Home » Blog » รีโนเวทบ้าน » พื้นแบบไหนเหมาะกับบ้านคุณ? เปรียบเทียบพื้นไม้ชนิดต่าง ๆ ก่อน รีโนเวทบ้าน
เมื่อถึงเวลาต้อง รีโนเวทบ้าน “พื้น” คือสิ่งแรกที่หลายคนมักนึกถึง เพราะเพียงเปลี่ยนวัสดุปูพื้น บ้านก็สามารถเปลี่ยนบรรยากาศได้ทันที แต่คำถามคือ ควรเลือกพื้นแบบไหนดี? ระหว่างพื้นไม้จริงที่หรูหราอบอุ่น พื้นลามิเนตที่คุ้มค่าติดตั้งง่าย หรือพื้นไวนิลและ SPC ที่กันน้ำได้ 100% การเลือกวัสดุให้เหมาะกับสไตล์การใช้ชีวิตและสภาพพื้นที่จะช่วยให้บ้านสวย ใช้งานได้ยาว และคุ้มค่าทุกบาทที่ลงทุน บทความนี้จะพาคุณมาทำความเข้าใจจุดเด่นของพื้นแต่ละประเภท พร้อมเปรียบเทียบข้อดีข้อเสียอย่างชัดเจน เพื่อช่วยให้ตัดสินใจได้ง่ายขึ้นก่อนรีโนเวทจริง
1.ทำไมการเลือกวัสดุปูพื้นจึงสำคัญก่อน รีโนเวทบ้าน
การเลือกวัสดุปูพื้นถือเป็นขั้นตอนสำคัญที่สุดก่อนเริ่มรีโนเวทบ้าน เพราะ “พื้น” คือองค์ประกอบหลักที่ทั้งรองรับการใช้งานและสร้างบรรยากาศให้กับทุกห้อง หากเลือกวัสดุไม่เหมาะกับสภาพพื้นที่ เช่น ใช้พื้นไม้จริงในจุดที่มีความชื้นสูง อาจทำให้ไม้บวม พอง หรือเกิดเชื้อราได้ง่าย ในขณะที่พื้นลามิเนตหากติดตั้งไม่ถูกวิธีก็อาจเกิดเสียงดังเมื่อเดิน หรือหลุดร่อนตามขอบได้เร็ว นอกจากนี้วัสดุปูพื้นที่ต่างกันยังมีอายุการใช้งานและค่าใช้จ่ายบำรุงรักษาที่ไม่เท่ากัน การเลือกวัสดุที่เหมาะสมตั้งแต่ต้นจึงช่วยประหยัดงบในระยะยาว เพิ่มความสวยงาม และทำให้บ้านดูใหม่อย่างมืออาชีพจริง ๆ
2.เปรียบเทียบประเภทพื้นไม้ ในการ รีโนเวทบ้าน
2.1 พื้นไม้จริง (Solid Wood)
วัสดุ/โครงสร้าง: ไม้แท้ทั้งแผ่น
จุดเด่น: อายุยืนที่สุด ซ่อมฟื้นสภาพได้ มูลค่าอสังหาฯ สูง
ข้อควรระวัง: ไวต่อความชื้น อุณหภูมิ เปลี่ยนรูป/โก่งงอได้ ราคาและค่าแรงสูง ต้องควบคุมความชื้นหน้างาน
พื้นที่แนะนำ: ห้องนั่งเล่น, ห้องนอน
2.2 พื้นไม้คอมพาวด์ (Compound Wood)
วัสดุ/โครงสร้าง: ไม้จริงหลายชั้น/แผ่นคอมพาวด์ ออกแบบให้คงรูปมากขึ้นกว่าพื้นไม้จริง
จุดเด่น: ดูเป็นไม้จริงมาก ใกล้เคียง engineered แต่เน้นสูตรโครงสร้างเฉพาะ คุมความบิดงอได้ดี
ข้อควรระวัง: การขัดซ้ำขึ้นอยู่กับชั้นผิวหน้า (Top Layer) ถ้าบางจะขัดได้จำกัด ราคาอยู่ระดับกลาง–สูง
พื้นที่แนะนำ: คอนโด/บ้านที่ต้องการลุคไม้แท้แต่ควบคุมสภาพหน้างานได้
2.3 พื้นไม้เอ็นจิเนียร์ (Engineered Wood)
