พื้นลามิเนต HDF vs MDF ต่างกันยังไง? เลือกแบบไหนคุ้มกว่าและดีกว่าสำหรับบ้านคุณ

Table of Contents

                       การเลือก พื้นลามิเนต ไม่ได้มีแค่เรื่องลายไม้หรือความสวยงามเท่านั้น แต่ “แกนกลาง” ของพื้นต่างหากที่เป็นหัวใจสำคัญของความแข็งแรงและอายุการใช้งานในระยะยาว โดยเฉพาะตัวเลือกยอดนิยมอย่าง HDF (High Density Fiberboard) และ MDF (Medium Density Fiberboard) ที่หลายคนมักสับสนว่าต่างกันอย่างไร มีผลกับคุณภาพพื้นลามิเนตแค่ไหน และควรเลือกแบบใดให้เหมาะกับบ้านของเรา

1.HDF คืออะไร? จุดเด่นของแผ่นใยไม้อัดความหนาแน่นสูงที่ใช้ในพื้นลามิเนต

HDF (High Density Fiberboard) คือแผ่นใยไม้อัดความหนาแน่นสูง ผลิตจากเส้นใยไม้บดละเอียดที่สกัดจากเศษไม้และเศษไม้แปรรูป แล้วนำมาอัดด้วยแรงดันสูงจนมีความหนาแน่นมากกว่า 800 kg/m³ ซึ่งมากกว่า MDF และ Particle Board อย่างชัดเจน

ข้อดีของการใช้ HDF ในพื้นลามิเนต:

  • แข็งแรงและแน่นกว่า ช่วยให้ระบบคลิกล็อกยึดได้ดี

  • ให้ความเสถียรสูง ไม่โก่งตัวง่าย

  • ทนต่อแรงกด แรงกระแทก และการใช้งานหนัก

  • เป็นแกนกลางที่เหมาะสำหรับพื้นลามิเนตและพื้นไม้เอ็นจิเนียร์

อย่างไรก็ตาม HDF ไม่เหมาะสำหรับใช้งานกลางแจ้งหรือพื้นที่ที่มีน้ำขัง เพราะดูดซับน้ำได้ง่าย หากเป็นรุ่น Tempered HDF จะมีการเติมน้ำมันที่เปลี่ยนเป็นพอลิเมอร์เมื่อผ่านความร้อน ทำให้ทนชื้นมากขึ้น (ข้อมูลอ้างอิงจาก BuildDirect)

2.MDF คืออะไร? ทำไมถูกใช้ทั้งในพื้นลามิเนตและเฟอร์นิเจอร์

MDF (Medium Density Fiberboard) คือแผ่นใยไม้อัดความหนาแน่นปานกลาง ผลิตโดยนำเส้นใยไม้เหลือจากการผลิต มาผสมเรซินหรือกาว แล้วอัดด้วยความร้อนและแรงดัน

คุณสมบัติของ MDF:

  • ความหนาแน่นประมาณ 600–800 kg/m³

  • ผิวหน้าเรียบ ทำงานง่าย เหมาะกับงานขึ้นรูป

  • ไม่บิดงอง่ายในสภาพความชื้นทั่วไป

  • ใช้ได้ทั้งเป็นแกนพื้นลามิเนตและงานเฟอร์นิเจอร์ เช่น ตู้ ชั้นวาง ผนังบิวท์อิน

แม้ MDF จะมีข้อดีหลายอย่าง แต่เมื่อใช้ในพื้นลามิเนต จะมีความเสถียรและความทนชื้นน้อยกว่า HDF จึงไม่ใช่ตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับพื้นที่ที่ใช้งานหนัก (ข้อมูลจาก BuildDirect)

3.ความแตกต่างสำคัญระหว่าง HDF และ MDF ในพื้นลามิเนต

3.1 ความหนาแน่น (Density)

  • HDF: สูงกว่า แข็งแรงกว่า

  • MDF: ปานกลาง เหมาะงานเฟอร์นิเจอร์

3.2 ความทนทานต่อแรงกระแทก

  • HDF: เหนียวแน่น รับแรงได้ดี

  • MDF: ทนแรงได้ระดับหนึ่ง แต่บุบง่ายกว่า

3.3 ความทนชื้น

  • HDF: ทนชื้นได้ดีกว่า แต่ไม่กันน้ำ 100%

  • MDF: อาจบวมเร็วกว่าในพื้นที่ชื้น

3.4 ความเสถียรของแผ่น (Stability)

  • HDF: คลิกล็อกแน่น ไม่ย้วย

  • MDF: มีโอกาสหลวมเร็วกว่าหากใช้งานหนัก

3.5 อายุการใช้งาน

  • HDF: ยาวกว่า เหมาะกับพื้นที่เดินเยอะ

  • MDF: สำหรับงานเบา–กลาง

3.6 ราคา

  • HDF แพงกว่า แต่คุ้มค่าในการใช้งานจริง

  • MDF ประหยัดกว่า เน้นงานภายในเฟอร์นิเจอ

4.พื้นลามิเนต HDF เหมาะกับใคร? และเมื่อไหร่ควรเลือก MDF

เลือก HDF หากคุณต้องการ:

  • ปูพื้นบ้าน/คอนโดใช้งานหนัก

  • พื้นที่ที่มีความชื้นปานกลาง

  • ความเสถียรสูง ไม่ยวบ ไม่โก่ง

  • อายุการใช้งานยาว 10–20 ปี

เลือก MDF หากคุณต้องการ:

  • งานเฟอร์นิเจอร์ ตู้ ชั้นวาง

  • งบจำกัด

  • งานที่ไม่โดนชื้นหรือแรงกระแทกบ่อย

  • ต้องการผิวหน้าที่เรียบและทำงานง่าย

*อ่านบทความ พื้นลามิเนตเข้ากับสไตล์บ้านแบบไหนบ้าง? รวมไอเดียแต่งบ้านสวยทันสมัย ได้ที่นี่

                    เมื่อเปรียบเทียบทั้งหมดแล้ว จะเห็นได้ว่า HDF ให้ประสิทธิภาพสูงกว่า MDF อย่างชัดเจน ทั้งเรื่องความหนาแน่น ความทนชื้น ความเสถียรของระบบคลิกล็อก และความทนทานต่อแรงกระแทก จึงไม่น่าแปลกใจที่ผู้ผลิตพื้นลามิเนตระดับโลกส่วนใหญ่เลือกใช้ HDF เป็นแกนกลางหลัก เพื่อให้พื้นมีอายุการใช้งานยาวนานและตอบโจทย์การใช้งานจริงในบ้านไทยที่มีทั้งความชื้นและอุณหภูมิแปรปรวน

สำหรับเจ้าของบ้านที่ต้องการพื้นลามิเนตที่สวย ทน ใช้งานได้นานหลายปี การเลือก พื้นลามิเนตแกน HDF คุณภาพสูง คือทางเลือกที่คุ้มค่าและปลอดภัยที่สุด แต่หากเป็นงานเฟอร์นิเจอร์ บานตู้ หรือชิ้นงานตกแต่งภายใน MDF ก็ยังเป็นวัสดุที่เหมาะสมเช่นกัน

หากคุณกำลังมองหาพื้นลามิเนตคุณภาพดี หรืออยากให้เราช่วยแนะนำรุ่นที่เหมาะกับพื้นที่ของคุณ VK Floor พร้อมให้คำปรึกษาและให้ข้อมูลครบทุกขั้นตอน เพื่อให้คุณได้พื้นบ้านที่สวย แข็งแรง และเหมาะกับการใช้งานมากที่สุด

Google Map
Line
Line
Google Map