการใช้งานและรักษาความสวยงามของพื้นไม้ให้นานที่สุด วิธีที่ง่ายและได้ผลคือการติดตั้งแผ่นรองขาเฟอร์นิเจอร์ เช่น ยาง ซิลิโคน หรือผ้าสักหลาด เพื่อป้องกันการเสียดสีโดยตรงกับพื้นไม้ รวมถึงควรหลีกเลี่ยงการลากเฟอร์นิเจอร์เวลาจะเคลื่อนย้าย ควรยกขึ้นแทนการดึงหรือลาก และในพื้นที่ที่มีการใช้งานบ่อย เช่น ห้องนั่งเล่นหรือโถงทางเดิน ควรปูพรมหรือแผ่นรองพื้นเพิ่มเติมเพื่อลดแรงกดและแรงเสียดสีจากการเดิน นอกจากนี้ควรกำหนดพื้นที่เฉพาะสำหรับสัตว์เลี้ยงหรือหมั่นตัดเล็บสัตว์เลี้ยงเพื่อไม่ให้เกิดรอยบนพื้นไม้ การใส่ใจในรายละเอียดเล็ก ๆ เหล่านี้จะช่วยให้พื้นไม้ดูใหม่ เงางาม และไม่เสียหายง่ายจากการใช้งานประจำวัน
3. การจัดการกับความชื้นและน้ำหกอย่างถูกวิธี
3.1 ซับน้ำทันทีเมื่อหก
เมื่อมีน้ำหกหรือของเหลวตกลงบนพื้นไม้ ควรรีบใช้ผ้าแห้งหรือกระดาษทิชชู่ซับออกทันที ห้ามปล่อยทิ้งไว้จนซึมเข้าช่องไม้หรือรอยต่อ เพราะความชื้นที่ค้างอยู่อาจทำให้ไม้บวม โก่ง หรือเกิดเชื้อราได้
3.2 ใช้ผ้าชุบน้ำหมาด ๆ เช็ดทำความสะอาด
หลังจากซับน้ำแล้ว ควรใช้ผ้าชุบน้ำสะอาดหมาด ๆ เช็ดซ้ำเพื่อขจัดคราบสกปรกที่อาจหลงเหลือ และตามด้วยผ้าแห้งเช็ดอีกครั้ง วิธีนี้จะช่วยให้พื้นไม้สะอาดโดยไม่ทิ้งความชื้นสะสม
2.3 เพิ่มการระบายอากาศในพื้นที่
ถ้ามีความชื้นสะสมมาก เช่น จากฝนสาดหรืออากาศอับ ควรเปิดหน้าต่างหรือใช้พัดลมช่วยระบายอากาศ เพื่อให้พื้นไม้แห้งเร็วขึ้น การไหลเวียนอากาศที่ดีจะช่วยป้องกันเชื้อราหรือกลิ่นอับได้อย่างมีประสิทธิภาพ
3.4 ใช้อุปกรณ์ดูดความชื้นในพื้นที่เสี่ยง
หากพื้นไม้ถูกติดตั้งในพื้นที่ที่มีความชื้นสูง เช่น ห้องครัวหรือใกล้หน้าต่าง ควรใช้เครื่องดูดความชื้นหรือสารดูดความชื้นวางไว้ในห้อง เพื่อลดปริมาณไอน้ำในอากาศที่อาจซึมเข้าสู่พื้นไม้
3.5 เลือกใช้พรมกันน้ำหรือแผ่นรองพื้นในจุดเสี่ยง
ในพื้นที่ที่มีโอกาสน้ำหกบ่อย เช่น ใต้โต๊ะอาหารหรือใกล้ประตูระเบียง ควรใช้พรมกันน้ำหรือแผ่นรองพื้นเพื่อป้องกันไม่ให้น้ำสัมผัสกับไม้โดยตรง วิธีนี้จะช่วยยืดอายุการใช้งานและลดความเสี่ยงจากความเสียหายที่เกิดจากน้ำ
4.ทำความสะอาดคราบทันทีเมื่อเกิด
การทำความสะอาดคราบบนพื้นไม้ควรทำทันทีที่เกิดขึ้น เพราะคราบจากน้ำ เครื่องดื่ม หรืออาหาร หากปล่อยทิ้งไว้นานจะซึมเข้าสู่เนื้อไม้หรือผิวเคลือบ ทำให้เกิดรอยด่างและความเสียหายถาวรได้ วิธีที่ถูกต้องคือใช้ผ้าแห้งหรือผ้านุ่มซับคราบออกโดยไม่ถูแรง จากนั้นใช้ผ้าชุบน้ำสะอาดหมาด ๆ เช็ดซ้ำเพื่อขจัดคราบที่เหลืออยู่ และเช็ดให้แห้งอีกครั้งเพื่อป้องกันความชื้นสะสม หากเป็นคราบมันหรือคราบที่เช็ดออกยาก ควรใช้น้ำยาทำความสะอาดพื้นไม้โดยเฉพาะ หลีกเลี่ยงการใช้น้ำยาที่มีฤทธิ์กัดกร่อน เพราะจะทำให้สีและผิวเคลือบของพื้นไม้เสียหาย การดูแลอย่างรวดเร็วและถูกวิธีนี้จะช่วยให้พื้นไม้คงความสวยเหมือนใหม่ได้ยาวนาน
5.สัญญาณเตือนที่ควรซ่อมแซมหรือขัดพื้นไม้ใหม่
พื้นไม้มีรอยขีดข่วนลึกหรือรอยสึกหรอจำนวนมาก
หากรอยเหล่านี้ไม่สามารถลบได้ด้วยการขัดเบา ๆ ควรทำการขัดปรับผิวหรือเคลือบใหม่สีไม้หมอง ซีด หรือไม่เงางามเหมือนเดิม
ผิวเคลือบเสื่อมสภาพ ทำให้ความสวยงามลดลงและเนื้อไม้เริ่มถูกทำลายพื้นไม้โก่งตัว บวม หรือแยกออกจากรอยต่อ
มักเกิดจากความชื้นสะสม ต้องรีบแก้ไขก่อนลุกลามพื้นไม้มีเสียงดังเอี๊ยดอ๊าดเมื่อเดินผ่าน
เป็นสัญญาณว่าพื้นหรือโครงยึดไม่แน่น ควรตรวจสอบและซ่อมแซมพบเชื้อรา คราบด่าง หรือกลิ่นอับชื้น
บ่งบอกถึงปัญหาความชื้นที่ต้องแก้ไข พร้อมทำการขัดและเคลือบใหม่เพื่อป้องกันการลุกลาม
การดูแลพื้นไม้ไม่เพียงแต่ช่วยยืดอายุการใช้งาน แต่ยังสะท้อนถึงคุณภาพและรสนิยมของเจ้าของบ้าน หากคุณเริ่มเห็นสัญญาณเตือนเหล่านี้ การขัดพื้นใหม่หรือเปลี่ยนเป็นพื้นไม้คุณภาพสูงก็เป็นทางเลือกที่คุ้มค่า และหากคุณกำลังมองหาพื้นไม้ที่ทั้งทนทาน สวยงาม และได้มาตรฐานสากล VK Floor มีทั้งพื้นไม้เอ็นจิเนียร์ พื้นไม้คอมพาวด์ พื้นลามิเนต และพื้น SPC ที่ตอบโจทย์ทุกสไตล์การตกแต่งบ้าน พร้อมการันตีคุณภาพที่ช่วยให้บ้านของคุณสวยเหมือนใหม่ในทุก ๆ วัน