วัสดุ/โครงสร้าง: หน้าไม้แท้ บนแกนไม้หลายชั้น/ไม้อัด ทำให้ ทนชื้น–เปลี่ยนอุณหภูมิได้ดีกว่า ไม้จริง
จุดเด่น: ความเสถียรสูงกว่าพื้นไม้จริง สัมผัสจริง ขัดบางเบาได้ (ขึ้นกับความหนาหน้าไม้)
ข้อควรระวัง: ขัดซ้ำได้จำกัด ต้องควบคุมความชื้นพื้นล่างเหมือนกัน
พื้นที่แนะนำ: ห้องนั่งเล่น ห้องนอน คอนโด
2.4 พื้นลามิเนต (Laminate)
วัสดุ/โครงสร้าง: แกน HDF + ผิวลายไม้ + เคลือบกันรอย (AC Rating) ระบบคลิกล็อก
จุดเด่น: ราคาเข้าถึงง่าย ติดตั้ง–รื้อเปลี่ยนง่าย มีเกรดกันรอยหลายระดับ
ข้อควรระวัง: ไม่ทนน้ำขัง/ความชื้นสูง (ยกเว้นรุ่นกันชื้นเฉพาะ) เกิดเสียงได้ถ้าพื้นล่างไม่เรียบ
พื้นที่แนะนำ: ห้องนอน ห้องนั่งเล่น โครงการรีโนเวทงบจำกัด
2.5 พื้นไวนิล
วัสดุ/โครงสร้าง: โพลีเมอร์ (PVC) ผิวลายไม้ + Wear Layer
จุดเด่น: กันปลวก กันน้ำ ทำความสะอาดง่าย เหมาะบ้านมีสัตว์เลี้ยง/เด็ก
ข้อควรระวัง: ต้องเตรียมพื้นให้เรียบเนียน (โดยเฉพาะแบบกาว) ความทนรอยขึ้นกับความหนา Wear Layer
พื้นที่แนะนำ: ครัว, โถง, คอนโด, ห้องที่ต้องถูบ่อย
2.6 พื้น SPC (Stone Plastic Composite)
วัสดุ/โครงสร้าง: หินปูน–โพลีเมอร์ แข็ง–คงรูปสูง, ผิวลายไม้ + Wear Layer, คลิกล็อก ส่วนใหญ่มีโฟมรองในตัว
- จุดเด่น: ต้านความชื้นสุด แข็งแรง ไม่โก่งง่าย ดูแลง่าย เหมาะบ้านยุคใหม่/พื้นที่เสี่ยงชื้น
ข้อควรระวัง: สัมผัสอาจแข็งกว่าพื้นไม้อื่นเล็กน้อย เลือกชั้นโฟม/ชั้นกันเสียงที่เหมาะสม
พื้นที่แนะนำ: ครัว โถง ทางเดิน คอนโด พื้นที่เลอะบ่อย
| ประเภทพื้น | คุณสมบัติหลัก | การใช้งานที่เหมาะสม |
|---|---|---|
| พื้นไม้จริง (Solid Wood) | ทำจากไม้แท้ทั้งแผ่น ให้สัมผัสธรรมชาติ หรูหรา อายุการใช้งานยาวนานมาก สามารถขัดเคลือบซ้ำได้ | เหมาะกับห้องนั่งเล่น ห้องนอน หรือบ้านสไตล์คลาสสิกที่ต้องการความอบอุ่นจากไม้แท้ |
| พื้นไม้คอมพาวด์ (Compound Wood) | ใช้โครงสร้างไม้จริงหลายชั้นหรือวัสดุผสม เสถียรกว่าไม้จริง ไม่โก่งง่าย แต่ยังคงลวดลายธรรมชาติ | เหมาะกับบ้านหรือคอนโดที่ต้องการความสวยเหมือนไม้จริง แต่ควบคุมสภาพอากาศได้ยาก |
| พื้นไม้เอ็นจิเนียร์ (Engineered Wood) | ชั้นบนเป็นไม้จริง ผสมชั้นไม้รองรับหลายชั้น ทนชื้นและอุณหภูมิเปลี่ยนได้ดีกว่าไม้แท้ | เหมาะกับห้องนั่งเล่น ห้องนอน และคอนโดที่ต้องการพื้นไม้แท้แต่ติดตั้งง่ายและคงรูปดี |
