ก่อนรีโนเวทพื้นบ้าน หรือปูพื้นใหม่ การ “ปรับระดับพื้นปูน” ถือเป็นขั้นตอนสำคัญที่ช่วยให้พื้นเรียบ เสมอ และยึดเกาะวัสดุปูพื้นได้ดี หากข้ามขั้นตอนนี้ไป พื้นใหม่อาจเกิดปัญหา “ยกตัว หลุดร่อน หรือแตกร้าว” ได้ในเวลาไม่นาน
วันนี้เรามาดู 4 วิธีปรับระดับพื้นปูนที่ช่างมืออาชีพนิยมใช้กันมากที่สุด พร้อมอธิบายว่าแต่ละแบบเหมาะกับงานประเภทใด และมีขั้นตอนการทำอย่างไร
1. การเซ้ล หรือการเทปูนปรับระดับ (Self-Leveling Underlayment)
การ “เซ้ล” คือเทคนิคการเทปูนปรับระดับพิเศษที่สามารถ ไหลตัวได้เอง (Self-Leveling) เพื่อให้พื้นเรียบเสมอกันทั้งแผ่น โดยไม่ต้องใช้เกรียงปาดมาก เหมาะกับพื้นภายในบ้าน อาคารสำนักงาน และงานรีโนเวทที่ต้องการความเรียบละเอียด
วิธีการทำ:
ทำความสะอาดพื้นเดิมให้ปราศจากฝุ่น น้ำมัน หรือเศษปูน
ทา Primer เพื่อช่วยให้ปูนใหม่ยึดเกาะพื้นเดิมได้ดี
ผสมปูน Self-Leveling กับน้ำตามอัตราส่วนที่กำหนด
เทปูนลงพื้น แล้วใช้ ไม้ปาดหรือไม้ฟองน้ำ ช่วยเกลี่ยเบา ๆ ให้กระจายทั่ว
รอให้แห้งอย่างน้อย 24 ชั่วโมงก่อนปูวัสดุอื่น
ข้อดี: ได้พื้นเรียบในระดับมิลลิเมตร เร็ว เรียบเนียน เหมาะกับพื้นไม้ พื้นไวนิล และพื้นลามิเนต
2. การแด้บ หรือการปาดปูนด้วยเกรียง (Trowel Finish / Manual Screeding)
“การแด้บ” คือการใช้ปูนปรับระดับทั่วไปหรือปูนทราย ผสมในอัตราที่แข็งแรง แล้วใช้ เกรียงเหล็กหรือไม้ฉาก ปาดให้ได้ระดับตามแนวเส้นที่กำหนดไว้ เป็นวิธีที่นิยมใช้ในงานพื้นทั่วไป เช่น ห้องเก็บของ ระเบียง หรือโรงรถ
วิธีการทำ:
กำหนดแนวระดับด้วย ลูกดิ่งหรือเครื่องวัดระดับน้ำ
ผสมปูนทรายในสัดส่วนมาตรฐาน (ปูน : ทราย ประมาณ 1:3)
เทและปาดปูนด้วยเกรียงเหล็กให้ได้ระดับตามแนว
ใช้ไม้ยาวขูดเก็บแนวให้เรียบเสมอกัน
ปล่อยให้แห้ง 2–3 วันก่อนใช้งาน
ข้อดี: ต้นทุนต่ำ เหมาะกับพื้นที่ไม่ต้องการความละเอียดมาก
3. การขูดหรือขัดพื้นด้วยเกรียงเหล็ก (Surface Grinding / Roughness Check)
การขัดหรือขูดพื้นด้วยเกรียงเหล็ก เป็นวิธีตรวจสอบและเตรียมพื้นก่อนการปรับระดับหรือปูวัสดุใหม่ เพื่อให้ผิวพื้นสะอาดและยึดเกาะได้ดีขึ้น โดยมักใช้ร่วมกับการ “เซ้ล” หรือ “แด้บ”
วิธีการทำ:
ใช้เกรียงเหล็กขูดบนผิวพื้นเพื่อดูความแน่นของปูน
หากปูนเดิมหลุดเป็นฝุ่นหรือผง ต้องสกัดออกให้หมด
ใช้เครื่องขัดพื้น (Grinder) เก็บผิวให้เรียบเนียน
ทำความสะอาดฝุ่น ก่อนเทปูนหรือปูพื้นใหม่
ข้อดี: ตรวจเช็กความแน่นของพื้นเดิมได้ชัด ลดความเสี่ยงพื้นหลุดร่อนในอนาคต
4. การวางแผ่นสมาร์ทบอร์ดหรือแผ่นรองพื้นทับ (Overlay System)
เป็นวิธี “ปูทับโดยไม่ต้องสกัดพื้นเดิม” เหมาะกับพื้นที่ที่พื้นปูนยังแน่นดี แต่อาจมีความต่างระดับเล็กน้อย (ไม่เกิน 3–4 มม.) เช่น ห้องนอน คอนโด หรือโซนรีโนเวทเร่งด่วน
วิธีการทำ:
ตรวจสอบให้พื้นเดิมแน่น ไม่มีเสียงกลวง
ปูแผ่น Smart Board / Cement Board / แผ่นยิปซั่มพื้น หนา 8–12 มม.
ยึดด้วยพุกหรือน็อตตามแนว เพื่อป้องกันการขยับ
ปูโฟมรองพื้นหรือ PE Sheet ก่อนติดตั้งพื้นไม้/ไวนิลทับ
ข้อดี: เร็ว ไม่ต้องสกัดปูนเก่า เหมาะกับรีโนเวทภายในบ้านหรือคอนโดที่ไม่ต้องการฝุ่นและเสียงมาก
การปรับระดับพื้นปูนถือเป็น “จุดเริ่มต้นของการรีโนเวทที่ดี” เพราะพื้นคือฐานของทุกอย่างในบ้าน ไม่ว่าจะเป็นพื้นไม้ พื้นไวนิล หรือกระเบื้อง หากฐานไม่เรียบ ไม่แน่น หรือมีความชื้นสะสม วัสดุปูพื้นใหม่ก็อาจเสียรูป หลุดร่อน หรือแตกร้าวได้ในเวลาไม่นาน ดังนั้น ก่อนรีโนเวททุกครั้ง ควรให้ช่างช่วยประเมินสภาพพื้นเดิม และเลือกวิธีปรับระดับที่เหมาะกับประเภทพื้นที่และวัสดุที่จะปูต่อ เช่น เทปูนเซ้ล (Self-Leveling) สำหรับพื้นภายในที่ต้องการความเรียบละเอียด หรือ ปูสมาร์ทบอร์ดทับ สำหรับงานรีโนเวทเร่งด่วนโดยไม่ต้องสกัดพื้นเก่า
การลงทุนกับ “พื้นฐานที่ดี” แม้จะใช้เวลาเพิ่มอีกเล็กน้อย แต่จะช่วยให้พื้นใหม่ของคุณ เรียบเนียน แข็งแรง และอยู่สวยได้นานหลายปี คุ้มค่ากว่าการซ่อมซ้ำแน่นอน