พื้นไม้สำหรับออฟฟิศ เลือกแบบไหนดี? คู่มือฉบับปี 2025 สำหรับเจ้าของธุรกิจและ Interior Designer

Table of Contents

                   การเลือกพื้นสำหรับออฟฟิศอาจดูเป็นเรื่องเล็ก แต่จริง ๆ แล้วเป็นหนึ่งในองค์ประกอบที่กำหนดทั้งบรรยากาศ การทำงาน และภาพลักษณ์ขององค์กรโดยตรง ออฟฟิศที่พื้นเสียงดัง เดินแล้วสะท้อน เก้าอี้ล้อเลื่อนทำรอย หรือพื้นไม่เข้ากับ Mood & Tone ของแบรนด์ มักทำให้พนักงานทำงานไม่สบาย ลูกค้ารู้สึกไม่ประทับใจ และทำให้ภาพรวมดูไม่เป็นมืออาชีพ ปี 2025 จึงเป็นปีที่หลายบริษัทเริ่มให้ความสำคัญกับการเลือก “พื้นลายไม้” มากขึ้น เพราะช่วยยกระดับความรู้สึกของพื้นที่ได้ทันที ทั้งด้านสุนทรียะ ฟังก์ชัน และความสะดวกในการดูแลรักษา บทความนี้จะพาคุณมาดูว่าพื้นแบบใดที่เหมาะกับออฟฟิศของคุณที่สุด และควรเลือกอย่างไรให้คุ้มค่า ลงตัว และใช้งานได้จริงในทุกวัน

1.ทำไมพื้นไม้ถึงเหมาะกับออฟฟิศยุคใหม่

ออฟฟิศยุคใหม่ไม่ได้เป็นแค่พื้นที่ทำงาน แต่คือพื้นที่ที่ต้องสื่อภาพลักษณ์องค์กร สร้างบรรยากาศที่ดีต่อพนักงาน และรองรับการใช้งานหนักในทุกวัน ทำให้ “พื้นไม้และพื้นลายไม้” กลายเป็นตัวเลือกที่ได้รับความนิยมมากขึ้นในปี 2025 เพราะให้ทั้งความสวยงามแบบอบอุ่น น่าเชื่อถือ และเป็นมืออาชีพ ช่วยลดเสียงก้องและเสียงรบกวนในห้องประชุมหรือพื้นที่ทำงาน ทำให้พนักงานโฟกัสได้มากขึ้น อีกทั้งยังเดินสบายกว่าเมื่อเทียบกับพื้นปูนหรือกระเบื้อง ลดความเมื่อยล้าจากการยืนหรือเดินทั้งวัน รวมถึงตอบโจทย์เทรนด์ Renovation ที่ต้องการงานติดตั้งรวดเร็ว ดูแลรักษาง่าย และควบคุมงบได้ดี จึงเหมาะอย่างยิ่งสำหรับออฟฟิศทุกประเภทที่ต้องการอัปเกรดบรรยากาศให้ดูทันสมัยและคุณภาพสูงขึ้นในทันที

2.พื้นแบบไหนมีคุณสมบัติเหมาะกับพื้นสำหรับออฟฟิศ 

  • ทนรอยจากเก้าอี้ล้อเลื่อน พื้นต้องมีผิวหน้าที่แข็งแรง ไม่ถลอกง่าย แม้ใช้งานหนักทุกวัน

  • กันชื้น–กันน้ำได้ดี โดยเฉพาะบริเวณ Pantry, โซนแม่บ้าน และพื้นที่ที่เสี่ยงต่อการมีน้ำหก

  • ลดเสียงก้องและเสียงรบกวน เพื่อให้พื้นที่ทำงานและห้องประชุมมีบรรยากาศที่เงียบและโฟกัสได้มากขึ้น

  • รับน้ำหนักได้ดี รองรับโต๊ะประชุมขนาดใหญ่ ตู้เอกสารโลหะ และเฟอร์นิเจอร์สำนักงานที่มีน้ำหนักมาก

  • ติดตั้งรวดเร็ว ไม่สะเทือนการทำงาน ช่วยลด Downtime ของออฟฟิศ โดยไม่ต้องปิดพื้นที่หลายวัน

  • ผิวหน้าไม่ลื่น เพื่อความปลอดภัยของพนักงานในพื้นที่ที่มีการเดินเข้าออกตลอดเวลา

  • ทำความสะอาดง่าย ลดต้นทุนการดูแลรักษาระยะยาว และทำให้พื้นที่ดูเรียบร้อยอยู่เสมอ

  • มีมาตรฐานความปลอดภัยต่อสุขภาพ เช่น ค่า VOC ต่ำ หรือการรับรองจากมาตรฐานสากล เพื่อให้พื้นที่ทำงานปลอดภัยต่อการใช้งานในระยะยาว

*อ่านบทความ เช็กลิสต์ “พื้นออฟฟิศที่ดี” ได้ที่นี่

3.วิธีเลือกพื้นไม้ให้เหมาะกับ “ฟังก์ชันในออฟฟิศ”

การใช้งานแต่ละโซนมีภาระงานและความต้องการต่างกัน การเลือกพื้นแบบเดียวทั้งออฟฟิศอาจไม่ตอบโจทย์ทั้งหมด

3.1 โถงต้อนรับ (Reception)

  • ต้องการความหรู ดู Professional

  • ควรใช้พื้นลายไม้โทนอบอุ่น–เข้มที่ทนรอยดี

3.2 ห้องประชุม (Meeting Room)

  • ต้องการลดเสียงก้อง

  • ควรใช้พื้นผิวที่ช่วยซับเสียงและเดินเงา

3.3 พื้นที่ทำงานพนักงาน (Workstation)