| พื้นลามิเนต (Laminate) | ทำจากแผ่น HDF เคลือบลายไม้ ราคาย่อมเยา ติดตั้งง่ายและรวดเร็ว | เหมาะกับการรีโนเวทที่ต้องการความคุ้มค่า เช่น ห้องนอน ห้องรับแขก หรือโครงการบ้านทั่วไป |
| พื้นไวนิล (Vinyl LVT/LVP) | ทำจากโพลีเมอร์ กันน้ำ 100% เดินนุ่ม ดูแลง่าย ลายไม้สมจริง | เหมาะกับพื้นที่เสี่ยงเปียก เช่น ห้องครัว โถงทางเดิน หรือบ้านที่มีเด็กและสัตว์เลี้ยง |
| พื้น SPC (Stone Plastic Composite) | แกนหินผสมพลาสติก แข็งแรง ทนชื้นสุด ไม่โก่งงอ กันปลวกได้ดี | เหมาะกับทุกพื้นที่ในบ้าน โดยเฉพาะครัว โถง หรือคอนโดที่ต้องการพื้นแข็งแรงและดูแลง่าย |
3.เลือกพื้นให้คุ้ม ต้องดูอะไรบ้างนอกจากราคา
ความทนต่อรอยขีดข่วนและความชื้น: หากมีสัตว์เลี้ยง เด็ก หรือพื้นที่ที่ต้องทำความสะอาดบ่อย ควรเลือกพื้นลามิเนตเกรดกันรอยสูง (AC4–AC5) หรือพื้นไวนิล/SPC ที่กันน้ำและปลวกได้ 100% เพื่อป้องกันปัญหาพื้นบวมหรือเป็นรอยง่าย
อายุการใช้งานและการรับประกัน: วัสดุปูพื้นแต่ละประเภทมีอายุใช้งานต่างกัน เช่น ไม้จริงอยู่ได้หลายสิบปี ส่วนพื้นลามิเนตและไวนิลมีอายุเฉลี่ย 10–20 ปี ควรตรวจสอบเงื่อนไขการรับประกันจากผู้ผลิตว่าครอบคลุมทั้งวัสดุและงานติดตั้งหรือไม่
ความเข้ากันได้กับสไตล์บ้าน: เลือกสีและพื้นผิวให้สอดคล้องกับโทนตกแต่งโดยรวม เช่น บ้านมินิมอลควรเลือกโทนไม้ธรรมชาติหรือเอิร์ธโทน ส่วนบ้านโมเดิร์นควรใช้พื้นเฉดเทาหรือดำด้านเพื่อให้ลุคเรียบหรู
บริการติดตั้งและดูแลหลังการขาย: งานพื้นคุณภาพไม่ได้จบแค่ตัววัสดุ แต่ขึ้นอยู่กับการติดตั้งและบริการหลังการขายด้วย เลือกแบรนด์ที่มีทีมช่างเฉพาะทาง เช่น VK Floor ซึ่งให้บริการครบทั้งการประเมินพื้นเดิม การติดตั้งมาตรฐาน และการดูแลหลังรีโนเวท เพื่อให้พื้นสวยทนและใช้งานได้ยาวนาน
การเลือกวัสดุปูพื้นไม่ใช่แค่เรื่องของรสนิยม แต่คือการออกแบบ “ความสบาย” ที่อยู่กับเราในทุกวัน หากคุณต้องการความหรูหราธรรมชาติ พื้นไม้จริงหรือพื้นเอ็นจิเนียร์คือคำตอบ แต่ถ้าต้องการความคุ้มค่าและติดตั้งรวดเร็ว พื้นลามิเนตหรือพื้นไวนิลก็เหมาะอย่างยิ่ง ส่วนบ้านยุคใหม่ที่ต้องการความทนและกันชื้นสูง พื้น SPC คือทางเลือกที่ตอบโจทย์ที่สุด ไม่ว่าคุณจะเลือกพื้นแบบใด การปรึกษาผู้เชี่ยวชาญจาก VK Floor จะช่วยให้คุณได้วัสดุที่ตรงกับงบประมาณ ดีไซน์ และฟังก์ชันการใช้งาน เพื่อให้การรีโนเวทบ้านของคุณ “สวย คุ้ม และอยู่สบายไปอีกนาน”