  • เก้าอี้ล้อเลื่อนเยอะ  ต้องทนรอยมาก

  • แนะนำผิวด้าน ไม่ลื่น

3.4 ห้องผู้บริหาร (Executive Room)

  • เน้นภาพลักษณ์ระดับสูง

  • พื้นโทนไม้จริง / effect ใกล้เคียงธรรมชาติ

3.5 Pantry / โซนกินข้าว

  • ความชื้นสูงกว่า

  • ควรเป็นพื้นกันน้ำ 100%

*อ่านบทความ วิธีเลือกพื้นไม้ให้เหมาะกับแต่ละพื้นที่ในออฟฟิศ ได้ที่นี่

4. วิธีดูแลพื้นไม้สำหรับออฟฟิศ

แม้พื้นจะทน แต่หากดูแลดีจะใช้งานได้ยาวขึ้นและคุ้มค่ากว่าเดิม

4.1 การถนอมพื้นจากเก้าอี้ล้อเลื่อน

  • ใช้ Felt Pad หรือเสื่อรองล้อที่บาง

  • เลือกล้อ PU ที่ถนอมผิวพื้น

4.2 การทำความสะอาดประจำวัน

  • ใช้ไม้ถูพื้นแบบชื้นหมาด

  • หลีกเลี่ยงน้ำปริมาณเยอะ

  • ใช้น้ำยาทำความสะอาดที่เหมาะกับพื้นประเภทนั้น

4.3 การป้องกันความเสียหายจากเฟอร์นิเจอร์

  • ติดแผ่นรองขาโต๊ะ/ตู้

  • เวลาย้ายของให้ยก ห้ามลาก

4.4 การดูแลโซน Pantry

  • เช็ดน้ำทันที
  • ตรวจรอยน้ำจากตู้เย็น/เครื่องกรองน้ำ

*หมายเหตุ : วิธีดูแลพื้นไม้สำหรับออฟฟิศ ได้ที่นี่ 

5. ปัญหาในออฟฟิศที่พบบ่อย

ปัญหา 1: รอยขีดข่วนจากเก้าอี้ล้อเลื่อน

ปัญหา 2: ความชื้นใน Pantry และโซนน้ำ

ปัญหา 3: เสียงก้อง  เดินแล้วดังในห้องประชุมคุณสมบัติเด่น: ลดเสียงสะท้อน, Soft Underlay

ปัญหา 4: ห้องผู้บริหารต้องการลุค Premium

ปัญหา 5: ออฟฟิศต้องการติดตั้งเร็ว ไม่รบกวนการทำงาน  

*อ่านบทความ ปัญหาในออฟฟิศที่พบบ่อย พร้อมวิธีแก้  ได้ที่นี่คลิกเลย!

6.พื้นไม้ที่นิยมในออฟฟิศ 2025

ปี 2025 พื้นไวนิลยังคงครองอันดับหนึ่งในกลุ่ม “พื้นสำหรับออฟฟิศ” เพราะตอบโจทย์ครบทั้งเรื่องภาพลักษณ์ ความทนทาน และความคุ้มค่า เหมาะกับทั้งออฟฟิศที่กำลังรีโนเวทและออฟฟิศที่ต้องการอัปเกรดให้ดูเป็นมืออาชีพมากขึ้น โดยเฉพาะธุรกิจที่ต้องการพื้นสวย เดินสบาย และดูแลไม่ยาก

ด้านล่างคือคุณสมบัติสำคัญของ พื้นไวนิล ที่ทำให้เป็นตัวเลือกยอดนิยมสำหรับออฟฟิศในปีนี้ พร้อมแนวทางการขายที่ใช้สื่อสารได้ทันที

คุณสมบัติเด่นของพื้นไวนิลสำหรับออฟฟิศ

  • กันน้ำ 100% ใช้งานออฟฟิศได้ทุกโซน

  • ลดเสียงได้ดี เดินแล้วไม่ก้อง
    ทนรอยขีดข่วนจากล้อเก้าอี้

  • เดินสบาย ไม่แข็งเท่ากระเบื้องหรือพื้นปูน

  • ติดตั้งสะดวก ไม่ต้องปิดออฟฟิศหลายวัน

  • ดีไซน์ทันสมัย เหมาะกับ Mood & Tone ของออฟฟิศทุกสไตล์

  • ทำความสะอาดง่าย ดูแลไม่ยุ่งยาก

                       พื้นไวนิลคือคำตอบของออฟฟิศยุคใหม่ที่ต้องการทั้งความสวยงาม ความทนทาน และบรรยากาศที่พนักงานอยากทำงานทุกวัน และถ้าคุณกำลังมองหาพื้นไวนิลที่ “ครบกว่า” ในทุกรายละเอียด Allure Vinyl Floor คือแบรนด์ที่ตอบโจทย์ที่สุดสำหรับปี 2025 ด้วยโครงสร้าง Isocore แข็งแรงเป็นพิเศษ เดินนุ่ม ลดเสียงล้อเก้าอี้ได้ดี กันน้ำ 100% และมีเทคโนโลยี Ultrafresh ป้องกันเชื้อรา–แบคทีเรีย เหมาะตั้งแต่โถงต้อนรับ ห้องประชุม ไปจนถึงพื้นที่พนักงาน ดีไซน์ลายไม้ระดับพรีเมียมที่ให้ภาพลักษณ์มืออาชีพตั้งแต่ก้าวแรกของลูกค้า หากต้องการอัปเกรดออฟฟิศให้ดูสมาร์ท ก้าวทันเทรนด์ และดูแลง่ายในระยะยาว Allure คือพื้นไวนิลที่คุ้มค่าที่สุดสำหรับออฟฟิศทุกขนาด

Google Map
Line
Line
Google Map